จากอุ้มฆ่า 2 แม่ลูก ถึงคดีฉาว ผกก.โจ้ 27 ปียังเหมือนเดิม ปฏิรูป ตร.ยังไม่เกิด/อาชญา ข่าวสด

อาชญา ข่าวสด

 

จากอุ้มฆ่า 2 แม่ลูก

ถึงคดีฉาว ผกก.โจ้

27 ปียังเหมือนเดิม

ปฏิรูป ตร.ยังไม่เกิด

 

ยังเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง สำหรับคดี “ผู้กำกับโจ้” พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.เมืองนครสวรรค์ ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่า หลังใช้คลุมหัวผู้ต้องสงสัยคดียาเสพติด อ้างเพื่อรีดข้อมูลปราบยาเสพติดในพื้นที่ จ.นครสวรรค์

เพราะแม้เจ้าตัวโผล่มอบตัวยอมเข้าสู่กระบวนการ แต่สังคมก็ยังจับจ้องว่าบทสรุปของคดีจะเป็นอย่างไร จะมีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในหมู่เจ้าหน้าที่หรือไม่

และแน่นอนเสียงเรียกร้องในเรื่องการปฏิรูปองค์กรตำรวจก็ดั่งกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง

พร้อมกับการย้อนถึงคดีประวัติศาสตร์เมื่อ 27 ปีก่อน ในการอุ้มฆ่าแม่-ลูกศรีธนะขัณฑ์ จากฝีมือแก๊งทมิฬสีกากี ที่หวังผลจะรีดของกลางจากคดีเพชรซาอุฯ บานปลายเป็นคดีฆาตกรรม ก่อนจัดฉากสร้างเรื่องเป็นอุบัติเหตุรถชน แต่ด้วยการทำงานอย่างเอาจริงเอาจังของตำรวจตงฉิน ประกอบกับสื่อมวลชนอย่าง “ข่าวสด” ในเครือมติชน ที่ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด มีข้อมูลในคดีอย่างต่อเนื่อง ชี้ชัดถึงผู้บงการและกลุ่มฆาตกรท่ามกลางความสนใจของสังคมอย่างกว้างขวาง

สุดท้ายก็ไม่สามารถบิดเบือนปรับเปลี่ยนนายตำรวจใหญ่ผู้สั่งการดิ้นไม่หลุด รับกรรมกันไป

คดีผู้กำกับโจ้ ภายใต้การจับตามองของสังคม และสื่อมวลชน ก็คงไม่แตกต่างกันสักเท่าใด!??

 

จับตาบทสรุป ผกก.โจ้

หลังจากที่เป็นข่าวครึกโครมจากคลิปฉาวถุงคลุมหัว จนบิ๊ก ตร.ต้องสั่งไล่ล่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ หรือผู้กำกับโจ้ ก็โผล่เข้ามอบตัว อ้างว่าไม่ได้หลบหนี แค่ถอยไปตั้งหลัก โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. รุดสอบปากคำด้วยตัวเอง ก่อนเปิดแถลง ให้โอกาสผู้กำกับโจ้ได้โฟนอิน อธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

โดยผู้กำกับโจ้ยืนยันไม่ใช่การรีดเงิน 2 ล้านบาทตามข่าว แต่ทำเพื่อต้องการข้อมูลยาเสพติด ทำเพื่อประชาชนชาวนครสวรรค์ ส่วนที่ใช้ถุงคลุมถึง 6 ชั้นเพราะไม่อยากให้จำหน้าได้ หลังเกิดเหตุให้ไปลบวงจรปิด ให้แจ้งสาเหตุการตายเท็จ เป็นเพราะตกใจ และไร้ประสบการณ์ พร้อมบอกว่าอโหสิให้คนปล่อยคลิป

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ผู้กำกับโจ้ก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ทั้งคดีอาญา และการสอบวินัยร้ายแรง

ยืนยันว่าไม่มีความผิด!??

ขณะที่ผลการชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตเหยื่อของผู้กำกับโจ้ ที่เคยมีเอกสารความเห็นแพทย์ลงสาเหตุการตายว่าเสพยาเกินขนาด คราวนี้ นพ.ณัฐพงษ์ ตุลาพันธุ์ แพทย์นิติเวช โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ เปิดเผยว่า แพทย์เก็บหลักฐาน ชิ้นเนื้อ สารพิษในร่างกายของผู้เสียชีวิตลงความเห็นร่วมกันว่าเสียชีวิตจากการ “ขาดอากาศหายใจ”

เนื่องจากถูกคลุมด้วยถุง 6 ชั้น ซึ่งแต่ละชั้นมีผล โดยเฉพาะทำให้ถุงชั้นในสุดแนบติดกับใบหน้า ทำให้เกิดการขาดอากาศ ประกอบกับขณะที่ผู้เสียชีวิตพยายามจะดิ้นรน ก็ถูกคนอื่นจับกด โดยกดคอพับลง ทำให้หายใจยาก หลังจากนั้นก็ถูกกดลงกับพื้น ทำให้หายใจยากขึ้นเนื่องจากช่องอกไม่สามารถขยายได้เต็มที่

เมื่อถุงจะฉีกยังมีการขันชะเนาะให้แน่นขึ้นอีก ซึ่งตั้งแต่ถูกคลุมจนกระทั่งนำถุงออก เป็นเวลากว่า 6 นาที แม้ผลการตรวจร่างกาย ตรวจเลือดจะพบสารเสพติดในระดับที่เป็นพิษได้ก็จริง แต่การกระทำเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องมีสารพิษในตัวก็เสียชีวิตได้แล้ว จึงสรุปสาเหตุการเสียชีวิตมาจากการขาดอากาศหายใจจากการถูกถุงพลาสติกคลุมศีรษะ

จับตาดูว่าผลคดีจะออกมาเป็นอย่างไร

 

ย้อนอุ้มฆ่าแม่ลูกศรีธนะขัณฑ์

ขณะที่คดีประวัติศาสตร์อุ้มฆ่าแม่-ลูกศรีธนะขัณฑ์ ที่ถูกยกขึ้นมาเทียบเคียงกับกรณีผู้กำกับโจ้นั้น เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 2 กรกฎาคม 2537 เมื่อนางดาราวดี ศรีธนะขัณฑ์ ที่ขับออกมาพร้อมลูกชาย ด.ช.เสรี ศรีธนะขัณฑ์ ที่มีจุดมุ่งหมายไปพบนายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง

แต่แค่ออกจากหมู่บ้านก็ต้องพบกับด่านตรวจตำรวจ ที่นำโดย พ.ต.ท.พันศักดิ์ มงคลศิลป์ พร้อมลูกน้อง ที่ตั้งด่านเถื่อนอยู่หน้าหมู่บ้าน เมื่อทั้งคู่จอดรถ กลุ่มทมิฬก็กรูเข้าไปในรถ พร้อมจับทั้งสองสวมกุญแจมือ จับไปนั่งเบาะหลัง แล้ว 1 ในกลุ่มคนร้ายขับรถเบนซ์ออกจากจุดเกิดเหตุ ขณะที่ด่านตำรวจที่ตั้งไว้ก็สลายตัวในทันที

เมื่อถึงรังสิต ก็ใช้ผ้าดำผูกตาทั้งคู่ แล้วพาตัวไปกักขังไว้ที่ห้องหมายเลข 9 และ 10 ของ “กวีวิลล่า” อ.เมือง จ.สระแก้ว ตั้งแต่วันที่ 2 กรกฎาคม จนกระทั่งถึงวันที่ 1 สิงหาคม 2537 ทั้งคู่ก็ถูกคำสั่งจากกลุ่มผู้คุม ให้ออกเดินทาง โดย ด.ช.เสรีถูกเรียกขึ้นจากสระว่ายน้ำให้มารับประทานอาหาร เหมือนกับว่าจะพาไปส่งบ้าน

แต่แล้วช่วงเวลา 03.00 น.ของวันที่ 2 สิงหาคม ก็มีการแจ้งเหตุรถชนที่หลักกิโลเมตรที่ 117-118 ใกล้ปากทางเข้าหมู่บ้านริมบึง ถนนสายมิตรภาพ อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อตำรวจทางหลวงหินกองเข้าตรวจสอบก็พบรถเบนซ์หรู รุ่น 230 อี สีขาว ทะเบียน 8 ฉ 3237 จอดอยู่ริมทาง หน้ารถด้านขวาถูกชนจนกระโปรงหน้าบุบ บังโคลนขวาบุบ ยางล้อหน้าแบนติดพื้น

ภายในรถพบศพนางดาราวดีและ ด.ช.เสรี เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นคดีฆาตกรรมอำพราง มากกว่าเป็นอุบัติเหตุ เพราะมีพิรุธหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสีเมจิกที่เขียนทะเบียนรถจากเลข 3 ให้เป็นเลข 8 เกียร์รถที่เป็นแบบกระปุกอยู่ในตำแหน่งเกียร์ว่าง ประตูไม่ได้ล็อก ทั้งคู่ไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย รวมทั้งศพของ ด.ช.เสรีสวมกางเกงทับกางเกงว่ายน้ำที่มีคราบเปียก ผิดวิสัยผู้เดินทาง

อย่างไรก็ตาม สถาบันนิติเวช กรมตำรวจ แถลงสรุปผลชันสูตรว่าทั้งสองรายเสียชีวิตจากเลือดออกใต้เยื่อสมองชั้นนอก สมองบวมกดศูนย์หายใจจากการถูกของแข็งไม่มีคมกระแทก สันนิษฐานบาดแผลเกิดจากใบหน้ากระทบกระเทือนกับพวงมาลัยรถอย่างแรง

พยายามระบุว่าเกิดจากอุบัติเหตุให้ได้ แม้จะค้านกับหลักฐานที่พบ จนถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีเจตนาซ่อนเร้นอำพราง!??

 

สื่อเกาะติด-ทลายองค์กรทมิฬ

แม้จะมีความพยายามสร้างเรื่องว่าการเสียชีวิตของ 2 แม่-ลูกเกิดจากอุบัติเหตุรถชน แต่ด้วยพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งการติดตามของสื่อมวลชน โดย “ข่าวสด” ที่พาดหัวไม้วันแรกที่เกิดเหตุทันทีว่า “สีกากีอุ้มฆ่าลูก-เมียสันติเพชรซาอุ” ก็ทำให้ไม่สามารถเบี่ยงเบนประเด็นจากผิดเป็นชอบไปได้

ในที่สุดความจริงก็คลี่คลาย เมื่อการสืบสวนพบแล้วว่าการอุ้ม 2 แม่-ลูกไปนั้น มีจุดประสงค์อยู่ที่นายสันติผู้เป็นพ่อและสามี และเป็นบุคคลสำคัญในคดีเพชรซาอุฯ ที่รับซื้อเพชรมาจากนายเกรียงไกร เตชะโม่ง

และถูกมองว่ายังมีเพชรของกลางอีกจำนวนหนึ่ง ที่ยังไม่กลับมาสู่มือของเจ้าหน้าที่และส่งคืนให้ราชวงศ์ซาอุฯ โดยเฉพาะเพชรระย้าทับทรวง เพชรประจำราชวงศ์ของเจ้าชายไฟซาล

ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงภายในกรมตำรวจ ที่มีบิ๊กตำรวจอยากจะสร้างชื่อ สร้างผลงาน จึงมอบหมายให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งภายหลังก็เปิดเผยแล้วว่า คือ พล.ต.ท.โสภณ สะวิคามิน อดีต ผบช.ภาค 7 ให้เร่งหาของกลางโดยเฉพาะเพชรระย้าทับทรวง และหากสามารถให้นายสันติซัดทอดถึง 2 พล.ต.อ.คู่อริได้ ย่อมยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว

จากนั้นจึงมีการสั่งการให้ พ.ต.ท.พันศักดิ์ มงคลศิลป์ ลูกน้องคนสนิทดำเนินการ ซึ่งก่อนนี้วางแผนจะอุ้มเสี่ยสันติเอง แต่พบว่ามีบอดี้การ์ดมาก เข้าไม่ถึงตัว จึงเบนเข็มมายังที่ลูก-เมีย จึงจับตัวได้และนำตัวไปไว้ที่กวีวิลล่า

ตรงนี้ที่ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ เข้ามาเกี่ยวข้อง เมื่อเสี่ยสันติพยายามติดต่อไปยัง พล.ต.ท.ชลอ เพื่อขอให้เจรจากับทีมอุ้มให้ปล่อยตัว ซึ่ง พล.ต.ท.ชลอรับปาก โดยบอกว่าต้องจ่ายเงินแลกกับอิสรภาพลูกเมีย ซึ่งเสี่ยสันติจ่ายเงินไปเกือบ 4 ล้านบาท แต่ก็เงียบไป

จึงตัดสินใจเข้าขอความเป็นธรรมจาก พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รมว.มหาดไทย จนเรื่องเริ่มอื้อฉาวจนควบคุมไม่อยู่จึงตัดสินใจสั่งตาย 2 แม่ลูกหวังยุติเรื่องทั้งหมด

แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งได้ เมื่อรัฐบาลสั่ง พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รอง อ.ตร. และ พล.ต.ต.วรรณรัชต์ คชรักษ์ ผบก.ป.ลุยคลี่คลายคดี และสามารถจับกุม พ.ต.ท.พันศักดิ์ มืออุ้มมาสอบสวนและให้การซัดทอดถึง พล.ต.ท.ชลอที่สั่งตายโดยระบุ “รบกับผีดีกว่ารบกับคน”

ตามด้วยการจับกุมแก๊งทมิฬที่ลงมือ 4 คน ประกอบด้วย พ.ต.ท.พันศักดิ์ นายนิคม มนต์ศิริ จ.ส.ต.สมคิด มนต์ศิริ นายสำราญ แจ่มจำรัส และนายสมพงษ์ ดอนมอญ ที่พา 2 แม่-ลูกนั่งปิกอัพสีเขียว พร้อมขับเบนซ์หรูจากกวีวิลล่า ระบุจะพาไปส่งบ้าน

แต่เมื่อถึงบ้านเขานกแก้ว ต.ท่ามะปราง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ก็เลี้ยวรถเข้าไปในทุ่งนา พร้อมสังหารทั้งคู่ด้วยแป๊บเหล็ก ก่อนเอาไปอำพรางใส่รถเบนซ์ ขับมายังจุดเกิดเหตุดันรถออกจากซอย กะให้รถบรรทุกพุ่งชน ซึ่งต้องทำถึง 2 ครั้งถึงสำเร็จ

เมื่อหลักฐานชัดเจน แถม “ข่าวสด” เกาะติด เปิดเผยข้อมูลทางคดีอย่างต่อเนื่อง โอกาสที่อำนาจนอกระบบจะเข้ามาบงการเลยเป็นศูนย์

บทสรุปจึงจับกุมได้ตั้งแต่ผู้บงการจนถึงผู้ลงมือ แถมเป็นถึงระดับนายพลตำรวจใหญ่ ไม่แปลกที่จะเกิดการตั้งคำถามถึงการใช้อำนาจขององค์กรตำรวจ และเป็นส่วนหนึ่งของการเรียกร้องการปฏิรูป

แต่วันนี้ผ่านมาแล้ว 27 ปี ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม!!!