ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 17 - 23 กันยายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | มุมมุสลิม |
ผู้เขียน | จรัญ มะลูลีม |
เผยแพร่ |
มุมมุสลิม
จรัญ มะลูลีม
อัฟกานิสถาน
: การกลับมาของฏอลิบาน (6)
การปกครองแบบเอมิเรตส์อิสลาม (Islamic Emirate)
คําว่าเอมิเรตส์มาจากคำว่าอมีร (Amir) ในภาษาอาหรับ หมายถึงผู้นำ ทั้งนี้ ผู้นำประเทศในโลกมุสลิมหรือในรัฐกษัตริย์ส่วนใหญ่จะมีคำนำหน้า เช่น ชัยค์ หรือชีค (Shiek) อมีร (Amir) หรืออิมีร (Emir) สุลฏอนหรือสุลต่าน (Sultan) และรออีส (Rais) ในบางประเทศอาจใช้คำว่าอิมาม (Imam) อย่างเช่นเยเมนในอดีตเป็นต้น อย่างไรก็ตาม คำเหล่านี้ก็หมายถึงผู้นำของประเทศทั้งสิ้น
ทูตพิเศษของ EU เพื่ออัฟกานิสถาน Tomas Niklasson เชื่อว่าความคิดของฏอลิบานจะ “เป็นบางอย่างที่เหมือนในอดีตคือการสร้างรัฐที่มีผู้ปกครองตามแนวทางอิสลาม (Islamic Emirate) ขึ้นมา”
หัวหน้ากองกำลังของอังกฤษ นายพล David Richerds ได้เตือนว่าการถอนทหารของชาติต่างๆ จะมีผลให้กองทหารของอัฟกันสูญเสียขวัญกำลังใจและจะนำไปสู่การควบคุมของฏอลิบานในที่สุด ซึ่งเวลานี้คำเตือนของเขาก็เป็นจริงแล้ว
บัดนี้ฏอลิบานได้ย้อนคืนสู่อำนาจอีกครั้ง หลัง 20 ปี ของการสูญเสียอำนาจจากการเข้ามาของสหรัฐและพันธมิตร โดยกองกำลังสหรัฐและนาโต้ รวมทั้งพันธมิตรที่ได้ร่วมกันโค่นล้มรัฐบาลฏอลิบานในเดือนพฤศจิกายน 2001 เนื่องจากฏอลิบานให้การปกป้องอุสามะฮ์ บิน ลาดิน และนักรบอัลกออิดะฮ์ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนอยู่ในการโจมตีสหรัฐในวันที่ 11 กันยายน 2001
แต่ทั้งๆ ที่มีประเทศต่างๆ เข้ามาอยู่ในอัฟกานิสถานพร้อมๆ กับเงินนับพันๆ ล้านเหรียญสหรัฐที่ถูกนำเข้ามาใช้เพื่อฝึกฝนกองกำลังของอัฟกัน
กระนั้นรัฐบาลที่เคยถูกโค่นถูกถล่มอย่างหนักหน่วงก็ค่อยๆ รวมกลุ่มขึ้นมาได้อีกครั้งและค่อยๆ ครอบครองความเข้มแข็งเอาไว้ได้
ทั้งนี้ ก่อนที่กองกำลังของสหรัฐและนาโต้จะเริ่มถอนตัวออกจากอัฟกานิสถานนั้น ฏอลิบานได้เขาปกครองอัฟกานิสถานไปแล้วถึง 1 ใน 3
ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และพันธมิตรตกลงให้มีรูปแบบข้อตกลงกับฏอลิบานในการถอนทหารนานาชาติออกจากอัฟกานิสถาน
ปฏิกิริยาของอินเดียที่มีต่อฏอลิบาน
อินเดียเป็นเพื่อนบ้านเดียวของอัฟกานิสถานที่ยืนยันอย่างหนักแน่นว่าจะไม่ทำธุรกิจการค้ากับฏอลิบาน ซึ่งเป็นผู้ปกครองใหม่ของอัฟกานิสถาน
ในขณะที่ประชาคมโลกมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไปจากการล่มลงของรัฐบาลอัฟกานิสถาน ซึ่งพ่ายแพ้ต่อฏอลิบานหลังจากทิ้งช่วงมาถึง 20 ปี
ประเทศอย่างจีน รัสเซีย อิหร่าน ตุรกี และสาธารณรัฐต่างๆ ที่อยู่ในเอเชียกลางต่างแสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะมีการค้าขายและธุรกิจเหมือนเดิมกับรัฐบาลใหม่ในกรุงคาบูล
แน่ล่ะปากีสถานให้การต้อนรับการเปลี่ยนแปลงในกรุงคาบูล อิมรอน ข่าน (Imron Khan) ผู้นำปากีสถานกล่าวว่าชัยชนะของฏอลิบานแสดงให้เห็นการฟื้นฟู “การเคารพตัวเอง” ของประชาชนอัฟกันอีกครั้ง
ส่วนรัฐบาลต่างๆ ของตะวันตกกำลังเฝ้าติดตามความเป็นจริงในการกลับมาของฏอลิบานในอัฟกานิสถานและอยู่ในกระบวนการวางกรอบการตอบรับฏอลิบานด้วยวิธีการทางการทูตที่สอดคล้องกัน
ในปี 1996 ปากีสถานเป็นหนึ่งในสามประเทศที่ให้การยอมรับฏอลิบานโดยทันทีหลังจากกองกำลังของฏอลิบานเข้าครองกรุงคาบูลในครั้งแรก
ส่วนอีกสองประเทศที่ให้การยอมรับฏอลิบานเช่นกันก็คือ ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE)
ปัจจุบันราชอาณาจักร กาตาร์ เป็นหนึ่งในหลายๆ ประเทศของภูมิภาคตะวันออกกลางหรือเอเชียตะวันตกที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับฏอลิบาน กาตาร์เป็นประเทศที่เปิดทางการเป็นเจ้าภาพให้ฏอลิบานมาดำเนินการทางการทูตในกรุงโดฮาเมืองหลวงของตน และให้ความสะดวกในการพูดคุยกับสหรัฐ
ทั้งซาอุดีอาระเบียและ UAE มีความสนใจที่จะเป็นเจ้าภาพสำหรับสำนักงานของฏอลิบานในแผ่นดินของตนเอง แต่ผู้นำฏอลิบานเลือกให้กรุงโดฮาเป็นสถานทูตเฉพาะกิจเพื่อเอาตัวเองออกจากอดีตผู้ให้การคุ้มครองพวกเขาคือของซาอุดีอาระเบียและแนวคิดวาฮะบีย์
ผู้อาวุโสของฏอลิบานถูกวิพากษ์วิจารณ์สำหรับการนำเอาแนวคิดวาฮะบีย์มาใช้และตีความชารีอะฮ์ไปในทางที่อาจจะนำสังคมไปสู่ความตึงเครียดได้ ทั้งนี้ ซาอุดีอาระเบียพยายามให้แนวคิดนี้ขยายตัวในอัฟกานิสถาน ในเวลาเดียวกันฏอลิบานก็พยายามหาทางพูดคุยกับตะวันตกมาตั้งแต่ 10 ปีก่อน
ผู้นำฏอลิบานย้ำว่าจะไม่กลับมาใช้การปกครองที่มีการใช้ความรุนแรงอีกต่อไป อันเป็นสัญชาตญาณแรกที่พวกเขาต้องคำนึงถึง เมื่อพวกเขาเข้าสู่อำนาจ
อินเดียจะต้องพิจารณาถึงสวัสดิการของประชาชนอัฟกานิสถานเป็นประการแรกเมื่อมีโอกาส
ปัจจุบันนี้มีนักศึกษาอัฟกานิสถาน 2,500 คน ลงทะเบียนอยู่ในสถาบันด้านการศึกษาและอาชีวศึกษาของอินเดียที่กระจายตัวอยู่ทั่วไป
ซึ่งไม่แปลกเลยที่พวกเขาต้องการให้อินเดียขยายทุนการศึกษาออกไปอีก
ในเวลานี้มีนักศึกษาใหม่ในอัฟกานิสถานที่รอคอยเวลาที่พวกเขาจะบินมายังอินเดีย ในฐานะเพื่อนบ้านใกล้ชิด อินเดียต้องการยืนยันถึงความมีเสถียรภาพ ปลอดภัยและเป็นอัฟกานิสถานที่พัฒนาแล้ว
ในฐานะประธานที่มีการหมุนเวียนของสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในเดือนสิงหาคม อินเดียมีโอกาสที่จะพิจารณาถึงความสำคัญในการมีความสัมพันธ์กับอัฟกานิสถาน
เหนือสิ่งอื่นใด อินเดียจะอยู่กับสภาความมั่นคงของสหประชาชาติไปจนถึงปลายปี 2022
ปากีสถานในฐานะผู้อุปถัมภ์
ผู้อุปถัมภ์สำคัญของฏอลิบานคือปากีสถาน ปากีสถานเป็นประเทศที่ให้ที่ลี้ภัยแก่ผู้นำระดับสูงและคณะทำงานของฏอลิบาน เมื่อฏอลิบานต้องตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของสหรัฐและนาโต้หลังจากเหตุการณ์ 9/11
แต่นักวิเคราะห์หลายคนที่มีความเห็นว่าปากีสถานได้สูญเสียอิทธิพลของตนที่มีต่อฏอลิบานไปแล้วตั้งแต่ 10 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ก็เพราะฏอลิบานปากีสถานมีวาระของตนเอง พวกเขาเข้าโจมตีสถาบันต่างๆ ในปากีสถาน พร้อมกับมีระเบิดพลีชีพหลายครั้งเพื่อโจมตีประชาชนที่ต้องมาตกเป็นเหยื่อในปากีสถาน
การโจมตีช่างเทคนิคของจีนที่เข้ามาสร้างเขื่อนในบาลูชิสถานในเดือนกรกฎาคม 2021 ก็ถูกอ้างว่าเป็นฝีมือของฏอลิบานปากีสถานและนักต่อสู้จากกลุ่มอุยกูร์ที่สังกัดอยู่กับอัล-กออิดะฮ์
ฏอลิบานปากีสถานมุ่งมั่นที่จะล้มล้างรัฐบาลปากีสถานโดยพวกเขามีที่หลบซ่อนอยู่ตามชายแดนอัฟกานิสถาน-ปากีสถาน คนของฏอลิบานปากีสถานในพื้นที่ได้ใช้การพลีชีพในปากีสถาน ก่อให้เกิดการบาดเจ็บของพลเรือนและทหารจำนวนมาก
กระนั้นปากีสถานก็มีเหตุผลที่จะดีใจต่อการขึ้นสู่อำนาจของฏอลิบาน ทั้งนี้ ได้มีความคิดอยู่ในหมู่นักคิดทางยุทธศาสตร์ในปากีสถานมายาวนานแล้วว่าการมีรัฐบาลอัฟกานิสถานที่เป็นมิตรจะนำไปสู่ “ยุทธศาสตร์ด้านลึก” ต่อทหารปากีสถานในกรณีที่มีความขัดแย้งอย่างเต็มกำลังกับอินเดีย
ฝ่ายการทหารของปากีสถานมีความคิดว่าอินเดียเป็นประเทศเดียวที่คุกคามทางทหารต่อปากีสถาน
การลงทุนของอินเดีย
ในฐานะผู้บริจาครายใหญ่ของภูมิภาคให้กับอัฟกานิสถาน อินเดียได้ลงทุนไปมากกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐให้กับอัฟกานิสถานมาสองทศวรรษแล้วเพื่อสร้างถนน เขื่อนและโรงพยาบาล นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทางทหารของอัฟกานิสถานและเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงต่างก็ได้รับการฝึกฝนในอินเดีย
รัฐบาลอัฟกานิสถานยอมให้อินเดียจัดตั้งสถานกงสุล ซึ่งตั้งอยู่ในจุดยุทธศาสตร์ในรัฐที่มีชายแดนติดกับปากีสถาน อุซเบกิสถาน และอิหร่าน
หนึ่งในจังหวัดที่นักต่อสู้ฏอลิบานเอาชนะได้ในสัปดาห์ต้นๆ ของเดือนสิงหาคมเพื่อจะผ่านเข้าสู่กรุงคาบูลคือนัมรูซ (Numruz) ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนอิหร่าน มีเมืองหลวงชื่อซารานจ์ (Zaranj) ซึ่งถูกเข้าครองเช่นกัน ถือเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ
โดยอินเดียได้สร้างถนนมีความยาว 215 กิโลเมตรเพื่อเชื่อมต่อกับเดลาราม (Delaram) อันเป็นเส้นทางที่เป็นถนนหลวงระหว่างกรุงคาบูล-กอนดาฮาร์