ศึกคอแดง ภาค 2 เดิมพัน ‘ทรงวิทย์’ อำลา ‘ทรงพล’ ตท.27 ระส่ำ ฉลามเฒ่า ฮึด! คืนถิ่น กับตำนานเพื่อนรัก ณ ทุ่งดอนเมือง/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

ศึกคอแดง ภาค 2

เดิมพัน ‘ทรงวิทย์’

อำลา ‘ทรงพล’

ตท.27 ระส่ำ

ฉลามเฒ่า ฮึด! คืนถิ่น

กับตำนานเพื่อนรัก ณ ทุ่งดอนเมือง

 

การแต่งตั้งโยกย้ายทหารชั้นนายพลปีนี้ ใช้เวลากันจนหยดสุดท้าย โดยเฉพาะในส่วน ทบ.นั้น เสร็จสิ้นหลังสุด ส่งผลให้การประชุมบอร์ด 7 เสือกลาโหม ที่นัดหมายไว้ 25 สิงหาคมที่ผ่านมา ต้องเลื่อนออกไปเป็น 30 สิงหาคมเลย

เพราะบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. จะต้องแก้โผโยกย้ายของ ทบ.ใหม่ หลังจากที่บิ๊กเนี้ยว พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน ผบ.พล.1 รอ. ที่โผเดิมจะขยับขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เข้าไลน์สู่เก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 ในอนาคต

แต่เมื่อ พล.ต.ทรงพลเป็นนายพลคนเดียวที่ได้รับการคัดเลือกให้ไปรับราชการที่กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) โดยจะต้องโอนย้ายจากกองทัพบกไปเป็นข้าราชบริพารในพระองค์ นอกนั้นเป็นนายทหารระดับพันเอกพิเศษ รอง ผบ.พล. และผู้บังคับการกรม ที่เคยเป็นทหารรักษาพระองค์ จึงต้องจัดโผ ทบ.ใหม่

พล.ต.ทรงพลได้ชื่อว่าเป็นนายทหารคอแดง สายเป๊ะ ที่มีบทบาทสำคัญในการตั้ง ฉก.ทม.รอ.904 มาตั้งแต่ยุคบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ เป็น ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904

แต่ใน ทบ.ต่างก็เสียดาย เพราะเป็นนายทหารคนเก่ง และมีความสามารถ บุคลิกลักษณะดี และถูกมองว่า เป็นดาวรุ่ง ทบ.ที่จะขึ้นถึงแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.เลยทีเดียว เพราะเป็นครีมในรุ่นเตรียมทหาร 27 ที่กำลังสยายกำลังคุมระดับกองพลอยู่

แต่ที่สุด ชะตาฟ้าลิขิตทำให้ พล.ต.ทรงพลไม่ได้ทำหน้าที่ใน ทบ. แต่กลายเป็นทหารพระราชาอย่างเต็มตัว

พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน

จึงทำให้เวลานี้ แกนนำรุ่น ที่มีสิทธิลุ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และ ผบ.ทบ.ในอนาคต มีเพียงบิ๊กตั้ง พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล ผบ.มทบ.11 เท่านั้น ที่เป็นทหารคอแดง และเป็นทหารรักษาพระองค์ และมีอายุราชการถึงกันยายน 2572

โดยคาดกันว่า โผนี้ พล.ต.ธวัชชัยจะขยับจาก ผบ.มทบ.11 ไปเป็น ผบ.พล.ร.11 คุมกองพล Stryker ที่ พล.อ.อภิรัชต์ได้จัดตั้งขึ้นมา และจะกลายเป็น ผบ.พล.ร.11 คอแดงคนแรกของ พล.ร.11

เพราะจากนี้ไปนโยบายของ ทบ. คือตำแหน่งผู้บังคับการโรงเรียน หรือสถาบันการศึกษา เช่น ผบ.รร.เตรียมทหาร ผบ.รร.นายร้อย จปร. จะเป็นนายทหารคอแดงหมด

พล.ต.ธวัชชัย ถือเป็นนายทหารลูกหม้อ ร.11 รอ.เก่า ที่เติบโตมาในยุคของ พล.อ.อภิรัชต์ ตั้งแต่สมัยอยู่ราบ 11

ขณะที่ ตท.27 ยังมีบิ๊กใหญ่ พล.ต.อมฤต บุญสุยา ผบ.พล.ร.2 รอ. พล.ต.อุดม แก้วมหา ผบ.พล.ม.2 รอ. และ พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผบ.พล.ร.9

ดังนั้น เมื่อ พล.ต.ทรงพลไม่ได้ไปต่อใน ทบ. จึงคาดกันว่า นายทหารระดับ ผบ.พล.ในรุ่นจะขยับขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 นอกเหนือจาก ผบ.ปู พล.ต.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.พล.ร.11 รุ่นพี่ ตท.26 ที่ขึ้นแท่นรองแม่ทัพภาคที่ 1

ขณะที่นายทหาร 28 กำลังถูกจับตามองแทน เมื่อ ตท.27 ขาดคีย์แมนอย่าง พล.ต.ทรงพลมานำทัพ เพราะรู้กันดีว่า เป็นรุ่นที่กำลังมาแรง เบียดแข่งกับ ตท.27

โผนี้ คาดกันว่ารองไก่ พ.อ.วรยส เหลืองสุวรรณ (ตท.28) รอง ผบ.พล.1 รอ. บูรพาพยัคฆ์คอแดง จะขยับขึ้นพลตรี เป็น ผบ.พล.1 รอ. เป็นคีย์แมนหลักของทหารคอแดง และ ฉก.ทม.รอ.904

ส่วนรองต๊ะ พ.อ.อัศวิน บุนนาค รอง ผบ.พล.1 รอ. ก็ได้รับเลือกให้เป็นนายทหารฝ่ายเสธ.ไปอยู่ ฉก.ทม.รอ.904

พล.ท.ทรงวิทย์ หนุนภักดี

การเขย่าโผ ทบ.ในครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางข่าวสะพัดว่า เกิดการคานอำนาจกันเกิดขึ้น และส่งผลต่อดุลอำนาจในกองทัพภาคที่ 1

จากเดิมที่มีข่าวว่า รองเสธ.อ๊อบ พล.ท.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองเสธ.ทบ. จะได้ย้ายระนาบกลับมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เพื่อเข้าสู่เส้นทางเหล็ก สู่เก้าอี้ 5 เสือ ทบ. และชิง ผบ.ทบ.ในอนาคต

แต่เพราะเก้าอี้แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นกำลังหลักของ ทบ. และของ ฉก.ทม.รอ.904 ด้วย จึงต้องผ่านหลายขั้นตอน

ขั้นตอนแรก คือ ต้องได้รับการเสนอชื่อขึ้นมา แต่ปรากฏว่า แม่ทัพต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 เสนอชื่อบิ๊กโต พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพน้อยที่ 1 เพื่อน ตท..23 เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 คนใหม่ และรองหนุ่ย พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ (ตท..24) รองแม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้นแม่ทัพน้อยที่ 1 เรียกได้ว่า เป็นสายบูรพาพยัคฆ์คอแดงทั้งคู่

ทั้งนี้เพราะ พล.ท.เจริญชัยย่อมต้องเสนอคนในกองทัพภาคที่ 1 ไม่ได้เสนอชื่อ พล.ท.ทรงวิทย์ที่ชื่ออยู่ บก.ทบ. อีกทั้งเป็นที่รู้กันดีว่า สายสัมพันธ์ของ พล.ท.เจริญชัย และ พล.ท.ทรงวิทย์ ก็ไม่สู้ดีนัก เพราะถือเป็นคู่แข่งชิงตำแหน่งกันมาก่อน

เพียงแต่มีการคาดการณ์กันว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์จะเป็นผู้เสนอชื่อ พล.ท.ทรงวิทย์เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 เอง เพราะมีความสนิทสนม และทำงานด้วยกันมาตลอด ตั้งแต่ อยู่ชายแดนใต้ และที่ พล.1 รอ.

แต่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ไม่อาจตัดสินใจเพียงลำพัง แม้จะเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วยก็ตาม เพราะจะต้องผ่านด่าน “พระราม 5 ข.” ที่เป็นสัญลักษณ์ นามเรียกขาน แทน ทม.รอ.

ไม่แค่นั้น พล.อ.อภิรัชต์ รองราขเลขาธิการ อดีต ผบ.ทบ. ก็ยังคงมีบทบาทในการจัดโผ ทบ.ในส่วนของทหารคอแดงด้วยเช่นกัน ในฐานะรุ่นพี่ที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ให้ความเคารพ

เคยเป็นที่ร่ำลือกันว่า ระหว่าง พล.ท.เจริญชัย กับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ นั้น ก็มีระยะห่างทางใจกันอยู่บ้าง ตามประสารุ่นติดกัน คือ ตท.23 กับ ตท.22 ที่จะเบียดแข่งกันมาในชีวิตรับราชการทหาร

พล.อ.ณรงค์พันธ์โตมาจาก พล.1 รอ. สายวงศ์เทวัญ ส่วน พล.ท.เจริญชัยโตมาจาก พล.ร.2 รอ. เป็นบูรพาพยัคฆ์ และทหารเสือราชินี ที่โตมาจาก ร.21 รอ. กับบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก่อนที่วันนี้ จะกลายมาเป็นทหารคอแดงเหมือนกันหมด

ด้วยเหตุที่ พล.ท.สุขสรรค์ก็ไม่มีข้อบกพร่อง และอาวุโส รวมทั้งเป็นทหารคอแดงด้วย เมื่อได้รับการเสนอชื่อเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จึงยากที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์จะแทรกแซง

จึงมีข่าวสะพัดภายใน บก.ทบ.ว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์จะดัน พล.ท.ทรงวิทย์จากรองเสธ.ทบ ขึ้นเป็นพลเอก ห้าเสือ ทบ.แทน ในตำแหน่งเสธ.ทบ.คู่ใจเลยทีเดียว เพราะมอบหมายให้คุมงานยุทธการมาอยู่แล้ว

จากเดิมที่มีบิ๊กติ่ง พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสธ.ทบ. เพื่อนร่วมรุ่น ตท.22 ของบิ๊กบี้เอง จะเป็นเสธ.ทบ. และเป็นเลขาฯ กอ.รมน.ด้วย เพราะก็ทำงานในสายนี้มาตลอด แถมรับหน้าเสื่อ เป็นทั้งโฆษก ทบ. และ ผอ.ศบค.19 ทบ.ด้วย

โผ ทบ.ขยับตำแหน่งหนึ่ง ก็เป็นโดมิโนสะเทือนอีกหลายตำแหน่ง จากเดิมที่บิ๊กยอง พล.ท.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง (ตท.24) ผบ.นสศ. จะขยับขึ้น ผช.ผบ.ทบ. ก็ต้องหลบให้ พล.ท.สันติพงศ์ รุ่นพี่ ตท.22

ขณะที่เก้าอี้ ผช.ผบ.ทบ.อีกตัวหนึ่ง มี พล.ท.เจริญชัย แม่ทัพภาคที่ 1 นั่งจองอยู่นานแล้ว ในฐานะตัวเต็ง ผบ.ทบ.ในอนาคต เมื่อ พล.อ.ณรงค์พันธ์เกษียณกันยายน 2566

ดังนั้น หาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ออกแรงดัน พล.ท.ทรงวิทย์ให้เป็นเสธ.ทบ. ก็ย่อมหมายถึงการเข้าไลน์ 5 เสือ ทบ. แต่ทว่า นั่นหมายถึงชีวิตรับราชการทหารของ พล.ท.ทรงวิทย์จะไม่ได้เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แล้ว

แม้จะเป็น 5 เสือ ทบ.ที่ชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.ได้ แต่ก็เสียเปรียบ เพราะไม่ได้เป็นแม่ทัพภาคมา แม้จะสามารถขึ้นจากเสธ.ทบ.ฝ่ายอำนวยการได้ แต่ tradition ทบ. มีไม่กี่ยุคที่สายบุ๋นขึ้น ผบ.ทบ. เช่น บิ๊กจิ๋ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ และบิ๊กสุ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่โตมาจากกรมยุทธการทหารบก

ดังนั้น โอกาสที่โยกย้ายใหญ่ครั้งต่อไป พล.ท.ทรงวิทย์อาจจะถูกเด้งไปอยู่ บก.ทัพไทย ไปชิง ผบ.ทหารสูงสุด ย่อมจะมีสูงกว่า

ด้วยเหตุที่ม่านประเพณี ทบ. ที่ไม่ให้นายทหารที่จบจากนายร้อยต่างประเทศ ไม่ได้จบนายร้อย จปร. ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ได้

พล.ท.ทรงวิทย์ที่จบจากนายร้อยเวอร์จิเนีย VMI สหรัฐอเมริกา สามารถฝ่าด่านม่านประเพณี จนเป็นทั้งผู้บังคับกองพัน ผู้บังคับการกรม และผู้บัญชาการกองพล ทั้ง พล.ร.11 และที่สุดคือ ผบ.พล.1 รอ.ได้ แต่ก็มาหยุดที่รองแม่ทัพภาคที่ 1 และถูกเปลี่ยนเส้นทางเดิน จากสายกำลังรบ สายบู๊ เข้า บก.ทบ. มาเป็นสายบุ๋น รองเสธ.ทบ.

แม้ว่าชื่อชั้น ผลงานต่างๆ ของ พล.ท.ทรงวิทย์จะเป็นที่ยอมรับ แต่ทว่า ม่านประเพณีและเกมการเมืองภายในกองทัพ ต่างมีผลไม่มากก็น้อย

พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน

ขณะที่กองทัพเรือจัดทำโผเสร็จสิ้นเรียบร้อยลงตัว เหล่าทัพแรก แต่ก็ส่งให้ ผบ.ทหารสูงสุด พร้อมของ ทอ. เมื่อ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา

บิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. ไม่แพร่งพรายการตัดสินใจให้ใครๆ ล่วงรู้ แม้แต่เพื่อนสนิท แถมทั้งยังไม่แสดงออกให้เห็นว่าปลื้มใครเป็นพิเศษ ในบรรดาแคนดิเดต ผบ.ทร.

แต่ถ้าโดยการทำงานแล้ว บิ๊กโต้ง พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ เสธ.ทร. ถือว่าเป็นมือทำงานให้บิ๊กอุ้ยมาตลอด จึงทำให้ถูกคาดหมายว่า ได้เสนอชื่อบิ๊กโต้งเป็น ผบ.ทร.คนใหม่ และต้องการ ผบ.ทร.ที่มีอายุราชการมากกว่า 1 ปี จะได้สานงานให้สำเร็จต่อเนื่อง

ถ้า พล.ร.อ.ชาติชายยืนยันตามที่เสนอชื่อขึ้นมาก็จบ เพราะ ผบ.เหล่าทัพมีความชอบธรรมในการเสนอชื่อ และไม่ได้มีความขัดแย้งภายใน ทร. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม จะไม่สามารถล้วงลูกได้ เพราะ ผบ.เหล่าทัพจะให้เกียรติกัน ไม่ยุ่งเกี่ยว และไม่โหวตของเหล่าทัพอื่น

แต่สายข่าวในกลาโหมยืนกรานว่า พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม จะผลักดันบื๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย รองปลัดกลาโหม ให้กลับไปเป็น ผบ.ทร.ให้ได้ เพราะได้หารือกับผู้บังคับบัญชาชั้นสูงแล้ว

เพราะจะเป็นการคืนความชอบธรรมให้ พล.ร.อ.สมประสงค์ที่ถูกเตะข้ามฟากจากผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทร. ข้ามไปกลาโหม เป็นรองปลัดกลาโหมมาเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทั้งๆ ที่เคยถูกจับตามองว่าเป็นดาวรุ่งของ ทร.คนหนึ่งมาก่อน

แถมประวัติก็เคยเป็นทั้ง ผบ.เรือหลวงตองปลิว และเคยเป็นผู้ช่วยทูตทหารเรือ ประจำกรุงโรม อิตาลี เจ้ากรมการขนส่งทหารเรือ ผบ.ฐานทัพเรือกรุงเทพ และเจ้ากรมข่าวทหารเรือ ก่อนขึ้นรองเสนาธิการทหารเรือ แล้วก็ขึ้นเป็นพลเรือเอก ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทร.

อันเป็นไปตามธรรมเนียมทหารเรือ ที่ยึดถือกันมายาวนาน

แต่ในยุคบิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เป็น ผบ.ทร. ที่ไม่เคยเป็น ผช.ทูตทหารเรือ เช่นเดียวกับแคนดิเดต ทร.ในเวลานี้ ทั้ง พล.ร.อ.ธีรกุล และบิ๊กปู พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผบ.กองเรือยุทธการ และบิ๊กโต๊ะ พล.ร.อ.ทรงวุฒิ บุญอินทร์ ผช.ผบ.ทร. ก็ไม่เคยเป็น ผช.ทูตทหารเรือ

พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย

หากเทียบประวัติแล้ว พล.ร.อ.สมประสงค์จะได้เปรียบกว่า พล.ร.อ.ธีรกุลที่เป็นผู้การเรือเล็กๆ เช่น เรือ ต.15, ต.97 แต่เคยอยู่สายบู๊ รองผู้การกรมต่อสู้อากาศยาน 1 สอ.รฝ. เป็นรองเสนาธิการฐานทัพเรือพังงา ก่อนมาสายบุ๋น ทำงานประสานงานไทย-มาเลเซีย ผอ.กองแผนและโครงการ กรมจเรทหารเรือ ผู้อำนวยการกองศึกษายุทธศาสตร์ สถาบันวิชาการทหารเรือชั้นสูง ผู้อำนวยการกองส่งกำลังบำรุง ทัพเรือภาคที่ 3 ก่อนมาโตในสำนักงานปลัดบัญชีทหารเรือ จนเป็นผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ จนเป็นปลัดบัญชีทหารเรือ ก่อนขึ้นเสธ.ทร.จากการปั้นของ พล.ร.อ.ลือชัย

ส่วน พล.ร.อ.สุทธินันท์เคยเป็น ผบ.เรือหลวงกูด ก่อนที่จะขึ้นบก มาเติบโตจากหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) เคยเป็นผู้บังคับกองพันรักษาฝั่งที่ 11 สอ.รฝ. ผู้การกรมต่อสู้อากาศยานที่ 2 และเสนาธิการ สอ.รฝ. และไปเติบโตในทัพเรือภาคที่ 1 และข้ามไปเป็นเจ้ากรมการเงิน ทร. ก่อนเข้าไลน์เป็น ผบ.ทัพเรือภาคที่ 1 และ ผบ.กองเรือยุทธการ (ผบ.กร.) คุมกำลังทางเรือ และได้ชื่อว่าเป็นน้องเลิฟของบิ๊กลือ

และถึงอย่างไร พล.ร.อ.สมประสงค์ก็เป็นเพื่อน ตท.20 ของ พล.ร.อ.ชาติชาย และ พล.อ.ณัฐเลยด้วยซ้ำ

แต่ พล.ร.อ.สมประสงค์ รุ่นพี่ ตท.20 มีอายุราชการเหลือ1 ปี ดังนั้น หากปีนี้ได้เป็น ผบ.ทร.แล้ว ปีหน้า พล.ร.อ.ธีรกุล หรือ พล.ร.อ.สุทธินันท์ ก็สามารถชิงเก้าอี้ ผบ.ทร.ได้อีกครั้ง

จึงต้องส่องดูโผฉบับที่บิ๊กอุ้ยจัดไว้ จะวางตัวใครไว้เป็น ผบ.ทร.ในอนาคตบ้าง หากยืนกรานให้ พล.ร.อ.ธีรกุล (ตท.21) เป็น ผบ.ทร. นั่ง 2 ปี พล.ร.อ สุทธินันท์ (ตท.22) จะถูกขยับไปเป็นประธานที่ปรึกษา ทร. บิ๊กบู พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ ขึ้น ผช.ผบ.ทร. พล.ร.ท.โกวิทย์ อินทร์พรหม ผบ.ทัพเรือภาคที่ 1 เป็นเสธ.ทร. ขณะที่มีชื่อบิ๊กหน่อย พล.ร.อ.ภราดร พวงแก้ว ชิง ผบ.ทร. กับบิ๊กโต้ง พล.ร.ท.ไกรศรี เกษร ผบ.รร.นายเรือ หรืออาจจะมีม้ามืด ที่ ผบ.ทร.คนใหม่เลือกเอาไว้แล้ว จ่อคิวอยู่

แต่หาก พล.ร.อ.สมประสงค์เป็น ผบ.ทร. ก็คาดกันว่า พล.ร.อ.ธีรกุลจะขึ้นรอง ผบ.ทร.จ่อคิวไว้เป็น ผบ.ทร.ต่อ1 ปี และมี พล.ร.อ สุทธินันท์เป็นประธานที่ปรึกษา ทร. ครองอัตราพลเรือเอกพิเศษ ลุ้นได้อีกปี พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ รองเสธ.ทร. เป็น ผช.ผบ.ทร. และมี พล.ร.ท.โกวิทย์ ผบ.ทัพเรือภาคที่ 1 เป็นเสธ.ทร. โดยมี พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล เป็น ผบ.ทัพเรือภาค พล.ร.ท.สุวิน แจ้งยอดสุข เป็น ผบ.ทัพเรือภาคที่ 2 และ พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว เป็น ผบ.ทัพเรือภาคที่ 3

คาดว่าจะมีเขย่าโผอีกรอบ หลัง พล.อ.ประยุทธ์คุย ผบ.เหล่าทัพ 30 สิงหาคมนี้

พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ

ขณะที่ทุ่งดอนเมือง แรงกว่าที่คาด ในช่วงที่โผ ทอ.กำลังสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แต่ก็ยังมีเตะตัดขา ปล่อยข่าวโจมตีสกัดกั้นกันระหว่างการไปร่วมประชุมบริหารโครงการ T-6 และเป็นพยานลงนาม AT-6 จำนวน 8 เครื่อง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อหวังให้ระงับโครงการ เพราะอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช.

ทั้งๆ ที่ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ได้มอบหมายให้บิ๊กจ๋า พล.อ.ท.พงษ์สวัสดิ์ จันทสาร รองเสธ.ทอ.ประธานโครงการจัดซื้อ AT-6 และมีเสธ.หนึ่ง พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา เสธ.ทอ. ไปเป็นพยานในฐานะประธานบริหารโครงการ

แม้โครงการนี้จะเข้าโครงการคุณธรรม มีคณะผู้สังเกตการณ์คุณธรรม ร่วมตรวจสอบด้วยแล้วก็ตาม

แต่เพราะทั้ง พล.อ.ท.พงษ์สวัสดิ์ และ พล.อ.อ.ชานนท์ 2 เกลอเพื่อนรัก ตท.23 ถูกมองว่า สนิทสนมกับ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ อดีต ผบ.ทอ. ที่กำลังถูกถล่ม และร้องต่อ ป.ป.ช. จนต้องไปชี้แจงมาแล้ว

อันเป็นการสะท้อนว่า ศึกภายในของทีม พล.อ.อ.แอร์บูล กับ พล.อ.อ.มานัต ยังเข้มข้น และยากที่จะจบสิ้น

พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา

พล.อ.ท.พงษ์สวัสดิ์เป็นนักบินขับไล่ ทั้ง F5, Alpha Jet และ F16 call sigh “Phoenix” อดีตผู้การกองบิน 23 และ ผช.ทูตทหารอากาศ ประจำเยอรมนี ถือเป็นดาวเด่นอีกคนของ ตท.23 ที่ตีตู่มากับ พล.อ.อ.ชานนท์

แม้แต่เมื่อ พล.อ.อ.แอร์บูลเกษียณราชการ 30 กันยายนนี้ไป เขาจึงต้องวางทายาทไปเป็นปราการป้องกันภัยที่จะตามมา

อันที่จริง บิ๊กตั้ว พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์ วัฒนวรางกูร ผบ.คปอ. เพื่อนรัก ตท.21 คือตัวเลือกที่ลงตัวที่สุด เพราะสนิทสนมกันมากที่สุด

แต่ พล.อ.อ.แอร์บูลมองระยะยาวไปถึงการวางตัวทายาท ผบ.ทอ.คนต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะบิ๊กเบิร์ท พล.อ.ท.อนันตชัย แก้วศรีงาม เจ้ากรมส่งกำลังบำรุง ทอ. ที่ จะขึ้น 5 เสืออากาศในโผนี้

พล.อ.อ.แอร์บูลแม้จะเป็นรุ่นพี่ ตท.21 แต่ก็มาเรียนกับ ตท.22 ด้วย จึงได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับ พล.อ.ท.อนันตชัย และเป็นนักบินลำเลียง C-130 เช่นกันด้วย และมีอายุราชการถึงกันยายน 2567 สามารถลุ้นชิง ผบ.ทอ.คนต่อไปได้

อีกทั้ง พล.อ.ท.อนันตชัยเป็นคนที่ดูแลสายงานส่งกำลังบำรุง การจัดซื้อจัดหา ในสมัย พล.อ.อ.แอร์บูลทั้งหมด หลังจากขึ้นมาเมื่อเมษายน 2564 ที่ผ่านมา แทน พล.อ.ท.นพดล เพราเพริศภิรมย์ ที่ พล.อ.อ.มานัต อดีต ผบ.ทอ.ตั้งไว้ ก่อนที่จะตามมาด้วยการรื้อโครงการต่างๆ ของ พล.อ.อ.มานัตจนกลายเป็นความขัดแย้ง และร้าวลึก

เมื่อ พล.อ.อ.แอร์บูลวางตัว พล.อ.ท.อนันตชัยไว้เป็นเสธ.ทอ. แต่ใน ทอ.รับรู้กันดีว่า เขามีปัญหาคาใจเดิมๆ กับ Stallion บิ๊กตั้ว พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์ วัฒนวรางกูร ผบ.คปอ. เพื่อนรัก ตท.21 ของ พล.อ.อ.แอร์บูลเอง

จึงมีส่วนที่จะทำให้ พล.อ.อ.แอร์บูลเลี่ยงไปเสนอชื่อ Snowy บิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ประธานที่ปรึกษา ทอ. เพื่อน ตท.21 ที่ดูเป็นกลางๆ ไม่ขัดแย้งอะไรกับใคร เพื่อหวังให้บิ๊กป้องส่งไม้ต่อให้บิ๊กเบิร์ทในปลายปีหน้า

แต่หลังจากมีข่าวแพร่สะพัดออกไปว่า พล.อ.อ.แอร์บูลเสนอชื่อ พล.อ.อ.นภาเดชเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ เกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดในทุ่งดอนเมืองอีกครั้ง

เพราะปีที่แล้ว ในสมัย พล.อ.อ.มานัต ใครๆ ใน ทอ. โดยเฉพาะเพื่อน ตท.20 ต่างฟันธงว่า จะเสนอชื่อบิ๊กจ้อ พล.อ.อ.ธรินทร์ ปุณศรี ผช.ผบ.ทอ.ในเวลานั้น เป็น ผบ.ทอ. แต่ทว่า พล.อ.อ.มานัตกลับเสนอชื่อ พล.อ.อ.แอร์บูล รุ่นน้อง ตท.21 เป็น ผบ.ทอ.มาแบบม้ามืด

แล้วเตะบิ๊กจ้อไปเป็นรองปลัดกลาโหม จนทำให้เพื่อน ตท.20 หลายคนเลิกคบ พล.อ.อ.มานัตไปเลยก็มี

แม้จะสนิทสนมกันมาก แต่ พล.อ.อ.แอร์บูลก็ไม่เคยเอ่ยปากบอก พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์ ว่าเสนอใครเป็น ผบ.ทอ. โดยปล่อยให้คนใน ทอ.คาดกันว่า น่าจะเสนอ พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์นี่ล่ะ

แต่เมื่อมีข่าวออกมาว่า เสนอชื่อ พล.อ.อ.นภาเดช ต่อมาทัพฟ้าก็อื้ออึงร่ำลือกันอย่างหนัก เมื่อ พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์มาพบ พล.อ.อ.แอร์บูลที่ห้องทำงานที่ บก.ทอ.

ความจริงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่เพื่อนรักจะคุยกัน เพราะ พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์ก็มาหา พล.อ.อ.แอร์บูลอยู่เนืองๆ แต่มักจะมาเรื่องงาน

แต่คราวนี้ นอกจากปิดห้องคุยแล้ว ยังเรียกนายทหารที่เกี่ยวข้องกับการจัดโผ ทอ. รวมทั้งเจ้ากรมกำลังพล ทอ.เข้ามาพบด้วย จึงทำให้ตึกแปดแฉกทัพฟ้า ร่ำลือกันว่า ต้องเกิดการเจรจาต่อรองกันเกิดขึ้นใหม่แน่นอน

เพราะตราบใดที่โผรายชื่อยังไม่เข้าที่ประชุมคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลของกลาโหม หรือบอร์ด 7 เสือกลาโหม ก็ย่อมเปลี่ยนแปลงได้

จนนำมาซี่งกระแสข่าวสัญญาสุภาพบุรุษระหว่าง พล.อ.อ.แอร์บูล กับ พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์เกิดขึ้น

ชื่อของ พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์ซึ่งเป็นนายทหารอากาศสาย 2 ป. “ป๊อก-ป้อม” จึงกลับมาแรงในโค้งท้ายสุด เพราะรู้กันดีว่า นอกจากเป็นน้องเลิฟ และทีมจักรยานของบิ๊กป๊อกแล้ว ยังเป็นดองกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข เพราะภริยาคนแรกของนายอนุทินเป็นพี่น้องกับ พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์

ในประเด็นเรื่องความขัดแย้งใน ทอ.นั้น พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์ไม่ได้มีปัญหาส่วนตัวกับใคร แต่เพราะสไตล์การทำงาน เป็นคนที่เคร่งครัด ดุ และเด็ดขาด จึงอาจทำให้ลูกน้องไม่พอใจบ้าง

ดังนั้น หาก พล.อ.อ.แอร์บูลเปลี่ยนแผนเสนอชื่อ พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์เป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ ก็น่าจะหมายถึง การที่พี่น้อง 3 ป.ได้คุยเคลียร์กันแล้ว ให้เปลี่ยนเป็นชื่อ พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์ขึ้นไปเลย ไม่ต้องไปเปลี่ยนในบอร์ด7 เสือกลาโหม

แต่ทว่า นั่นเป็นแค่กระแสข่าวลือที่เกิดขึ้นใน ทอ. เพราะมีรายงานยืนยันว่า พล.อ.อ.แอร์บูลได้เสนอชื่อ พล.อ.อ.นภาเดชเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ แต่รอการประชุมร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ 30 สิงหาคมนี้ก่อน จึงจะรู้ผลว่าผ่าน หรือว่าจะโดนล้วงลูกเปลี่ยนโผ

เพราะสถานการณ์เช่นนี้เอื้อให้ พล.อ.ประยุทธ์กระชับอำนาจในมือ หาเหตุในการล้วงลูกได้ไม่ยากนัก อยู่ที่ว่า ผบ.เหล่าทัพจะแข็งพอต้านทานพลังล้วงของนายกฯ หรือไม่