ไขปริศนา! ที่มาของปก”มติชนสุดสัปดาห์” “ไม่ใครก็ใครจะต้องสู่ขิต”

คำว่า “สู่ขิต”

เป็นคำฮิตอยู่แล้วในโลกโซเชียลมีเดีย

แต่ก็มา ฮิต และฮอต มากขึ้น

เมื่อ 2 พ.ส. พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ กับพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต จัดไลฟ์สด “แบตเทิลธรรมะ”ผ่านเฟซบุ๊คขึ้น ก็ได้โปรโมทรายการดังกล่าว ให้น่าสนใจ

ทำให้เกิดประโยค “ไม่ใครก็ใครจะต้องสู่ขิต” ขึ้นมา

เพื่อเร้าใจให้ติดตามว่า 2 พ.ส. ใครจะอยู่ และใครจะไป สู่ขิต

ทำให้คําว่า “สู่ขิต” ที่มาจากคำว่า “สู่สุคติ”โด่งดังเป็นพลุแตกยิ่งขึ้น

และสร้างแรงสะเทือนไปทั้งในและนอกวัด

จนต้องลุ้น “เจ้ากู” ทั้งสองรูป จะถูก “องค์กรสงฆ์-พระผู้ใหญ่” ทำให้ไป “สู่ขิต” ฐานปฏิบัติตนไม่สมสมณสารูปหรือไม่

ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของวัด ที่ดุเดือดเลือดพล่าน

แต่ที่ดุเดือดไม่แพ้กัน ก็คงเป็นเรื่อง “การเมือง”

ที่แม้ว่า ศึกซักฟอกจะจบลงไปแล้ว

แต่อย่างที่สังคมได้รับรู้ คือ “เรื่องไม่จบ”

โดยเฉพาะในพรรคพลังประชารัฐ ที่กำลังถูกจับตาว่า ใครจะถูกทำให้ “สู่ขิต” ทางการเมืองหรือไม่

หลังเกิด เกิดการแบตเทิลทางการเมืองขึ้น ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่เปิดแบตเทิล กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ซึ่ง”มติชนสุดสัปดาห์”ก็ จับตาเช่นกัน และประเมินว่า งานนี้แบตเทิลกันหนักอย่างแน่นอน

ไม่ใครก็ใคร ที่ต้องไป

จึงหยิบยืมประโยค “ไม่ใครก็ใครจะต้องสู่ขิต” มาขึ้นปก เพื่ออธิบายถึงปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นดังกล่าว

และก็ปรากฏว่า ภายในเวลาอันไม่นาน สังคม ก็ได้รู้แล้วว่า ใครอยู่ใครไป

ซึ่งแน่นอนว่า ย่อมนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง”การเมือง”ที่เร็วและแรง มากยิ่งขึ้น

การจะเข้าใจเรื่องนี้ได้คงต้องติดตามรายละเอียด ใน”มติชนสุดสัปดาห์”

ซึ่งเช่นกัน เรื่องนี้แค่เริ่มต้น ปัญหายังส่อเค้ารุนแรงต่อเนื่อง ต่อไป ไม่จบง่ายๆ

และนำไปสู่ปรากฏการณ์ “ไม่ใครก็ใครจะต้องสู่ขิต”อีกแน่นอน!!

——————–