ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 10 - 16 กันยายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ก่อสร้างและที่ดิน |
เผยแพร่ |
โควิดซา อสังหาฯ ซึม
จํานวนผู้ติดเชื้อใหม่แม้จะอยู่ในระดับหลักหมื่นกว่า แต่ก็ค่อยๆ มีแนวโน้มลดลง ทั้งจากการฉีดวัคซีนที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น ซึ่งจากนี้ไปปริมาณความต้องการวัคซีนในตลาดโลกคงลดต่ำลง หลายประเทศเริ่มมีเหลือ ประเทศไทยเราของหาได้ง่ายขึ้น
คู่ขนานกันมา เชื่อกันว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่ได้รับการตรวจคัดกรอง และไม่ได้รับการฉีดวัคซีนมีจำนวนมากกว่าตัวเลขรายงานทางการประจำวันหลายเท่าตัว
คนจำนวนมากเหล่านี้เป็นแล้วหายไปเอง เกิดภูมิคุ้มกันเองตามธรรมชาติ เมื่อรวมกับคนได้วัคซีน น่าจะเริ่มมากพอทำให้มีภูมิคุ้มกันหมู่ขึ้นมาได้บ้าง
พอเรื่องความเจ็บความตายผ่อนคลายลงไปบ้าง เรื่องปากท้องทำมาหากินก็ขึ้นมาเป็นเรื่องอันดับแรกที่ต้องคิดต้องทำ
สําหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เริ่มดูจากจุดเล็กๆ นักลงทุนรายย่อยที่ซื้อห้องชุดไว้หารายได้จากค่าเช่า ผ่านวิกฤตโควิดแพร่ระบาดมากว่าปีครึ่ง ค่าเช่าห้องค่อยๆ ลดลงตามกำลังซื้อมาเป็นลำดับ
ถึงขณะนี้ห้องชุดจำนวนมากหาคนเช่าไม่ได้
เพราะคนเช่าห้องชุดในเมืองชานเมืองส่วนใหญ่คือลูกจ้างพนักงานบริษัทเอกชนขนาดกลางและเล็กซึ่งมีจำนวนการจ้างแรงงานเมืองมากที่สุด
กิจการเหล่านี้ต้องปิดกิจการ ปิดชั่วคราวบ้าง ปิดถาวรไปเลยก็ไม่น้อย
ผลที่จะตามมา สำหรับรายที่ซื้อห้องชุดด้วยเงินสด หรือผ่อนธนาคารหมดแล้ว ผลก็แค่ขาดรายได้ แต่ถ้ากรณีที่ยังอยู่ระหว่างผ่อนส่งเงินกู้ซื้อห้องชุดกับธนาคารเจ้าหนี้ รายได้ที่ได้ตอนนี้ไม่เพียงพอการผ่อน ทำให้สะดุดหรือหยุดการผ่อน
สุดท้ายก็จะเข้าสู่วงจรหนี้เสียหรือหนี้ NPL ใช้เวลาอีก 1-2 ปีผ่านการดำเนินคดี จนขายทอดตลาดบังคับคดีก็กลายเป็นหนี้ NPA
ผลกระทบต่อโครงการคอนโดมิเนียมเดิมที่ยังเปิดขาย ที่ห้องชุดเหลือขายอัตราการขายช้าอยู่แล้ว ก็อาจจะยากขึ้นเพราะเจ้าของรายย่อยอาจนำมาขายแข่ง ส่วนโครงการใหม่หากราคาขายชนกับราคาห้องชุดเหลือขายอยู่แล้วก็ยาก แต่ถ้าหลบไปตลาดที่ระดับราคาต่ำกว่าลงไป หรือสูงขึ้นไป ก็อาจยังพอมีกำลังซื้อบ้าง
โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบที่ขายดีขึ้นผิดหูผิดตาหลังล็อกดาวน์กลางปี 2563 ที่ผ่านมาจนถึงปลายปี แต่มาปี 2564 ก็กลับมาอยู่ในภาวะปกติ คือ มีขายดีบ้างบางโครงการบางระดับราคาและในบางทำเล แต่ส่วนใหญ่ก็เริ่มรู้สึกแล้วว่า ยอดขายช้าลง
นี่เป็นข้อดีของสินค้าอสังหาฯ เพื่อที่อยู่อาศัย คือ สินค้าแม้ระดับราคาเดียวกันแต่ต่างทำเลกัน ไม่สามารถทดแทนกันได้ ทำให้บางทำเลยังขายดีเพราะมีความต้องการ บางทำเลขายช้า หรือบางทำเลขายไม่ได้ ทำให้ไม่สะดุดไปพร้อมกันทั้งตลาดเหมือนโรงแรม
อย่างไรก็ดี บ้าน คอนโดฯ เป็นสินค้าคงทนราคาสูง กลุ่มเดียวกับรถยนต์ส่วนบุคคล ยอดขายรวมทั้งตลาดจึงผันแปรไปตามภาวะเศรษฐกิจซึ่งก็คือรายได้ของผู้คนในระบบเศรษฐกิจอย่างแยกไม่ออก
ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือนสิงหาคม 2564 ว่า การเลิกกิจการ การเลิกจ้างช่วงโควิดที่ผ่านมา ทำให้รายได้หายไปจากระบบ 2.6 ล้านล้านบาท เกิดเป็น “หลุมรายได้” ที่หายไป จะส่งผลให้ปีต่อไปจากนี้การเติบโตเศรษฐกิจประเทศหรือ GDP ต่ำกว่า 3% ไป 3 ปี แต่ถ้ารัฐบาลกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทมาอัดฉีดใส่ระบบ จะทำให้เศรษฐกิจโตมากกว่า 3%
จะต่ำกว่าหรือสูงกว่าแค่นี้ ก็เรียกว่าซึมแหละ
ถ้านาน 3 ปีก็ซึมยาว ถ้าถึง 20 ปีไม่ใครก็ใครต้องไปก่อนล่ะ