ปิดคดี! 8 ศพ กระบี่ รวบยกแก๊ง “บังฟัต” จัดฉาก-ฆ่าล้างครัว แฉปมแค้นจำนองที่ : อาชญา ข่าวสด

ในที่สุดก็คลี่คลายจนได้ สำหรับคดีฆ่าโหดยกครัว 8 ศพ ที่ จ.กระบี่

เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุ และพรรคพวกที่ร่วมขบวนการรวมทั้งหมด 9 คน

โดยใช้เวลาเพียงแค่ 5 วัน!!

ซึ่งก็ได้หลักฐานครบถ้วน รวมทั้งคำสารภาพของกลุ่มคนร้าย

จนได้รู้ถึงสาเหตุที่ลงมือหฤโหดว่าเกิดจากความแค้นเรื่องที่ดินที่เอาไปจำนองกันไปมา

บานปลายกลายเป็นการขู่ฆ่าล้างโคตร จนกระทั่งคนร้ายตัดสินใจลงมือก่อน

และพยายามอำพรางคดีให้เป็นว่าผู้ใหญ่วรยุทธเครียดเรื่องหนี้สิน จึงก่อเหตุฆ่ายกครัวแล้วยิงตัวเองตายตาม

อีกทั้งคนที่ลงมือก็เป็นบุคคลใกล้ชิดรู้จักกัน

เป็นพลเรือนแต่ให้ลูกน้องเรียกขานกันว่านายพัน!??

แต่สุดท้ายไม่ว่าจะอำพรางคดีหรือเบี่ยงเบนพยานหลักฐานอย่างไร ก็ไม่รอดเงื้อมมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ปิดคดีจ่อยิงหัว 8 ศพ กระบี่

หลังเหตุการณ์ฆาตกรรมสยองขวัญยกครัว 8 ศพของ นายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ เมื่อคืนวันที่ 10 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ร้อนจน ผบ.ตร. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ต้องบินด่วนลงไปควบคุมคดีด้วยตัวเอง พร้อมระดมสรรพกำลังนายตำรวจนักสืบชั้นพระกาฬ

การทำงานเป็นไปอย่างฉับไว ท่ามกลางการเกาะติดของสื่อมวลชน

เพียงแค่ 5 วันก็ได้ข่าวดี เมื่อมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยไว้ได้แล้วถึง 4 คน

โดยเจ้าหน้าที่ใช้อำนาจตามคำสั่งหัวหน้า คสช. จับกุมตัวได้โดยไม่ต้องมีหมาย โดยพบผู้ต้องสงสัยในพื้นที่ จ.ภูเก็ต พังงา และนครศรีธรรมราช

และเริ่มชัดขึ้นเมื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ให้สัมภาษณ์ยอมรับเมื่อช่วงค่ำวันที่ 15 กรกฎาคม ว่าสามารถควบคุมผู้ต้องสงสัยไว้ได้ และเตรียมบินด่วนลงกระบี่ เพื่อสอบปากคำผู้ต้องหาด้วยตัวเอง ที่ถูกควบคุมตัวไว้ที่ค่าย ร.15 พัน.1 อ.คลองท่อม จ.กระบี่

ก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาในคดีไปชี้จุดประกอบคำรับสารภาพตลอดคืน ประกอบด้วยพื้นที่บ้านป่ากอ ต.ตากแดด อ.เมือง จ.พังงา ที่เป็นจุดนำรถยาริส สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน กค 533 กระบี่ ของนายวรยุทธ มาเผาทำลาย ซึ่งก็พบซากรถถูกเผาเหลือแต่โครงเหล็ก

ต่อมาจึงพาไปชี้จุดที่ฝังอาวุธปืนที่ใช้ในวันเกิดเหตุ ที่สวนปาล์ม ต.ป่ากอ อ.เมือง จ.พังงา ซึ่งพบอยู่ในถุงดำ ประกอบด้วยปืน .38 จำนวน 3 กระบอก ขนาด 9 ม.ม. 1 กระบอก ปืนขนาด .357 อีก 1 กระบอก ปืนบีบีกัน ลักษณะคล้ายปืนอาก้า พร้อมเครื่องกระสุน

นอกจากนี้ยังพบซิมโทรศัพท์มือถือ และเมมโมรี่การ์ด 5 ชิ้น กุญแจมือและถุงมือ ตรงตามที่พยานให้การ และผู้ต้องหารับสารภาพ

ต่อมาในช่วงสายของวันที่ 16 กรกฎาคม พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. นำทีม พฐ. เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 5/2 หมู่.6 บ้านท่าคลอง ต.เขาคราม อ.เมือง จ.กระบี่ ที่เป็นจุดที่คนร้ายใช้วางแผนก่อนก่อเหตุ พร้อมเก็บลายนิ้วมือแฝง และหลักฐานอื่นๆ ไปตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ

ยืนยันเป็นคนร้ายตัวจริง ไม่ใช่แพะแน่นอน!!

เปิดปมแค้น-จำนองที่ดิน

ขณะที่รายงานข่าวระบุว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมแก๊งคนร้ายได้ยกแก๊ง ทั้งหมดมี 8 คน ประกอบด้วย 1.นายซูริก์ฟัต บ้านนบวงศ์สกุล หรือบังฟัต อายุ 41 ปี หัวหน้าแก๊ง 2.นายประจักษ์ บุญทอย 3.นายธนชัย จำนอง 4.นายอรุณ ทองคำ 5.นายธวัฒชัย บุญคง 6.นายอับดุลเลาะ ดอเลาะ และ 7.นายคมสรรค์ เวียนนนท์ และ 8.น.ส.ชลิดา สังขโชติ ภรรยาน้อยของบังฟัต

ทั้งหมดศาลอนุมัติหมายจับหลายข้อหา ซึ่งหนักหน่วงทั้งสิ้น

โดยนายซูริก์ฟัต และนายคมสรรค์ ถูกเพิ่มข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน หลังพบว่าเป็นผู้วางแผน

พล.ต.อ.จักรทิพย์ แถลงสรุปคดีว่า ปมสังหารมาจากความขัดแย้งเรื่องการขายฝากที่ดิน จนกระทั่งฟ้องร้องกันในชั้นศาล โดยบังฟัตมีอาชีพรับจำนำรถ เป็นตัวการสำคัญ และเป็นผู้ลั่นไกยิงคนทั้งบ้าน ขณะที่คนร้ายอีก 6 คน บังฟัตว่าจ้างคนละ 1 พันบาท ให้มาทวงหนี้เงินกู้นอกระบบ

โดยเอาจากพวกลูกจ้าง ลูกน้องที่รับจ้าง บางคนทำสวนยางพารา ไม่ใช่ตำรวจทหารแต่อย่างใด

ทั้งนี้ จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ พบว่าประเด็นที่นำมาสู่การสังหารโหด เกิดจากการที่ผู้ใหญ่วรยุทธ นำโฉนดที่ดินของพ่อตาไปขายฝากไว้กับบังฟัต ระหว่างปี 2552-2554 เป็นเงินล้านกว่าบาท ต่อมานายวรยุทธได้รับแจ้งจากธนาคารว่ากำลังหลุดจำนอง จึงเอาเงินไปไถ่ถอนคืน

เมื่อเรียบร้อยแล้วกลับพบว่าบังฟัตไม่ยอมคืนโฉนดให้ จนเกิดความขัดแย้งถึงขั้นผู้ใหญ่วรยุทธขู่จะฆ่าล้างโคตร

จนกระทั่งบังฟัตเคยถูกลอบยิงมาแล้ว เมื่อปี 2556 แต่ไม่เป็นอะไร จึงไม่ได้แจ้งความ แต่ก็ผูกใจเจ็บเรื่อยมา

มาครั้งนี้จึงตั้งใจก่อเหตุ โดยก่อนหน้านี้เคยวางแผนลงมือแล้ว 3 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ

มาสำเร็จเอาครั้งนี้

จัดฉากฆ่ายกครัว ผญบ.

ทั้งนี้ จากการสอบสวนทราบว่าบังฟัตได้วางแผนที่จะก่อเหตุ โดยเรียกลูกน้องอีก 6 คนมาร่วมงาน บอกว่าจะมาทวงหนี้เงินกู้ 3 ล้านบาท และให้ค่าจ้างคนละ 1 พันบาท โดยก่อนก่อเหตุ ให้ทุกคนเปลี่ยนชุดเป็นเครื่องแบบลายพรางเพื่ออำนวยความสะดวกเวลาเดินทางผ่านด่านตรวจ

นอกจากนี้ยังให้ลูกน้องเรียกตัวเองว่าผู้พัน ขณะที่ลูกน้องที่ก่อเหตุ ก็เรียกกันว่า จ่า และผู้กอง

เบื้องต้นบังฟัตตั้งใจจะฆ่าแค่ผู้ใหญ่บ้านกับเมียเท่านั้น เนื่องจากผู้ใหญ่บ้านเป็นคู่ขัดแย้งที่เคยอาฆาตกันมาก่อน ขณะที่เมียมีชื่อเป็นเจ้าของโฉนดเจ้าปัญหา จึงสวมหมวกไอ้โม่งคลุมหน้าตา เพื่อป้องกันไม่ให้คนในบ้านจำหน้าได้ เพราะจริงๆ แล้วทั้งบังฟัตและผู้ใหญ่ก็เป็นเพื่อนบ้านที่สนิทสนมกันในระดับหนึ่ง

แต่แล้วก็เกิดผิดแผน เนื่องจากเข้ามาแล้วไม่พบเป้าหมาย จึงต้องรออยู่เป็นเวลานาน ทำให้พยานจำหน้าลูกน้องได้หมด

นอกจากนี้เมื่อผู้ใหญ่วรยุทธมาถึงก็ให้ลูกน้องล็อกตัวเอาไปพูดคุย ขณะนั้นผู้ใหญ่เอ่ยชื่อ “โทริ” ซึ่งเป็นฉายาของบังฟัต สมัยเป็นนักมวยใช้ชื่อ โทริจรวดเล็ก ศักดิ์พรน้อย ทำให้บังฟัตถอดหมวกไอ้โม่งออก เพราะรู้แล้วว่าผู้ใหญ่จำเสียงตนได้ แล้วจึงตัดสินใจฆ่าปิดปากทั้งหมด

โดยใช้ปืน .38 ของผู้ใหญ่ลั่นไกทีละคน ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงหรือเด็ก โดยช่วงนั้นให้ลูกน้องเอาผู้ใหญ่ไปขังไว้ในรถ พร้อมให้เซ็นใบโอนรถยาริส และให้โทรศัพท์ไปยืมเงินเพื่อนให้โอนเข้าบัญชี 5 แสนบาท เพื่ออำพรางว่าเครียดเรื่องปัญหาหนี้สิน และยังยึดบัตรเอทีเอ็มของผู้ใหญ่เพื่อเตรียมไปกดเงินด้วย

ทั้งนี้ เมื่อลูกน้องคุมตัวผู้ใหญ่เข้ามาในบ้าน เมื่อผู้ใหญ่เห็นคนในบ้านถูกยิงหมด ก็คลุ้มคลั่งอาละวาดยื้อยุดอยู่กับบังฟัต ทำให้ปืนหล่น ขณะนั้นนายอรุณหรือบังกี หนึ่งในลูกน้องก็ใช้ปืนยิงใส่ผู้ใหญ่จนเสียชีวิต

จึงเป็นคำอธิบายว่าทำไมผู้ใหญ่วรยุทธ ที่ถูกจัดฉากว่าฆ่าตัวตายหลังยิงครอบครัว ถึงมีหัวกระสุนในร่างกายถึง 4 นัด

ผ่าแผนแกะรอยทีมสังหาร

เมื่อก่อเหตุเสร็จเรียบร้อย บังฟัตและพวกก็หลบหนี พร้อมเอาฮาร์ดดิสก์จากกล้องวงจรปิดและรถยาริสของผู้ใหญ่บ้าน นำเอาไปเผาอำพรางที่ จ.พังงา ซึ่งเอาแบบอย่างจากภาพยนตร์แนวสืบสวนสอบสวนที่เคยดูมา

นอกจากนี้ยังนำรถโตโยต้าฟอร์จูนเนอร์ไปซุกซ่อนไว้ที่เต็นท์เช่ารถแห่งหนึ่งใน จ.กระบี่ ใกล้ๆ กับที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันการถูกตรวจจับจากกล้องวงจรปิด แล้วแยกกัน โดยรถโตโยต้ายาริส สีขาว ที่ใช้ก่อเหตุ เอาไปฝากที่บ้าน นายไพศาล จำนอง น้องภรรยา ที่บ้านม่วงสองต้น ต.นาสาร อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช

จากนั้นก็นั่งรถตู้โดยสารจาก บขส.นครศรีธรรมราชหลบหนีไปกบดานที่ จ.ภูเก็ต ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตามจับกุมได้ในที่สุด

ส่วนเบื้องหลังของการจับกุมครั้งนี้ เริ่มต้นจากการที่ชุดสืบสวนส่วนกลาง นำภาพผู้ต้องสงสัยให้พยานที่รอดชีวิตดูว่าเป็น 1 ในแก๊งคนร้ายหรือไม่ เมื่อพยานยืนยันว่าใช่ พร้อมเล่าปมขัดแย้งใหม่คือเรื่องจำนองที่ดิน

จึงกระจายกำลังของสืบสวนสอบสวนพยาน จนพบว่าบังฟัตซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยหมายเลข 1 มีรถลักษณะเดียวกับที่คนร้ายใช้ก่อเหตุอยู่จริง อีกทั้งหลังเกิดเหตุยังหายตัวไปจากพื้นที่ จึงตามสะกดรอยจนจับกุมได้ยกแก๊ง

ขณะที่ลูกสมุนต่างให้การตรงกันว่า ก่อนเกิดเหตุบังฟัตเรียกลูกน้องที่เป็นชาวสวนยาง และรับจ้างทวงหนี้เป็นอาชีพเสริมให้มาร่วมงาน บอกว่าหลังจากงานเสร็จ นอกจากค่าจ้าง 1 พันบาท จะให้เงินไปดาวน์รถ

แต่เมื่อเกิดเหตุจนถึงการลงมือฆ่า บรรดาลูกน้องที่รับงานมาก็ไม่กล้าทำ พร้อมห้ามปรามแต่ก็ไม่เป็นผล จนกระทั่งลงมือเสร็จแยกย้ายหนี โดยที่ไม่ได้ค่าจ้างใดๆ

สุดท้ายแม้จะพยายามวางแผนที่คิดว่าเหนือชั้นที่สุดแล้ว

ก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือตำรวจ