‘บิ๊กตู่’ กระชับดาบ ประกาศิต ‘บิ๊กหน่อย-บิ๊กเฒ่า’ ส่งท้าย ตท.20 เขย่าโผ ทร. ดันแผง ‘ต่อ-ติ่ง-โต’ คุม ทบ. ‘ทรงวิทย์’ หลุดไลน์ ‘นภาเดช’ นั่ง ‘นภา 1’ ดับร้อน ทอ./รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

‘บิ๊กตู่’ กระชับดาบ

ประกาศิต ‘บิ๊กหน่อย-บิ๊กเฒ่า’

ส่งท้าย ตท.20

เขย่าโผ ทร.

ดันแผง ‘ต่อ-ติ่ง-โต’ คุม ทบ.

‘ทรงวิทย์’ หลุดไลน์

‘นภาเดช’ นั่ง ‘นภา 1’ ดับร้อน ทอ.

 

ยิ่งเจอการเมืองรุมเร้า ท้าทายเขย่าเก้าอี้นายกฯ และเกมในพรรคพลังประชารัฐเอง บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ยิ่งต้องกระชับดาบ กระชับอำนาจในมือ

ในการจัดโผโยกย้ายทหารในช่วง “ขาลง” เพื่อยื้อกองทัพให้ดำรงสภาพการเป็นฐานอำนาจทางการเมืองต่อไป

งานนี้ รัศมีพลังการเมือง แผลงฤทธิ์เหนือพลังคอแดง ใน ทบ.มีการล้วงลูก ไม่ให้ปล่อยไปตามครรลองใหม่ของ ทบ.

โดยเฉพาะการเคลียร์ทางให้บิ๊กต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 น้องรักทหารเสือราชินี ให้ขึ้น 5 เสือ ทบ. ติดยศพลเอก ผช.ผบ.ทบ. จ่อเป็น ผบ.ทบ.ต่อจากบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ที่จะเกษียณกันยายน 2566

โดยไม่มีคู่แข่งอย่างบิ๊กอ๊อบ พล.ท.ทรงวิทย์ หนุนภักดี มาชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ. เพราะโผนี้ พล.ท.ทรงวิทย์ถูกสกัด 2 ต่อ

คือ ทั้งไม่ได้กลับไปเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และไม่ได้ขึ้น 5 เสือ ทบ.

จากที่ลุ้นขยับจากรองเสธ.ทบ. ขึ้นเป็นเสธ.ทบ. แต่ พล.ท.ทรงวิทย์ได้แค่เลื่อนยศเป็นพลเอก ตำแหน่งหัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสธ.ประจำผู้บังคับบัญชา นั่งหน้าห้องบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.เท่านั้น

แม้ พล.อ.ณรงค์พันธ์จะพยายามในการช่วย พล.ท.ทรงวิทย์ ทั้งการเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และอยากได้เป็นเสธ.ทบ.คู่ใจ แต่ก็ไม่อาจฝ่าม่านประเพณี ทบ.ได้ เพราะ พล.ท.ทรงวิทย์ไม่ได้จบจาก รร.นายร้อย จปร. แต่จบจาก รร.นายร้อยทหารบก เวอร์จิเนียร์ หรือนายร้อย VMI

ที่ผ่านมา มีบิ๊กทหารหลายคนที่จบจาก รร.นายร้อยต่างประเทศ เช่น นายร้อย Westpoint และนายร้อย Saint Cyr ก็ไม่ได้เป็น ผบ.ทบ. ต้องข้ามไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด แต่บางคนก็ไปไม่ถึง

เพราะม่านประเพณี ความคิดที่ว่า “ถ้าให้คนจบนายร้อยต่างประเทศ มาเป็น ผบ.ทบ. แล้วจะมี รร.นายร้อย จปร.ไว้ทำไม”

พล.ท.เจริญชัย ,พล.ท.ทรงวิทย์

พล.ท.ทรงวิทย์ถือเป็นความหวังของนายทหารที่จบต่างประเทศ ที่นำทัพหน้ากรุยทาง แหกม่านประเพณีมาได้ ทั้งเป็นผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรม จนเป็นผู้บัญชาการกองพล

โดยเฉพาะเมื่อได้เป็นทหารคอแดง ได้เข้ารับการฝึกหลักสูตรของ ทม.รอ. และได้เป็น ผบ.พล.1 รอ. และขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 ก็ถูกมองว่าจะขึ้นถึงแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.ในอนาคตเลยทีเดียว

แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในการโยกย้ายตุลาคม 2563 ที่ พล.ท.ทรงวิทย์ไม่ได้ขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 แต่ถูกโยกข้ามมา บก.ทบ. หลุดไลน์สายกำลังรบ มาเป็นรองเสธ.ทบ. ติดยศพลโท และถูกจับตามองว่า จะได้ข้ามกลับไปเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 หรือไม่ เพราะรู้กันดีว่า เป็นน้องเลิฟของ พล.อ.ณรงค์พันธ์

ในขณะเดียวกันก็ถูกมองว่า ในอนาคตอาจจะถูกเตะข้ามไป บก.ทัพไทย เส้นทางของนักเรียนนอก เมื่อไม่อาจเติบโตใน ทบ.

ครั้งนั้นเกิดกระแสข่าวลือถึงขั้นที่ว่า พล.ท.ทรงวิทย์อาจจะลาออกจากราชการทหารเลยทีเดียว

แต่ที่สุดแล้ว มาโผนี้ พล.ท.ทรงวิทย์ก็หลุดไลน์เส้นทางสู่เก้าอี้ ผบ.ทบ. และทำให้ความหวังของนายทหารที่จบต่างประเทศดับวูบ เพราะ พล.ท.ทรงวิทย์คือคนที่มีโอกาสสูงที่สุดแล้ว

ม่านประเพณี จปร. กลายเป็นอุปสรรคสำคัญ ร่วมด้วยเกมการเมืองในกองทัพ ทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น ทำให้ พล.ท.ทรงวิทย์ไปไม่ถึงเก้าอี้ ผบ.ทบ. หรือแม้แต่แม่ทัพภาคที่ 1

แม้ว่าในอดีตจะเคยมีบิ๊กเสือ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ ที่จบนายร้อย Westpoint เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 มาแล้วก็ตาม แต่ พล.ท.ทรงวิทย์ไม่ได้กลับกองทัพภาคที่ 1 และการจะได้เป็นพลเอก ก็ถือว่าหมดโอกาสที่จะเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แล้ว

เมื่อเป็นเช่นนี้ พล.ท.ทรงวิทย์ที่ถูกมองว่าเป็นคู่แคนดิเดตกับ พล.ท.เจริญชัย น้องรักนายกฯ ในเมื่อพลาดทุกเก้าอี้ จึงทำให้ พล.ท.เจริญชัยกลายเป็นตัวเต็ง ผบ.ทบ. เมื่อขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ.ในโผนี้

เพราะในบรรดาน้องรักสายทหารเสือราชินี และบูรพาพยัคฆ์ของ พล.อ.ประยุทธ์นั้น ไม่ถึงฝั่งฝันมาหลายคน เพราะไม่ได้เป็นทหารคอแดง ก็มี พล.ท.เจริญชัย รุ่นน้อง ตท.23 ที่เป็นความหวังเดียวที่จะขึ้น ผบ.ทบ. โดยมีอายุราชการถึง 2567

พลโทสันติพงศ์ ธรรมปิยะ

ในโผนี้ยังมีบิ๊กติ่ง พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสธ.ทบ. น้องรักทหารเสือฯ ของนายกฯ ที่ได้ขึ้นพลเอก เป็นเสธ.ทบ. และจะคุม กอ.รมน. ให้นายกฯ ในตำแหน่งเลขาฯ กอ.รมน.ด้วย

พล.ท.สันติพงศ์ เคยเป็นตัวเต็งแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ. แต่เส้นทางชีวิตเปลี่ยน เมื่อไม่ได้เข้ารับการฝึกเป็นทหารคอแดง จึงไม่ได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ต้องแยกวง จากรองแม่ทัพภาคที่ 1 มาเป็นรองเสธ.ทบ. และจะขึ้นเสธ.ทบ. แต่ไม่ถึง ผบ.ทบ.

เก้าอี้เสธ.ทบ.นี้จึงเป็นของ พล.ท.สันติพงศ์ ขณะที่ พล.ท.ทรงวิทย์ต้องเบี่ยงไปเป็นพลเอก หน้าห้อง ผบ.ทบ.เท่านั้น

ส่วนเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 จึงยังคงอยู่ในมือของบูรพาพยัคฆ์คอแดง บิ๊กโต พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพน้อยที่ 1 ที่เป็นน้องรัก 3 ป. ที่ได้ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ แถมทั้ง พล.ท.เจริญชัยเสนอชื่อขึ้นมาเพราะเป็นเพื่อน ตท.23 และเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 อยู่แล้วด้วย ซึ่งสกัดกั้นการกลับมาของ พล.ท.ทรงวิทย์ได้อีกด้วย

ต้องไม่ลืมว่า ตำแหน่งในกองทัพภาคที่ 1 ที่เป็นทหารคอแดง ยังคงต้องผ่านการกลั่นกรองจากหน่วย “เหนือ” อื่นด้วย

เกมการเมืองภายใน ทบ. และแวดวงทหารคอแดง จึงยังคงส่งต่อการวางตัวนายทหารใน ทบ. รวมทั้งเส้นทางชีวิตของบิ๊กเนี้ยว พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน (ตท.27) ผบ.พล.1 รอ. ที่เคยเป็นตัวเต็งแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.ในอนาคต ที่พลิกผันเมื่อได้รับเลือกให้ย้ายโอนไปเป็นข้าราชการทหาร หน่วยในพระองค์ ที่ส่งผลต่อพลังของนายทหาร ตท.27 ไม่น้อย

ที่ยังคงมี ผบ.ใหญ่ พล.ต.อมฤต บุญสุยา ผบ.พล.ร.2 รอ. และ ผบ.ตั้ง พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.มทบ.11 เป็นแกนนำรุ่น ที่เป็นทหารคอแดง ที่จะต้องฝ่าฟันไปสู่เป้าหมาย

เพราะถึงอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังไม่อาจปล่อยมือจากกองทัพ ทั้งในฐานะ รมว.กลาโหมและนายกฯ เพื่อที่จะยังวางใจในกองทัพได้ว่า วันหนึ่งจะไม่มาก่อการรัฐประหารล้มล้างอำนาจตนเอง

ยิ่งเมื่อมีน้องรักเป็นคีย์แมน ทบ. ทั้ง พล.ท.เจริญชัย พล.ท.สันติพงศ์ และ พล.ท.สุขสรรค์ 3 น้องรักทหารบูรพาพยัคฆ์ คอยดูแล ทบ. และเป็นหูเป็นตาให้ แถมมี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ช่วยอีกแรงหนึ่งด้วย

พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย

เมื่อต้องกระชับอำนาจ เพื่อสร้างฐานอำนาจในกองทัพค้ำเก้าอี้นายกฯ จึงไม่แปลกที่โผนี้ พล.อ.ประยุทธ์จึงต้องล้วงลูกโผทหาร แต่เป็นการล้วงแบบระมัดระวัง

จะเห็นได้ว่า ในการประชุมคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับนายพล ตามข้อกำหนดใน พ.ร.บ.กลาโหม 2551 หรือบอร์ด 7 เสือกลาโหม ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อ 30 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้เป็นคนเสนอให้บิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย รองปลัดกลาโหม ข้ามกลับ ทร.ไปเป็น ผบ.ทร.

แต่ให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายข้าราชการประจำเอง คือให้ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม เป็นคนเสนอ โดยยกเรื่องอาวุโสสูงสุดของ พล.ร.อ.สมประสงค์ และเหมาะสม ความชอบธรรม รวมทั้งเส้นทางรับราชการเป็นไปตามธรรมเนียมทหารเรือ ที่เคยเป็นผู้การเรือ ผช.ทูตทหารในต่างประเทศ และเป็น ผบ.หน่วย มาตามลำดับ

อีกทั้งยังทำให้การจัดโผของกลาโหมลงตัว เพราะจะเปิดทางให้บิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ เสนาธิการทหารบก ข้ามจาก ทบ. มาเป็นปลัดกลาโหมคนใหม่ด้วย

การที่ พล.อ.ณัฐเสนอนั้น ย่อมเป็นที่รู้กันว่า ต้องได้รับการสนับสนุนจาก พล.อ.ประยุทธ์เจ้ากระทรวง แต่ไม่เอ่ยปากเอง เพราะจะถูกมองว่าฝ่ายการเมืองล้วงลูกโผทหาร

เพราะรู้กันดีว่า บิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. ได้เสนอชื่อบิ๊กโต้ง พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ เสธ.ทร. เป็น ผบ.ทร.แทน

แต่ในเมื่อ พล.อ.ณัฐ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นแบ๊กอัพอยู่ เป็นผู้เสนอ ด้วยเหตุผลต่างๆ อีกทั้ง พล.อ.วรเกียรติ พล.ร.อ.สมประสงค์ และตัว พล.อ.ณัฐ เองก็ล้วนเป็นเพื่อนเตรียมทหาร 20 ด้วยกัน พล.ร.อ.ชาติชายจึงยอมแก้ไขโผ ทร.แต่โดยดี แบบไม่ต้องโหวต เพราะจะถูกมองว่าขัดแย้ง และอาจกลายเป็นประเด็นการเมือง

แม้ใจจริง พล.ร.อ.ชาติชายจะสนับสนุน พล.ร.อ.ธีรกุลที่ทำงานใกล้ชิดด้วยกันมานาน และอยากให้ ผบ.ทร.คนใหม่มีอายุราชการ 2 ปี ทำงานต่อเนื่องก็ตาม

เมื่อมีการเปลี่ยนหัวจาก พล.ร.อ.ธีรกุลมาเป็น พล.ร.อ.สมประสงค์ จึงต้องมีการขยับโผใหม่บางตำแหน่ง โดยให้ พล.ร.อ.ธีรกุล (ตท.21) ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทร. และดึงบิ๊กแจ๊ค พล.ร.ท.เถลิงศักดิ์ ศรีสวัสดิ์ (ตท.23) รองเสธ.ทร. ขึ้นมาเป็นเสธ.ทร.

เรียกได้ว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะได้ทั้งส่ง พล.ร.อ.สมประสงค์ที่เป็นสายตรง พล.อ.ณัฐ น้องรัก 3 ป. ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยากลับไปพระราชวังเดิม นั่งเป็น ผบ.ทร.ได้สำเร็จ

แล้วยังเคลียร์ทางให้ พล.อ.วรเกียรติ นายทหารปืนใหญ่ สายทหารเสือฯ บูรพาพยัคฆ์ ที่เคยทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ และบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เมื่อครั้งอยู่ ร.21 รอ. เพราะ พล.อ.วรเกียรติโตมาจาก ป.พัน 21 รอ. ชลบุรี จึงถือเป็นคนคุ้นเคย ขึ้นปลัดกระทรวงกลาโหมสำเร็จ

ไม่แค่นั้น ยังเป็นการต่ออายุอำนาจของเตรียมทหาร 20 รุ่นของ พล.อ.อภิรัชต์ในกองทัพต่อไปในเฮือกสุดท้าย ก่อนที่จะเกษียณกันไป เพราะใน ผบ.เหล่าทัพชุดใหม่ หลัง 1 ตุลาคมนี้ พล.อ.วรเกียรติจะเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ยืนหัวแถว ผบ.เหล่าทัพ แม้จะตัวเล็ก แต่เป็นพี่ใหญ่ ตท.20 และมี พล.ร.อ.สมประสงค์เป็น ผบ.ทร.จาก ตท.20 เช่นกัน โดยยังมีบิ๊กปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ตท.20 เป็น ผบ.ตร.ต่ออีกปี

ขณะที่บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็น ตท.21 และบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. เป็น ตท.22 และบิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ตท.21 เป็น ผบ.ทอ.

พล.อ.ท.นภาเดช ธูปะเตมีย์

ท่ามกลางความกังขาว่า พล.อ.ประยุทธ์ เอ็กเซอร์ไซส์อำนาจตนเองในกองทัพขนาดนี้ แต่กลับละเว้นการล้วงลูก ทอ.

เพราะไฟเขียวให้บิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ขึ้นเป็น ผบ.ทอ. ตามที่ พล.อ.อ.แอร์บูลเสนอขึ้นมา หาได้ขอให้เปลี่ยนเป็นบิ๊กต่วย พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ ต่ายทอง รอง ผบ.ทหารสูงสุด ที่มีข่าวว่าตลอดว่า นายกฯ สนับสนุน หรือแม้แต่เปลี่ยนเป็นบิ๊กตั้ว พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์ วัฒนวรางกูร ผบ.คปอ. ที่ก็เป็นน้องรักของ พล.อ.อนุพงษ์ แต่อย่างใดไม่

เพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์ล้วงลูก ทอ. ก็อาจกลายเป็นประเด็น อีกทั้ง พล.อ.อ.แอร์บูลเช็กทิศทางลมก่อนแล้ว จึงเสนอชื่อ พล.อ.อ.นภาเดช ที่แม้จะไม่ใช่เพื่อนเลิฟเท่า พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์ แต่ก็เป็นตัวเลือกที่ลงตัวที่สุด

ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งใน ทอ.ที่เล่นงานกันถึงขั้นฟ้อง ป.ป.ช. และดึงนักการเมืองเข้ามายำ ทอ.ด้วย พล.อ.อ.นภาเดชที่มีคู่ขัดแย้งน้อยกว่า จึงเป็นคนกลางที่จะมาหย่าศึกใน ทอ.

จนมีการเปรียบเปรยว่า ทุ่งดอนเมืองอุณหภูมิร้อนแรงมาก จึงถึงเวลาที่ต้องให้ snowy โปรยปรายลงมาลดความร้อนระอุนั่น

snowy ก็หมายถึง พล.อ.อ.นภาเดช ที่นอกจากเป็น call sign ในฐานะนักบินขับไล่แล้ว ยังเพราะบุคลิกลักษณะ ที่เป็นคนนิ่ง ขรึม สุขุม รอบคอบ ใจเย็น ที่จะทำให้อุณหภูมิความขัดแย้งลดลงได้

อีกทั้งการเป็นลูกชายของ พล.อ.อ.ประพันธ์ ธูปะเตมีย์ อดีต ผบ.ทอ. ที่เป็นที่รู้จัก เคารพนับถือ ก็มีส่วนที่ทำให้ พล.อ.อ.นภาเดชกลายเป็นที่ยอมรับ พร้อมกับโปรไฟล์ นักบิน F5, F16 ผ่านทั้งผู้ฝูง ผู้การกองบิน 23 และ ผช.ทูต ทอ.ประจำปักกิ่ง จีน และโตมาตามไลน์

จึงได้สร้างประวัติศาสตร์เป็น ผบ.ทอ.คนที่ 2 ของธูปะเตมีย์ ในระยะเวลาที่ห่างกันกว่า 30 ปี หลัง พล.อ.อ.ประพันธ์เคยเป็น ผบ.ทอ.คนที่ 10 ตั้งแต่ปี 2525 จากการเดินตามรอยเท้าพ่อ เลือกเป็นทหารอากาศ เป็นนักบิน และยังได้ไปเรียน รร.เสนาธิการทหารอากาศ สหรัฐ แบบบิดา และได้จารึกนามในหอเกียรติยศ Hall of Fame ของโรงเรียนเช่นกัน

ท่ามกลางการถูกโฟกัสว่า พล.อ.อ.นภาเดชจะสามารถแก้ปัญหาที่จะตกทอดมาจากยุค พล.อ.อ.แอร์บูลได้หรือไม่ อย่างไร ในเวลา 1 ปีบนเก้าอี้ “นภา 1”

เพราะคำเฉลยจะไปปรากฏในการเลือก ผบ.ทอ.คนต่อไปในปลายปีหน้า เมื่อ snowy ถึงเวลาละลาย เกษียณราชการ

เพราะจะมีตัวเลือกถึง 3 คนที่เกษียณ 2567 พร้อมกันหมด หากบิ๊กป้อม พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันทน์ (ตท.22) รองเสธ.ทหาร ได้ข้ามกลับมา ทอ. เป็น ผช.ผบ.ทอ. เคียงคู่เสธ.หนึ่ง พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา (ตท.23) เสธ.ทอ. ที่คาดว่าโผนี้จะขึ้น ผช.ผบ.ทอ.

แถมยังมีบิ๊กเบิร์ท พล.อ.ท.อนันตชัย แก้วศรีงาม (ตท.22) เจ้ากรมส่งกำลังบำรุง ทอ. น้องรัก นักบินลำเลียง C130 ของ พล.อ.อ.แอร์บูลอีกคน ที่โผนี้อาจเป็นเสธ.ทอ.

ท่ามกลางการถูกจับตามองว่า ระหว่าง พล.อ.อ.แอร์บูล กับ พล.อ.อ.นภาเดช เพื่อนรักกัน จะมีสัญญาใจใดๆ กันไว้หรือไม่

ผบ.เหล่าทัพแผงใหม่ ในยุคปลายสมัยของ พล.อ.ประยุทธ์ จึงยังคงถูกจับจ้องในฐานะฐานอำนาจ ที่ยังคงเป็นสายอำนาจ 3 ป.ต่อไป