เผยแพร่ |
---|
สถานีคิดเลขที่12/สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
—————————
ใครจะเป็นรายต่อไป
—————————
ชัดเจนไปแล้ว ว่าผลการแบตเทิลทางการเมือง
ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ใครไป”สู่ขิต” ตามสำนวนของ 2 พ.ส. พระมหาสมปอง และ พระมหาไพวัลย์
ถามว่า เมื่อ ร.อ.ธรรมนัส ไปแล้ว ปัญหาในพรรคพลังประชารัฐจะจบไหม
คำตอบก็คือ ไม่จบ
ต้องติดตามต่อไปใครจะไป”สู่ขิต”รายต่อไปด้วย
เฉพาะหน้า หลัง 2เก้าอี้รัฐมนตรีว่างลง
ยังไม่รู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเลือกทางไหน
ระหว่าง ยื้อไม่ปรับเพื่อควบคุมไม่ให้กระเพื่อมมากกว่านี้
หรือ ปรับ เพื่อจัดดุลอำนาจในพรรคใหม่
แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหน ล้วนทำให้ มีผู้ได้-ผู้เสีย
โดยเฉพาะถ้าปรับ มุ้งแต่ละมุ้งคงแย่งกันหนักแน่
ใครได้ก็พอใจ ใครไม่ได้ก็ย่อมเสียใจและอาจก่อปัญหาให้พรรคระส่ำซ้ำขึ้นมาอีก
มองไกลไปกว่านั้น คือ การหาผู้มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค
เริ่มมีการพูดถึงการปรับโครงสร้างพรรคใหม่กันแล้ว
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่กำลัง”งอน”หลัง2ลูกรักถูกปลด จะถูกบีบให้ทำหรือไม่
แต่ไม่ว่าจะบีบ หรือสมัครใจทำ เชื่อกันว่า 2ป.พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา คงจะเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แม้จะไม่ใช่สมาชิกพรรคก็ตาม
เพราะบทเรียนจากกรณี กลุ่ม 4 ช. ที่ล้วนเป็นคนใกล้ชิดพล.อ.ประวิตร ได้กลายเป็นปัญหาให้กับพล.อ.ประยุทธ์ และพล.อ.อนุพงษ์ มาแล้วคงจะไม่ปล่อยให้เกิดขึ้นอีก
ขณะที่เลขาธิการพรรคคนใหม่ ก็มีความสำคัญสูง เพราะจะเป็นผู้ดูแลการเลือกตั้งครั้งหน้าที่ใกล้เข้ามาเต็มที
จะยังให้เป็นคนของ พล.อ.ประวิตร อีกหรือไม่
หรือ พล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้ง พล.อ.อนุพงษ์ จะเข้ามามีส่วนกำหนดมากน้อยแค่ไหน
และที่น่าสนใจจะคุมขั้วอำนาจเดิมที่ร.อ.ธรรมนัส ดูแลอยู่อย่างไร
เพื่อไม่ให้แอบป่วนขณะฝ่ายร.อ.ธรรมนัสยังคาราคาซังอยู่ในพรรคอีกระยะหนึ่ง
ทั้งจะรับมืออย่างไร หาก ร.อ.ธรรมนัส ย้ายพรรคจริงๆ ซึ่งคงไม่ได้ไปคนเดียวน่าจะมีคนติดตามออกไปไม่น้อย
ดังนั้น ผู้ที่จะมาเป็นเลขาธิการพรรค ที่จะต้องมาทำงานร่วมกับพล.อ.ประวิตร จึงสำคัญ
หากไม่ใช่คนที่พล.อ.ประวิตรเลือกแต่เป็นคนนอกพรรคอย่างพล.อ.ประยุทธ์กำหนด
จะเกิดภาวะ หัวหน้าพรรคไปทาง เลขาธิการพรรคไปทางหรือไม่
เหล่านี้ ล้วนเป็นปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้
รวมถึง หากประเมินว่า พรรคพลังประชารัฐ อาจจะไม่โตไปกว่านี้ได้เมื่อขั้วของร.อ.ธรรมมนัสแยกออกไป
อันอาจจำเป็นที่ ฝ่ายกุมอำนาจในปัจจุบัน จะต้องมีพรรคสาขา หรือพรรคพันธมิตรเกิดขึ้น
ซึ่งตอนนี้ หลายสายตาจับจ้องไปยังพล.อ.อนุพงษ์ และกลไกของคนในกระทรวงมหาดไทย ที่มีการเคลื่อนไหวจะสร้างพรรคใหม่ขึ้นมา
แม้จะจำเป็นแต่นั่นย่อมทำให้อำนาจ 3 ป.ไม่รวมศูนย์เหมือนเดิม
ยิ่งหากบริหารจัดการไม่ดี มีโอกาสที่ช่วงชิงการนำกันเองได้ก็มีสูง
พล.อ.ประยุทธ์ แม้ตอนนี้ดูจะมีอำนาจ สามารถชี้เป็นชี้ตายคนอื่นได้
แต่ ในอนาคตอันใกล้ เมื่อการเลือกตั้งเกิดขึ้น พล.อ.ประยุทธ์ จะลอยตัว นั่งรอ ให้มีผู้เอาเก้าอี้นายกฯมาประเคนให้สบายๆเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว
จะต้องโน้มตัวลงไปคลุกกับการเมืองมากขึ้น
คำถามคือจะทำใจหรือปรับตัวกับการต่อรองของนักการเมืองได้แค่ไหน
เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญ
และไม่ง่ายนักที่จะฟันฝ่าไป โดยเฉพาะการดำรงความสัมพันธ์ ระหว่าง 3 ป.
หากจัดการไม่ดีหรือ พลาดพลั้งไป ก็อาจมีใครต้องไป”สู่ขิต”อีก
ฟันธงได้เลย หลังจากร.อ.ธรรมนัส ยังมีรายต่อไป !