ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 20 - 26 สิงหาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ก่อสร้างและที่ดิน |
เผยแพร่ |
หยุดโควิดไม่ใช่แค่ล็อกดาวน์
ศบค.นำเอาการคาดการณ์กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข มาแถลงเมื่อวันศุกร์ที่ 13 สิงหาคม 2564 ฟังดูแล้วเหมือนประเทศไทยมีวิธีเดียวที่จะควบคุมโรคคือล็อกดาวน์
ฟังดูแล้วเหมือนจะแถลงปูทางให้กับการล็อกดาวน์ที่เข้มขึ้น นานขึ้น
โดยบอกว่ามี 3 ความเป็นไปได้ระหว่างช่วงเวลาปลายสิงหาคมถึงต้นกันยายน 2564 คือ
(1) ถ้าไม่มีการล็อกดาวน์ จะมีผู้ติดเชื้อใหม่ 60,000-70,000 คน/วัน เสียชีวิตกว่า 800 คน/วัน
(2) ล็อกดาวน์ (แบบปัจจุบัน) ประสิทธิภาพ 20% จะมีผู้ติดเชื้อใหม่ 45,000 คน/วัน เสียชีวิต 500 คน/วัน
(3) ล็อกดาวน์ประสิทธิภาพ 25% (เพิ่มจากเดิม 5) นาน 2 เดือน และเร่งฉีดวีคซีนให้ผู้สูงอายุถึงเป้าหมาย จะมีผู้ติดเชื้อใหม่ 20,000 คน/วัน เสียชีวิตต่ำกว่า 200 คน/วัน
ทั้งที่ประเทศที่เขาควบคุมโรคได้ดีหรือสำเร็จนั้น จะตรวจคัดกรองอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกจากคนอื่น
แต่เราเพิ่งจะยกเลิกกฎห้ามประชาชนซื้อ ATK [Antigen Test KiT] มาตรวจด้วยตัวเองเมื่อเดือนที่แล้ว การจัดซื้ออุปกรณ์ ATK ของรัฐบาลก็ยังมีปัญหา การตรวจแบบ RT-PCR ที่แม่นยำ คนยังเข้าถึงยาก
ต่อมาเรื่องของการฉีดวัคซีนให้ได้ 70% ของประชากรเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งเรามีปัญหามาตั้งแต่ต้น
คนทั้งบ้านทั้งเมืองรับรู้กันทั่วแล้ว ไม่จำเป็นต้องจาระไนซ้ำอีก
สิ่งที่ฝ่ายรัฐย้ำอยู่ตลอดคือ ประชาชนการ์ดอย่าตก เหมือนความรับผิดชอบทั้งหลายจะยกให้ประชาชนทั้งหมดเสียอย่างนั้น
ทั้งที่ปัญหาใหญ่ของการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทย คือปัญหาการบริหารจัดการนั่นแหละสำคัญที่สุด
ในการแถลงของทางการ ไม่มีการแถลงตัวเลขที่วัดผลประสิทธิภาพของมาตรการที่ทางการใช้ในการควบคุมโรค เช่น ค่า R-Reproduction Rate หมายถึงอัตราการแพร่เชื้อจากคน 1 คนไปสู่อีกกี่คน โดยมีเป้าหมายที่ควบคุมค่า R ให้ต่ำกว่า 1.0 ถ้าแนวโน้มใกล้ 1.0 หรือต่ำกว่าแสดงว่ามาตรการที่ใช้ได้ผล
หรือค่า Positivity Rate : PR ซึ่งเป็นอัตราจำนวนการตรวจคัดกรองทั้งหมดกี่คน พอผลตรวจเป็นบวก (+) กี่คน ซึ่งถ้าค่า PR% ลดลงก็หมายถึงมาตรการได้ผล ซึ่งผู้รู้ได้คำนวณพบว่า
ตั้งแต่การขยายล็อกดาวน์ครั้งล่าสุดเป็นต้นมา ค่า PR วันที่ 4 สิงหาคม = 33% วันที่ 11 สิงหาคม = 40% วันที่ 13 สิงหาคม = 45% มีแนวโน้มไม่ลดลง ตรงกันข้ามกลับเพิ่มสูงขึ้น
ไม่มีการวัดผลปฏิบัติมาตรการของรัฐ ไม่รู้ว่า ได้ผลหรือไม่ได้ผล เพราะอะไร อย่างไร จะปรับปรุงแก้ไขอย่างไรให้ดีขึ้นกว่าเดิม
มีแต่ขู่เพื่อควบคุมให้มากขึ้นๆ ซึ่งก็คือการลงโทษแต่ฝ่ายประชาชนอยู่ฝ่ายเดียว ไม่เคยโทษตัวเอง ไม่เคยขอโทษ
มีแต่จะออก พ.ร.ก.นิรโทษให้ตัวเอง
เวรจริงๆ