มองบ้านมองเมือง/ข้อแนะนำในการลงทุน

มองบ้านมองเมือง/ปริญญา ตรีน้อยใส

ข้อแนะนำในการลงทุน

ข่าวการซื้อขายที่ดินผืนใหญ่ตรงเพลินจิตเมื่อเร็วๆ นี้ น่าจะได้รับความสนใจจากชาวบ้าน เนื่องจากเจ้าของที่ดิน คือ รัฐบาลสหราชอาณาจักร ประเทศมหาอำนาจ ที่พระอาทิตย์ไม่เคยตก ส่วนผู้จะซื้อคือ กลุ่มธุรกิจเซ็นทรัล ธุรกิจค้าปลีกและเกี่ยวเนื่องของประเทศและของโลก ที่เคยซื้อที่ดินไปแล้วบ้างบางส่วนเมื่อหลายปีก่อน โดยทำสถิติซื้อขายที่ดินในราคาต่อตารางวาสูงสุดมาแล้ว

ครั้งนั้น เป็นที่ดินส่วนหน้าติดถนนเพลินจิต ครั้งนี้เป็นที่ดินส่วนหลัง ติดถนนวิทยุ มีพื้นที่มากกว่า และในราคาต่อตารางเมตรแพงกว่า

ถ้ารวมรายได้จากการขายที่ดินสองแปลงนี้ คงเป็นหลายหมื่นล้านบาท

เสียดายว่า เป็นประเทศไม่ใช่เอกชน เลยไม่มีเศรษฐีใหม่ติดอันดับ

อย่างไรก็ตาม การที่สถานทูตอังกฤษจะขายที่ดิน แล้วย้ายไปอยู่ที่ใหม่นั้น ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต ก่อนที่จะมาอยู่ที่เพลินจิต

เดิมทีสถานทูตอังกฤษนั้น อยู่ที่บางรัก บริเวณใกล้เคียงกับสถานทูตฝรั่งเศส โปรตุเกส และอื่นๆ เพราะบางรักในอดีตนั้น เป็นชุมชนคนต่างด้าวชาวยุโรป ที่เข้ามาในไทยมากขึ้น หลังสนธิสัญญาบาวริ่ง เข้ามาค้าขาย ทำโรงเลื่อย และโรงสี เปิดกิจการเรียงรายริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ต่อเนื่องจากสำเพ็ง ชุมชนคนจีน ลงมาทางทิศใต้

อันเป็นที่มาของถนนสายแรกของไทย คือ ถนนเจริญกรุง ที่เชื่อมพระบรมมหาราชวังศูนย์การปกครองกับชุมชนคนไทย ผ่านชุมชนแขก ย่านพาหุรัด ชุมชนจีน ย่านสำเพ็ง จนถึงย่านตลาดน้อย และชุมชนฝรั่ง ย่านบางรัก เรื่อยไปจนตกแม่น้ำ ที่ถนนตก

 

สถานทูตอังกฤษ เดิมอยู่ติดถนนเจริญกรุง ตรงไปรษณีย์กลางบางรัก หรือการสื่อสารแห่งประเทศไทย และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ในปัจจุบัน

ด้วยทำเลที่ใกล้กับย่านธุรกิจการค้าต่างประเทศในเวลานั้น กรมไปรษณีย์จึงขอซื้อเพื่อสร้างที่ทำการ ประกอบกับสถานทูตอังกฤษเดิมคับแคบ จึงโยกย้ายมาอยู่ในพื้นที่กว้างขวางตรงเพลินจิต ซึ่งในเวลานั้น ยังไม่เจริญ อยู่ห่างย่านการค้า และไกลจากพระนครมาทางตะวันออก มีแค่วัดปทุมวนาราม และสนามม้าฝรั่งเท่านั้น อีกทั้งอยู่นอกแนวถนนวงแหวนรอบกรุง คือ สีลม ราชดำริ ราชปรารภ และราชวิถี

ผู้คนในเวลานั้น คงไม่ทันคิดว่า ทิศทางความเจริญของบ้านเมืองจะแปรเปลี่ยนเพราะบริเวณเพลินจิตเป็นที่นา ที่ลุ่ม ร้างผู้คน ไม่ใช่ย่านธุรกิจสำคัญ หัวถนนแห่งความเจริญคึกคักสายสุขุมวิท

ยิ่งกรุงเทพฯ ยุค 4.0 ศูนย์กลางความเจริญของกรุงเทพฯ น่าจะอยู่ในอาณาบริเวณเพลินจิต ราชประสงค์ ลุมพินี วิทยุ ที่ตั้งกิจการชั้นนำ หรูหรา เริ่มตั้งแต่โรงแรมพลาซ่าแอทธินี โรงแรมโอกุระเพรสทีจ โรงแรมพาร์คไฮแอท คอนโดมิเนียมราคาแพงที่สุด คือ ไวน์เลส 89 และโนเบิล ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเอ็มบาสซี รวมทั้งอาคารสำนักงานใหม่ที่กำลังก่อสร้างในบริเวณที่ตั้งเดิมของสำนักงานใหญ่ธนาคารศรีอยุธยา

จึงเป็นโอกาสอีกครั้งของรัฐบาลอังกฤษ ที่จะขายที่ดิน แล้วย้ายสถานทูตไปทำเลใหม่ที่อื่น

จึงมีข้อแนะนำให้ผู้อ่านติดตามอย่างใกล้ชิดว่า สถานทูตอังกฤษใหม่ จะย้ายไปอยู่ที่ใด และควรจะไปซื้อหาที่ดินใกล้เคียงเอาไว้ เพื่ออนาคตต่อไปของลูกหลาน