ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ | หยุดความขัดแย้ง ด้วยการหานายกฯ ใหม่

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์www.facebook.com/sirote.klampaiboon

ใครๆ ก็รู้อยู่ว่าคนไทยเบื่อคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา จนไม่รู้จะเบื่ออย่างไร

แต่ที่ไม่น่าเชื่อก็คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจหนนี้ทำให้ความเบื่อยกระดับเป็นความแน่วแน่ในการแสดงความไม่พอใจรัฐบาลขั้นสูงสุด

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเวลาที่รัฐบาลตอบคำถามฝ่ายค้านไม่ได้ หรือถึงตอบได้ก็ไม่มีใครเชื่อเลย

อาวุธหนักของฝ่ายค้านคือการโจมตีว่ารัฐบาลค้าความตาย และถึงแม้รัฐบาลจะไม่ได้เลวร้ายจนทำให้ใครตายเพื่อแลกเงินจริงๆ ข้อโจมตีเรื่องนี้ก็ประสบผลในการตอกย้ำสามเรื่องซึ่งคนไม่พอใจคุณประยุทธ์อยู่ก่อน นั่นคือวัคซีนซิโนแวค, การกีดกันวัคซีน mRNA และการระบาดระลอกปัจจุบัน

พรรคเพื่อไทยยืนยันข้อหาค้าความตายโดยตีแผ่ความผิดปกติของการซื้อซิโนแวคและส่วนต่างในการซื้อวัคซีน ตัวเลขที่รัฐบาลตั้งงบฯ ซื้อแพงกว่าราคาขายจริงกว่า 2 พันล้าน ทำให้ทุกคนเชื่อเรื่องอมตังค์

ยิ่งกว่านั้นคือการเปิดประเด็นว่ารัฐซื้อซิโนแวคเชิงพาณิชย์จากบริษัทหลานเจ้าสัวที่หนุนรัฐบาล

ด้วยข้อมูลของฝ่ายค้านชุดนี้ ภาพลักษณ์รัฐบาลในสายตาประชาชนคือการเมืองอุปถัมภ์ที่ใช้เงินประชาชนซื้อของที่ประสิทธิภาพน้อยแต่โกงได้มาก ผลของการซื้อทำให้คนป่วยทะลุล้าน, คนตายทะลุหมื่น และเศรษฐกิจประเทศพังพินาศ

จนเป็นที่มาของการอุปมาอุปไมยว่า “รัฐบาลค้าความตาย”

ขณะที่โจทย์ของรัฐบาลคือการทำทุกทางให้คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไป

ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในความรู้สึกนึกคิดของคนคือคุณประยุทธ์ไม่เหมาะเป็นผู้นำประเทศแล้ว ข้อครหาเรื่อง “รัฐบาลค้าความตาย” ทำงานได้ในสภาพสังคมที่คนรู้สึกติดลบกับคุณประยุทธ์จนไม่เหลือพื้นที่ให้รัฐบาลเลย

แก่นสารของการเมืองคือการเอาชนะทางความคิดและจิตใจ และไม่ว่าจะเป็นผู้มีอำนาจในระบอบประชาธิปไตยหรือระบอบอื่น หัวใจของการชนะใจได้แก่การทำให้ประชาชนยอมรับผู้มีอำนาจจนยอมรับอำนาจในที่สุด แต่คุณประยุทธ์คนยอมรับน้อยจนการใช้อำนาจหาคนขานรับแทบไม่ได้เลย

เมื่อคุณประยุทธ์สร้างความยอมรับไม่ได้ แต่กลับต้องการมีอำนาจต่อไป วิธีจรรโลงอำนาจของคุณประยุทธ์จึงได้แก่การใช้กฎหมายและกำลังให้คนยอมจำนนคุณประยุทธ์ไปในที่สุด

ปีที่เจ็ดของคุณประยุทธ์จึงเป็นปีที่คุณประยุทธ์ยัดคดีและปราบปรามคนเห็นต่างมากกว่าหลังรัฐประหารด้วยซ้ำไป

คุณประยุทธ์ไม่ใช่ทหารคนแรกที่ใช้กองทัพตั้งตัวเองเป็นนายกฯ โดยรัฐประหาร แต่คุณประยุทธ์คือนายกฯ จากการรัฐประหารคนแรกที่มีหลักฐานการใช้กำลังเพื่อรักษามากกว่าหัวโจกคณะรัฐประหารทุกคน

ยกเว้นแต่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งไปไกลกว่าคุณประยุทธ์ตรงประหารคนเห็นต่างทางการเมืองเลย

หลักฐานว่าคุณประยุทธ์ใช้กำลังมีตั้งแต่วันแรกที่รัฐประหาร 2557 และยิ่งนานการใช้กำลังก็ปรากฏตั้งแต่อุ้มคนเข้าค่ายทหาร, คลุมถุงดำ, ซ้อม, ยัด 112 ฯลฯ ตามที่ผู้ลี้ภัยทางการเมืองจำนวนมากเปิดเผย แต่ขณะที่คุณประยุทธ์ยุคนั้นใช้กำลังทำให้คนกลัวได้ สถานการณ์ตอนนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง

ด้วยบทบาทของสภาผู้แทนฯ หลังเลือกตั้งปี 2562 เป็นต้นมา ส.ส.จากพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลได้เปิดเผยว่ารัฐบาลซ้อมทรมาน, ใช้ IO ทหารโจมตีประชาชน หรือจงใจยัดข้อหาอย่างเป็นระบบ

ผลที่เกิดขึ้นคือความรู้สึกว่ารัฐบาลมองประชาชนเป็นศัตรู จนศัตรูของประชาชนคือรัฐบาล

ล่าสุด การอภิปรายของ ส.ส.ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ แห่งพรรคก้าวไกลว่ากองทัพมีการทำบัญชีรายชื่อบุคคลที่ต้องส่งทหารสอดแนม รวมทั้งคนที่ยังไม่โดนยัดคดี 112 แล้วควรหาเรื่องให้โดนคดี 112 ทั้งที่จริงๆ เพียงแค่วิจารณ์รัฐบาล

ก็ยิ่งตอกย้ำความรู้สึกว่ารัฐบาลคือศัตรูที่เป็นภัยคุกคามประชาชนมากขึ้นโดยตรง

 

ยุทธศาสตร์ที่คุณประยุทธ์ใช้รักษาอำนาจคือจัดหนักคนเห็นต่างเพื่อขู่ให้คนส่วนใหญ่กลัว

ปัญหาคือยิ่งนานคนเห็นต่างยิ่งมากจนการจัดหนักคนเห็นต่างลุกลามเป็นการจัดหนักประชาชนมากขึ้นเรื่อยๆ

จนความกลัวรัฐบาลกลายเป็นความเกลียดและความกล้าที่จะทำอะไรก็ได้เพื่อตอบโต้รัฐบาล

“ม็อบดินแดง” หรือปรากฏการณ์ “เยาวรุ่นทะลุแก๊ซ” เป็นภาพสะท้อนความเกลียดจนกล้าจะตอบโต้รัฐบาลที่ใช้อาวุธสลายการชุมนุมอย่างต่อเนื่อง เหลือแค่จะใช้กระสุนจริงยิงประชาชนเมื่อไรเท่านั้น

แต่สังคมที่ประชาชนยกพวกเผชิญหน้ารัฐทุกวันคือสังคมที่รัฐถูกมองว่าไม่ใช่ของประชาชนต่อไป

ตรงข้ามกับผู้นำประเทศหรือภาคเอกชนที่เข้าใจว่าการทำงานที่ประสบความสำเร็จคือหนทางเดียวที่จะรักษาอำนาจ

คุณประยุทธ์กลับคิดว่าการใช้อำนาจเพื่อรักษาอำนาจคือวิธีเดียวที่จะทำให้ตัวเองมีอำนาจ

ผลลัพธ์คือการเป็นผู้มีอำนาจที่สังคมมองว่าไม่ได้ใช้อำนาจเพื่อใครเลย นอกจากพวกตัวเอง

ส.ส.หลายคนอภิปรายว่าตอนนี้คนเกลียดคุณประยุทธ์ทั้งประเทศ

และเมื่อใดที่ ส.ส.กล้าพูดแบบนี้ใส่หน้าผู้นำประเทศตรงๆ ก็แปลว่าความเกลียดนอกสภามากถึงจุดที่ ส.ส.ปิดปากเงียบไม่ได้

ส่วนคุณประยุทธ์ก็ควรคิดว่าหรือสถานการณ์ถึงจุดที่ ส.ส.ฟังประชาชนมากกว่าหนุนคุณประยุทธ์ต่อไป

 

พรรคฝ่ายค้านประกาศว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้จะทำให้ ส.ส.รัฐบาล ถูกประชาชนด่าถ้าหนุนคุณประยุทธ์เป็นนายกฯ และรายงานข่าวเรื่องคุณประยุทธ์ถามคุณประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าทำไม ส.ส.ถึงไม่สนับสนุน คือหลักฐานว่าเรื่องนี้มีกระแสจนคุณประยุทธ์กลัวถูกโหวตออกจากนายกฯ กลางสภาจริงๆ

คุณประยุทธ์อยู่ในช่วงขาลงที่ไม่มีใครรู้ว่าอีกนานแค่ไหนจะดิ่งเหวถึงจุดต่ำสุด

ความไร้สมรรถภาพของคุณประยุทธ์เป็นที่รับรู้ทั่วกัน กองหนุนคุณประยุทธ์ไม่กล้าพูดว่าคุณประยุทธ์เก่งมานานแล้ว แม้แต่การบอกว่าคุณประยุทธ์เป็นคนดีก็ได้ยินน้อยมาก กระทั่งเรื่องความสงบก็จบแล้วเหมือนกัน

พูดให้ถึงที่สุด สังคมไทยไม่มีเหตุผลรองรับการเป็นนายกฯ ของคุณประยุทธ์ต่อไป ความสำเร็จของการเป็นนายกฯ ในอดีตไม่มี โอกาสจะสร้างประเทศที่ดีขึ้นในอนาคตไม่ปรากฏ

ตำแหน่งนายกฯ ของคุณประยุทธ์เป็นสัญลักษณ์ของการเป็นเพื่อตัวเองมากกว่าประเทศชาติและประชาชนจริงๆ

ด้วยการบริหารประเทศที่คิดถึงการรักษาอำนาจมากกว่าผลงาน คุณประยุทธ์เลือกจะปกป้องอำนาจโดยดึงกลุ่มสุดโต่งทางการเมืองมาอยู่ในรัฐบาลมากขึ้น นักวิชาการ กปปส.ถูกดึงไปคุม ศบค., พิธีกรไอโอทหารถูกดันไปคุมช่อง 5 และ ครม.เพิ่งอนุมัติงบฯ กว่า 100 ล้านเพื่อจ้างคนดังหนุนนโยบาย

ความขัดแย้งในประเทศไทยเกิดจากคุณประยุทธ์กินรวบอำนาจจนทุกฝ่ายโงหัวไม่ขึ้น คุณประยุทธ์ทำให้คนในประเทศแบ่งเป็นพวกประยุทธ์และไม่ใช่พวกประยุทธ์

พวกประยุทธ์คือพวกที่ทำอะไรก็ได้ มีเส้น เป็นข้าราชการก็โตไวแบบผู้กำกับโจ้

ส่วนคนที่ไม่ใช่พวกประยุทธ์ทำอะไรก็ผิดทุกกรณี

ตรงข้ามกับการลดการกินรวบอำนาจเพื่อทำให้ประเทศเป็นของทุกคน คุณประยุทธ์ในสถานการณ์ขาลงกลับเลือกเส้นทางของการปิดกั้นระบอบการปกครองยิ่งขึ้น

พันธมิตรของคุณประยุทธ์ตอนนี้เหลือแค่พลเรือนสุดโต่งและทหาร หรือถึงที่สุดคือคุณประยุทธ์ไม่เหลือใครเลยนอกจากกลุ่มเลีย

ไม่มีห้วงเวลาไหนแล้วที่ประเทศเสี่ยงเกิดความขัดแย้งใหญ่ระหว่างประชาชนกับระบอบเท่าปัจจุบัน

การเข้าสู่อำนาจของคุณประยุทธ์ทำให้การเผชิญหน้าของคนไทยรุนแรงขึ้น

และยิ่งคุณประยุทธ์รักษาอำนาจด้วยวิธีนอกระบบ ความชิงชังของประชาชนต่อระบอบที่หนุนคุณประยุทธ์จะยิ่งรุนแรง

เอาคุณประยุทธ์ออกจากตำแหน่งนายกฯ คือทางเลือกทางการเมืองที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่าย

การปล่อยให้คุณประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไปจะทำให้ประเทศไทยพังยิ่งกว่าบ้านที่อาจทรุดจนไม่เหลือแม้แต่คาน