เปิดแฟ้มตำนาน “สีกากีโหด” ประวัติศาสตร์อัปยศของตำรวจไทย

ปี 2537 เกิดคดีอุ้มฆ่า 2 แม่-ลูกศรีธนะขัณฑ์ แล้วถูกขุดคุ้ยเปิดโปงโดยทีมข่าวของ “ข่าวสด” เปิดโฉมหน้าแก๊งอุ้มฆ่านายพลสีกากี ที่เอาชีวิตผู้บริสุทธิ์มาฆ่าแล้วพยายามอำพรางให้เป็นตายด้วยอุบัติเหตุรถชน จนกลายเป็นข่าวใหญ่ระดับประวัติศาสตร์ เขย่าวงการตำรวจครั้งใหญ่

ผ่านมา 27 ปี เกิดเหตุการณ์ที่สังคมไทยต้องตื่นตะลึงในพฤติการณ์ของตำรวจ นำโดยผู้กำกับโจ้ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล ใช้อำนาจหน้าที่อย่างนอกลู่นอกทาง เอาถุงดำคลุมหัวเพื่อบังคับขู่เข็ญผู้ต้องหา จนขาดใจตายอย่างทุรน

อดีตผู้กำกับโจ้-ชลอ เกิดเทศ

จึงทำให้มีการย้อนพูดถึงคดีอุ้มฆ่า 2 แม่-ลูกศรีธนะขัณฑ์ กันอย่างกว้างขวางอีกครั้ง ว่านั่นเป็นเสมือนต้นตำนานความเลวร้ายของตำรวจกลุ่มหนึ่ง ซึ่งไม่เรียนรู้จดจำ

แล้วเมื่อย้อนไปดูคดีอุ้มฆ่า 2 แม่-ลูก ยิ่งพบกระบวนการกระทำผิดเลวร้าย ซึ่งพัวพันเป็นขบวนการใหญ่โตอย่างมาก

มีถึง 3 นายพลที่เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยที่โดนดำเนินคดีเพราะกระทำผิดชัดแจ้ง 1 พล.ต.ท. และ 1 พ.ต.ท.ที่ร่วมลงมือ นอกนั้นเป็นพลเรือนซึ่งเป็นลูกสมุน

แถมต้นเรื่องยังมาจากคดีมหากาพย์เพชรซาอุฯ ที่ทำให้วงการตำรวจไทยเสียหายข้ามชาติ และกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สูญเสียผลประโยชน์แรงงานไทยไปซาอุฯ อีกมหาศาล

เรื่องเพชรซาอุฯ ที่เริ่มจากนายเกรียงไกร เตชะโม่ง คนงานไทยที่ได้ไปทำงานในวังเจ้าชายไฟซาล ได้ลงมือขโมยเพชร ทอง อัญมณี ในช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2532 รวมนับร้อยชิ้น โดยเมื่อเข้าทำความสะอาดห้องพักในวัง พบว่าเพชรทองเหล่านี้วางเอาไว้อย่างทิ้งขว้าง จึงค่อยๆ ขโมยด้วยการโยนออกทางหน้าต่างไปตกนอกรั้ว แล้วตอนเย็นเมื่อกลับบ้าน จะไปตามเก็บเพชรทองเหล่านั้น

ทยอยทำไปเรื่อยๆ โดยที่คนในวังเองก็ไม่ผิดสังเกต เพราะทรัพย์สินมีเยอะแยะ ก่อนตัดสินใจลาออกเพื่อกลับไทย ด้วยวิธีการนำเพชรทองซ่อนเอาไว้ในลังแอปเปิล พร้อมกับชั่งน้ำหนักให้พอดีเป๊ะกับลังที่บรรจุผลไม้เต็มตามปกติ เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่สนามบิน ขณะที่ฝ่ายวังซาอุฯ เพิ่งมารู้ในภายหลังว่าทรัพย์สินถูกขโมย หลังจากนายเกรียงไกรลาออกไปหลายเดือน

ในปี 2533 จึงประสานมายังตำรวจไทยให้จับคนร้ายที่โจรกรรมเพชร มีการตั้งทีมนำโดย พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ สามารถจับกุมนายเกรียงไกรได้ โดยไปทำนาทำไร่อยู่ที่บ้านเดิมลำปาง ให้การรับสารภาพ นำไปตามยึดคืนจากร้านเพชรที่รับซื้อได้แทบทั้งหมด

แต่เมื่อนำส่งคืนไปยังซาอุฯ กลับพบว่า เป็นของปลอมส่วนใหญ่

กลายเป็นเรื่องใหญ่สะเทือนความสัมพันธ์ระหว่างชาติ โดยมีข่าวว่า หลัง พล.ต.ท.ชลอ ตามยึดของกลางเพชรซาอุฯ แท้ๆ มาได้ แต่เมื่อมาถึงมือนายตำรวจใหญ่ระดับ พล.ต.อ.ที่เชี่ยวชาญวัตถุโบราณเครื่องประดับ จึงเกิดไอเดียปลอมของกลางส่งคืนไปแทน

การตามล่าเพชรซาอุฯ ภาค 2 จึงเกิดขึ้นอีก และเป้าหมายที่ซาอุฯ เน้นย้ำมาคือ บลูไดมอนด์ เพชรเก่าแก่หายาก สีน้ำเงิน มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

พล.ต.ท.ชลอ ติดตามไปถึงตัวเสี่ยสันติ ศรีธนะขัณฑ์ พ่อค้าเพชรที่ร่วมรับซื้อจากนายเกรียงไกร และเป็นคนสนิทของ พล.ต.อ.ต้นเรื่อง โดยมีข้อมูลว่าเสี่ยสันติรู้ดีที่สุดว่า เพชรบลูไดมอนด์นั้น นำไปขายให้ใครในประเทศไหน

แต่เสี่ยสันติก็ปฏิเสธ จึงทำให้เพชรเม็ดสำคัญไม่สามารถตามหาได้สำเร็จ

ความพยายามตามหาเพชรเม็ดสำคัญเกิดอีกครั้งในปี 2537 โดยช่วงนั้นยังมีฐานะเป็นกรมตำรวจ สังกัดกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งจากรัฐมนตรี ถึง พล.ต.อ.รายหนึ่ง ให้ร่วมกันสร้างผลงาน ด้วยการตามเพชรดังกล่าวมาให้ได้ เพื่อจะฟื้นสัมพันธ์กับซาอุฯ ทำให้ขุมทองแรงงานไทยกลับมา

พล.ต.อ.ดังกล่าว มอบหมายให้ พล.ต.ท. 2 นายรับงานนี้ 1 ในนั้นคือ พล.ต.ท.ชลอ

ในวันที่ 1 สิงหาคม 2557 มีเหตุพบศพนางดาราวดี ศรีธนะขัณฑ์ และ ด.ช.เสรี ลูกชายในรถเบนซ์สภาพโดนเฉี่ยวชน บนถนนมิตรภาพ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี คล้ายเป็นคดีอุบัติเหตุรถชน

หนังสือพิมพ์ในวันรุ่งขึ้น ฉบับวันที่ 2 สิงหาคม 2537 มี “ข่าวสด” เล่มเดียวที่พาดหัวข่าวแบบเจาะลึกกว่าใครว่า “สีกากีอุ้มฆ่า ลูกเมียสันติเพชรซาอุ”

เบื้องหลังการติดตามข่าวชิ้นนี้ของทีมข่าว “ข่าวสด” ก็คือ เมื่อเห็นชื่อเหยื่อในรถเบนซ์ อดสงสัยไม่ได้ว่าคงไม่ธรรมดา จึงตามเจาะจนได้เบาะแสสำคัญ ว่าลูก-เมียเสี่ยสันติโดนอุ้มหายตัวไปนับเดือนแล้ว โดยทีมอุ้มน่าจะเป็นตำรวจ เพราะใช้วิธีตั้งด่านหน้าปากซอยบ้านพักย่านตลิ่งชัน โดยเสี่ยสันติได้แจ้งตำรวจเอาไว้แล้ว แล้วจู่ๆ ก็มาโผล่เป็นศพ คล้ายอุบัติเหตุ แต่น่าจะเป็นฆ่าอำพราง

ข่าวสดตามขุดคุ้ยข่าวนี้ นำเสนอพาดหัวใหญ่อย่างต่อเนื่องหลายเดือน ทำให้ยอดพิมพ์พุ่งพรวด ทั้งที่เป็นหนังสือพิมพ์ที่มีอายุเพียง 3 ปี แต่กลายเป็นระดับท็อปของหนังสือพิมพ์รายวันในพริบตา

ทีมข่าวพบข้อมูลสำคัญอีกว่า เรื่องเริ่มจากคำสั่งของรัฐมนตรีมายัง พล.ต.อ. ให้ไปตามหาบลูไดมอนด์ แล้ว พล.ต.อ.ไปใช้นายตำรวจที่มักทำงานแบบคาบลูกคาบดอก คือ พล.ต.ท.ชลอ และ พล.ต.ท.ชื่อดังในยุคนั้นอีกราย

แต่ พล.ต.ท.รายนั้นไหวตัวว่าวิธีของ “ป๋าลอ” น่าจะสุ่มเสี่ยงไป จึงมอบหมายให้ พ.ต.ท.พันศักดิ์ มงคลศิลป์ สารวัตรสืบสวนจากปราจีนบุรีมาร่วมงาน จนเป็นที่เข้าใจผิดว่า พ.ต.ท.พันศักดิ์เป็นลูกน้องของชลอ ทั้งที่เป็นลูกน้องของ พล.ต.ท.อีกราย

พ.ต.ท.พันศักดิ์รับคำสั่งจาก พล.ต.ท.ชลอไปดักอุ้มนางดาราวดีกับลูก ขณะขับเบนซ์ออกจากบ้าน เมื่อ 2 กรกฎาคม 2537 หรือ 1 เดือนก่อนจะพบเป็นศพฆ่าอำพรางที่แก่งคอย

ขณะที่ “ข่าวสด” ตะลุยเจาะข่าวจนเกรียวกราว กลายเป็นข่าวที่คนทั้งประเทศต้องติดตามอ่านในทุกเช้าตรู่ ขาดไม่ได้ดุจอาหารเช้าประจำวัน!

พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก

แม้ว่าระดับบนของกรมตำรวจได้ออกมาให้ข่าวในขณะนั้น อ้างอิงนายตำรวจระดับบิ๊กของนิติเวช ยืนยันว่าตายด้วยอุบัติเหตุรถชน เป็นเหตุให้ไม่มีการขยับเข้ามาคลี่คลายคดีในแง่ฆาตกรรมแต่อย่างใด แต่สุดท้ายกองปราบฯ ในยุค พล.ต.ต.วรรณรัตน์ คชรักษ์ ตัดสินใจเข้ามาทำคดี โดยมี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รอง อ.ตร.เข้ามาควบคุมอำนวยการ

ตรวจสอบการชันสูตรศพของนายตำรวจใหญ่นิติเวชแล้วพบว่ามีพิรุธ

เพราะอธิบายการตายแบบเกินหน้าที่ เมื่อนำกองพิสูจน์หลักฐานไปตรวจสภาพรถเบนซ์ก็พบว่า สภาพเฉี่ยวชนจากรถใหญ่ไม่รุนแรง และพบว่า ขณะโดนชนนั้น รถเบนซ์น่าจะเคลื่อนที่ในความเร็วที่ต่ำมาก เหมือนกับการใช้แรงคนเข็นรถให้เคลื่อนที่นั่นเอง

ขณะที่ “ข่าวสด” เปิดประเด็นไปแล้วว่า โดนอุ้มไปก่อนนับเดือน น่าจะเอาไปกักขังในสถานที่แห่งหนึ่ง

เพราะระหว่างนั้นเสี่ยสันติพยายามตามหาลูก-เมีย ก่อนจะไปหา พล.ต.ท.ชลอ ที่รู้จักกันสมัยคดีเพชร แล้ว พล.ต.ท.ชลอ แจ้งว่า คนร้ายลักตัวไปเรียกค่าไถ่ ซึ่งเสี่ยสันติก็รีบจ่ายเงินให้ หลายครั้งหลายล้านบาท เมื่อพบว่าเป็นศพในรถเบนซ์ มีการให้ข้อมูลกับเสี่ยสันติทำนองว่า คนร้ายเรียกค่าไถ่คงปล่อยตัวออกมา แล้วรีบร้อนขับรถกลับบ้านจนเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว

จังหวะนั้น กองปราบฯ ตรวจค้นรถเบนซ์ พบเบาะแสข้าวของท้ายรถที่ซื้อจากมินิมาร์ทที่ จ.สระแก้ว

พ.ต.ท.พันศักดิ์ มงคลศิลป์ อดีตนายตำรวจ

ระหว่างนั้นเอง พล.ต.ท.ที่ร่วมพัวพันอีกราย ทำทีส่ง พ.ต.ท.พันศักดิ์ เข้ามาร่วมทีมกองปราบฯ ร่วมคลี่คลายคดี โดยมาพบกับ พ.ต.ท.เมธี กุศลสร้าง รอง ผกก.1 ป. แต่แทนที่จะมาล้วงความลับการคลายคดี กลับถูก พ.ต.ท.เมธี ล้วงตับ โดยคุยกันจนรู้ว่า พ.ต.ท.พันศักดิ์ เคยรับงานอุ้มฆ่า ส.ท.โน้ต น้อยเล็ก มือปืนดัง ด้วยวิธีตั้งด่านตำรวจแล้วอุ้มไปฆ่า

จากนั้น พ.ต.ท.เมธี ไปเช็กเบอร์มือถือของ พ.ต.ท.พันศักดิ์ จนชัดว่า วันที่ 2 กรกฎาคม ไปปรากฏตัวที่จุดอุ้ม 2 แม่ลูก จากนั้นก็โทร.หา พล.ต.ท.ชลอ แล้วเดินทางไปยัง จ.สระแก้ว ทุกอย่างจึงกระจ่างชัดว่า พ.ต.ท.พันศักดิ์ คือคนอุ้ม มี พล.ต.ท.ชลอ สั่งการ แล้วที่กักขังคือรีสอร์ตในสระแก้ว

สาเหตุที่ตัดสินใจฆ่า 2 แม่ลูกนั้น เนื่องจากเสี่ยสันติเริ่มสงสัย พล.ต.ท.ชลอ จึงไปพึ่งรัฐมนตรีให้ช่วย ต่อมาในวันอาสาฬหบูชา 22 กรกฎาคม รัฐมนตรีได้กล่าวกับ พล.ต.ท.ชลอว่า วันนี้วันพระ ทำบุญทำทานปล่อยลูก-เมียเขาเถอะ

พล.ต.ท.ชลอ จึงรู้ว่าเรื่องแดงแล้ว ตัดสินใจด้วยคำสั่งรบกับผีดีกว่ารบกับคน จึงเกิดแผนทุบตีจนตายแล้วเอาไปอำพรางเป็นรถชน

จุดเริ่มต้นที่ข่าวสดพาดหัวว่า
สีกากีอุ้มฆ่า ลูกเสียสันติเพชรซาอุ
บทจบก็ตรงกับหัวข่าวในวันแรกนั่นเอง!

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ย้อนอดีตรอยร้าวไทย-ซาอุฯ สู่การฟื้นสัมพันธ์การทูต