วิรัตน์ แสงทองคำ : GULF-INTUCH

วิรัตน์ แสงทองคำviratts.wordpress.com

วิรัตน์ แสงทองคำ / https://viratts.com/

 

GULF-INTUCH

 

ความเคลื่อนไหวบางอย่างเป็นไปได้ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ COVID-19

กรณีต่อเนื่อง บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF (19 เมษายน 2564) ประกาศคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (tender offer) บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ในราคา 65 บาทต่อหุ้น ตามกระบวนการกระทบถึง บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC โดยเสนอซื้อในราคา 122.86 บาทต่อหุ้น “มีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ ตามหลักเกณฑ์ Chain Principle” ทั้งนี้ ข้อสนเทศตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุว่า INTUCH ถือหุ้นใหญ่ที่สุดใน ADVANC ถึง 40.5%

ดูไปแล้ว GULF มีเป้าหมายหลักอยู่ที่ INTUCH ด้วยดำเนินแผนการกว้านซื้อหุ้นมาเป็นระยะๆ จนถึงหมุดหมายสำคัญ-28 มกราคม 2564 สามารถเข้าถือหุ้น INTUCH ได้ในสัดส่วนถึง 15%

และแล้วจึงมาถึงบทสรุป เมื่อแผนการและกระบวนการ tender offer สิ้นสุด (5 สิงหาคม 2564) GULF สามารถซื้อหุ้นเพิ่มในจำนวนที่น่าสนใจ จนกลายเป็นถือหุ้นใหญ่ INTUCH ได้ในสัดส่วนถึง 42.25%

ขณะที่ต่อมา (16 สิงหาคม 2564) กรณี ADVANC ก็มาถึงบทสรุปเช่นกัน แต่ GULF ได้ซื้อเพิ่มมาเพียงเล็กน้อยอย่างไม่มีนัยยะสำคัญ

 

อันที่จริงแผนข้างต้นพอจะเห็นเค้าลางบทสรุปมาก่อนหน้าแล้ว

เมื่อ INTUCH นำเสนอ “ความเห็นของกิจการเกี่ยวกับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (แบบ 250-2) และรายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระต่อคำเสนอซื้อหลักทรัพย์” (19 กรกฎาคม 2564) ต่อ กลต.และตลาดหลักทรัพย์ฯ และมีการแก้ไขเพิ่มเติมในเวลาต่อมา (27 กรกฎาคม 2564) มีสาระสำคัญฟันธง “ราคาเสนอซื้อเป็นราคาที่เหมาะสมและมีความสมเหตุสมผล”

ขณะที่ ADVANC นำเสนอ (มาในวันเดียวกับ INTUCH) ด้วยความเห็นที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง “ควรปฏิเสธคำเสนอซื้อหุ้นสามัญของผู้ทำคำเสนอซื้อ” มีบทขยายความขออ้างอิงไว้ “เนื่องจากการประเมินมูลค่าปัจจุบันของกิจการด้วยวิธีมูลค่าปัจจุบันสุทธิของกระแสเงินสด (Discounted Cash Flow Approach – DCF) ซึ่งเป็นวิธีประเมินมูลค่าที่มีความเหมาะสม เนื่องจากสามารถสะท้อนผลประกอบการในอนาคตภายใต้แผนธุรกิจและสมมุติฐานต่างๆ ที่มีความสมเหตุสมผล พบว่าช่วงราคายุติธรรมของหุ้นของบริษัทอยู่ในช่วง 214.00-234.00 บาทต่อหุ้น ซึ่งราคาเสนอซื้อที่ 120.93 บาทต่อหุ้น ต่ำกว่าราคายุติธรรมดังกล่าว จึงเป็นราคาที่ไม่เหมาะสม”

ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่สำคัญเท่ากับความเห็นผู้ถือหุ้นทรงอิทธิพลที่สุด-Singtel Group แห่งสิงคโปร์

 

SINGAPORE TELECOMMUNICATIONS LIMITED ได้แสดงท่าทีครั้งสำคัญ (Stock Exchange Announcements) ในเวลาไม่นานเกินรอ ในหัวข้อ Tender Offer for securities of Intouch and AIS ในฐานะบริษัทในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ หรือ SGX (30 กรกฎาคม 2564) เปิดฉากเน้นกรณี ADVANC ซึ่ง Singtel เรียก ตามแบรนด์-AIS “Singtel believes that the AIS Tender Offer significantly undervalues the fair value of AIS. Therefore, Singtel does not intend to accept the AIS Tender Offer in respect of any of its AIS share” เป็นความเห็นสอดคล้องกันที่ ADVANC นำเสนอไว้ข้างต้น ทั้งระบุชัดว่า ในฐานะผู้ถือหุ้นจะไม่รับข้อเสนอดังกล่าว

ที่สำคัญย้ำอย่างหนักแน่นว่า Singtel มีมุมมองทางธุรกิจระยะยาว (long-term outlook) คงพันธะต่อเนื่องกับทั้งสองบริษัท ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์ธุรกิจ เพิ่งประกาศไว้ไม่นาน “Singtel’s continued commitment to Intouch and AIS is aligned with the four pillars laid out in the Group’s strategic reset announced on 27 May 2021 to capture untapped digital growth in the 5G era”

ปัจจุบัน (ข้อมูล ณ 23/02/2564) Singtel ถือหุ้น INTUCH (ผ่าน SINGTEL GLOBAL INVESTMENT PTE. LTD.) ในสัดส่วน 21% ขณะที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองใน ADVANC (ผ่าน SINGTEL STRATEGIC INVESTMENTS PTE LTD.) ในสัดส่วน 23.32

“Singtel Group คือกลุ่มธุรกิจชั้นนำในเอเชียด้านเทคโนโลยีสื่อสาร ให้บริการระบบสื่อสาร และบริการดิจิตอล ครอบคลุมทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย แอฟริกา และสหรัฐอเมริกา โดยมีผู้ใช้บริการ Mobile มากกว่า 753 ล้านราย ใน 21 ประเทศ รวมทั้งสิงคโปร์ ออสเตรเลีย อินเดีย อินโดนีเชีย ฟิลิปปินส์ ไทย และแอฟริกา” เรียบเรียงจาก Investor factsheet Jun 2021

 

Singtel เข้ามาเมืองไทยด้วยดีลอันอื้อฉาว ผ่าน Temasek Holding กิจการลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์ (ถือหุ้นใหญ่ใน Singtel อีกทอดหนึ่ง) เมื่อ 15 ปีที่แล้ว (2549) “บรรลุข้อตกลงกับตระกูลชินวัตร…ซื้อหุ้นในบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (ชื่อขณะนั้นของ INTUCH) จำนวน 1,487.7 ล้านหุ้น หรือ 49.6% ของหุ้นทั้งหมด ในราคาหุ้นละ 49.25 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 73.3 พันล้านบาท” แสดงให้เห็นว่า เวลาผ่านไป ราคา (ซื้อขาย) INTUCH สูงขึ้น (จากเดิม) พอสมควร

หลังจากนั้นประมาณ 3 เดือน (มีนาคม 2549) Singtel ได้บรรลุความสำเร็จในการเสนอซื้อหุ้น (tender offer) ADVANC ต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยในตลาดหุ้นเสร็จเรียบร้อย ถือว่าเป็นแผนสำคัญต่อเนื่องจากการซื้อกิจการชินคอร์ป ตามกระบวนการที่ควรเป็นอย่างที่ GULF ทำในปัจจุบัน แต่บทสรุปออกมาแตกต่างกัน GULF บรรลุผลตามแผนในระดับหนึ่งเฉพาะ INTUCH เท่านั้น

มิถุนายน 2551 ผู้บริหาร Singtel คนสำคัญ เข้าดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหาร INTUCH (ซึ่งก็คือชินคอร์ปในเวลานั้น) ถือเป็นการเปลี่ยนถ่ายอำนาจบริหารอย่างแท้จริงตั้งแต่นั้น

ส่วนกรณี GULF เชื่อว่า คงมีส่วนร่วมในการบริหารอยู่บ้าง อย่างน้อยในคณะกรรมการบริษัท แต่อย่างไรเชื่อว่าบทบาท Singtel อย่างที่เป็นมาเมื่อ 13 ปีที่แล้ว คงยังไม่เปลี่ยนแปลง

 

อันที่จริง GULF อาจไม่ได้คิด ไม่ได้ดำเนินแผนการเช่นเดียวกับ Sintel เช่นเมื่อ 15 ปีที่แล้ว เป็นไปได้ในทำนองสอดคล้องกับความเห็นบางตอนที่ปรึกษาอิสระของ INTUCH กล่าวไว้ (ความเห็นของกิจการเกี่ยวกับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (แบบ 250-2) และรายงานความเห็นของที่ปรึกษาทางการเงินอิสระต่อคำเสนอซื้อหลักทรัพย์-19 กรกฎาคม 2564)

“…ผู้ทำคำเสนอซื้อประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมที่ต่างกัน บริษัท (หมายถึง INTUCH) ประกอบธุรกิจด้านเทคโนโลยี สื่อ และโทรคมนาคม ในขณะที่ผู้ทำคำเสนอซื้อประกอบธุรกิจด้านพลังงาน ส่งผลให้มีข้อจำกัดในการประเมินผลประโยชน์ทางธุรกิจที่มีโอกาสเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ภายหลังการเข้าร่วมธุรกิจของผู้ทำคำเสนอซื้อ บริษัทและผู้ทำคำเสนอซื้ออาจมีการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจระหว่างกัน เพื่อพัฒนาธุรกิจร่วมกันในอนาคต…”

และอาจสอดคล้องกับแผนการของ GULF และสารัชถ์ รัตนาวะดี ด้วยก็ได้ ดังตำนานการก่อตั้งและเติบใหญ่ของ GULF ผมเคยสรุปไว้

“สารัชถ์ รัตนาวะดี มีประสบการณ์ในธุรกิจโรงไฟฟ้า ในฐานะมืออาชีพ เกือบๆ 2 ทศวรรษ ก่อนจะมาก่อตั้งกิจการตนเองอย่างจริงจังในปี 2550 กิจการซึ่งอ้างอิงกับเครือข่ายธุรกิจระดับโลก พัฒนาการไปตามจังหวะก้าว จากกิจการร่วมทุนที่ถือหุ้นข้างน้อย (กรณี J-POWER) สู่กิจการซึ่งถือหุ้นข้างมาก (กรณี Mitsui) เพียงแค่นั้นได้สร้างรากฐานธุรกิจอย่างสำคัญ ให้ก้าวสู่เวทีเทียบเคียงกับผู้มีอิทธิพลและผู้มาก่อน” (บางตอนจากข้อเขียนใน “มติชนสุดสัปดาห์” เมื่อ 4 เดือน ผมเพิ่งนำมาเสนอให้เป็นระบบระเบียบมากขึ้นใน https://viratts.com/)

GULF และสารัชถ์ รัตนาวะดี กำลังเปลี่ยนผ่าน ตามจินตนาการธุรกิจที่กว้างขึ้น คงจะต้องใช้เวลาบ้าง เพื่อการสั่งสมประสบการณ์ใหม่ๆ ที่จำเป็น โดยเฉพาะศึกษาบทเรียนจาก Singtel

แต่บางเรื่องไม่จำเป็นต้องใช้เวลา ผลแห่งดีลข้างต้น เกมในตลาดหุ้นจึงเร้าใจมากขึ้น