ฟ้า พูลวรลักษณ์ : ทำไมคนอินเดียต้องแต่งงานอลังการ ? – คดีที่ฉันพิศวง(ฮิตเลอร์)

ฟ้า พูลวรลักษณ์

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๗๘)

ฉันสนใจจิตมนุษย์ มันไม่มีเหตุผล แต่มันมีทิศทาง มีรูปแบบของมันเอง

เช่น คนอินเดีย มหาเศรษฐีชาวอินเดียบางคนจัดงานแต่งงานสำหรับลูกสาวของตัวเอง ด้วยการลงทุนเป็นหมื่นล้าน จัดงานใหญ่โตยิ่งกว่าชาติใดในโลก ทั้งที่ประชากรชาวอินเดียจำนวนมากยังยากจน

เราอาจสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น และทำไมต้องเป็นชนชาตินี้

นี่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา

หากเราสังเกตในหนังอินเดีย เราจะพบเอกลักษณ์หลายอย่าง เช่น เพลง ระบำ หรืองานแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ อลังการ

หากคนอินเดียเป็นคนมีเหตุผล มหาเศรษฐีคนนี้ น่าจะลงทุนกับการสร้างถนน หรือสร้างสะพานใหญ่ หรือสร้างโรงพยาบาล หรือสิ่งใดก็ได้ที่เกิดคุณประโยชน์กับสังคม โดยมีป้ายจารึกไว้ว่า นี่เป็นอนุสรณ์สำหรับวันแต่งงานลูกสาวของตน

มันจะอยู่ยั่งยืนนานในความทรงจำของมนุษย์ เกิดคุณประโยชน์ ได้รับคำสรรเสริญ

ที่น่าสนใจคือ มหาเศรษฐีเหล่านี้ ไม่ได้โง่ ไม่ได้บ้า พวกเขารู้ว่านี่คือความฟุ่มเฟือย แต่พวกเขาเจตนา คนภายนอกที่เป็นชาติอื่น อาจหัวเราะเยาะ อาจดูถูก อาจประณามว่านี่เป็นความปัญญาอ่อนของชนชาตินี้

แต่มันคงไม่ได้ง่ายอย่างนั้น

เพราะหากง่ายอย่างนั้น มันคงไม่ลงลึก เป็นเอกลักษณ์ของชาติ

เขารู้ว่านี่เป็นความฟุ่มเฟือยอย่างสุดแสน แต่เขามีเจตนา คงเพราะมันไปเกาถูกที่คันบางอย่างในจิตของเขา รวมไปถึงจิตของชาวอินเดียนับหมื่นที่มาร่วมงาน หรือชาวอินเดียนับแสนนับล้านที่เป็นสักขีพยาน มาดูความฟุ่มเฟือย ที่เป็นดั่งดอกไม้ไฟที่แสนสวย พร่างพรายท้องฟ้า

มันเป็นเหมือนเสียงเพลงของกองทัพใหญ่ ที่ขับเคลื่อนไปดั่งมหากาพย์รามายณะ

คนอินเดียนับแสนนับล้านกำลังเต้นระบำไปกับบทเพลงแห่งมหากาพย์นี้ มันเกาถูกที่คัน ในส่วนลึกที่สุดในดวงใจพวกเขา

มันไม่มีเหตุผล แต่นี่คือความต้องการ

มันเป็นการเข้าสู่นิพพานสั้นๆ ในห้วงเวลานั้น นี่คือความใฝ่ฝันอันสูงสุด

จริงนะ ในส่วนลึก พวกเขาต้องการสิ่งนี้มากยิ่งกว่าสะพาน ถนน โรงพยาบาล หรือสิ่งมีเหตุผล มีสาระอื่นใด ความคันในจิตชนะทุกสิ่ง

ฉันเห็นชัดเจน แม้กับคนอินเดียที่รู้จัก ที่ไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่พอถึงงานแต่งงานลูกสาว เขาก็จัดใหญ่โต มันเป็นกลิ่นตัว

สิ่งนี้อยู่ลึกเหลือเกินในจิต มันน่าพิศวง เพราะมันไม่สนใจเหตุผล ความถูกผิด

หากมีคนสิบคน ที่มีอำนาจตัดสินใจ เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของโลก สิ่งที่ควรทำคือพาสิบคนนี้นั่งจรวดออกนอกโลก แล้วให้พวกเขามองดาวเคราะห์โลกจากอวกาศ จากที่ไร้แรงโน้มถ่วง ภาพของโลก มองจากตำแหน่งนั้น จะไม่เหมือนที่ใดเลย

ในประวัติศาสตร์ ไม่มีใครเลยที่ออกอวกาศแล้วมองโลกย้อนกลับ จะไม่เปลี่ยนใจ จะเกิดความรู้สึกใหม่ต่อโลก เกิดความรัก ความหวงแหน

นี้เป็นความน่าพิศวง เราอาจบอกว่า เราเคยเห็นภาพแบบนี้มามากแล้ว จากหนัง จากวิดีโอ จากภาพถ่าย แต่มันไม่เหมือนกัน เวลาคุณอยู่ในอวกาศแล้วมองย้อนกลับ สิ่งที่คุณเผชิญหน้าคือ being และสิ่งนี้ลึกซึ้งเหลือเกิน

Being ต้องการมิติบางอย่างห่อหุ้มตัวมัน ไม่ใช่แค่มองจากภาพถ่าย ไม่ใช่แค่ดูจากวิดีโอ

คุณต้องออกไปในอวกาศ แล้วมองให้เห็นเต็มตา คุณจะรักและหวงแหนโลก

คุยไปคุยมา ฉันเพียงจะบอกว่า เราต้องการรู้จัก being

คดีหนึ่งที่ฉันพิศวง คือคดีลอบสังหารฮิตเลอร์ วันนั้นตรงกับวันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๑๙๔๔ คนสำคัญคือ Claus von Stauffenberg ที่แอบนำระเบิด เข้าไปในห้องประชุมลับ ปฏิบัติการนี้ชื่อ Operation Valkyrie มันเกือบสำเร็จ แต่ไม่สำเร็จ มันระเบิดจริง ในห้องที่ฮิตเลอร์อยู่ในนั้น และเขาได้รับบาดเจ็บ

มันพลาด ด้วยสาเหตุนิดเดียว คือ Claus von Stauffenberg ออกมาจากห้องประชุมก่อน โดยทิ้งกระเป๋าที่ใส่ระเบิดไว้ เนื่องจากกระเป๋าวางไว้ใต้โต๊ะประชุม โดยไม่มีเจ้าของ จึงมีคนเตะมันออกไปอีกมุมห้องหนึ่ง มันคลาดเคลื่อนตำแหน่ง ทำให้ได้ผลเพียงบางส่วน

หากวันนั้นเขายอมตาย ด้วยการอยู่ในห้องประชุม และรักษาตำแหน่งกระเป๋าใบนั้นข้างตัว ฮิตเลอร์จะต้องเสียชีวิต ประวัติศาสตร์ของโลกจะเปลี่ยน

คำถามคือ ทำไมเขาต้องหลบออกมาด้วย เพราะเขากลัวตายหรือ

หากเราศึกษาชีวิตของเขา เราจะเห็นว่าเขาเป็นคนกล้าหาญ เคยผ่านสงคราม ผ่านอันตรายมามาก จนได้เหรียญกล้าหาญ ทำไมเขาจะต้องกลัวตายด้วย การยอมสละชีวิตตัวเองเพียงหนึ่งชีวิต แลกกับความตายของเผด็จการที่มีอำนาจที่สุดในโลกอย่างฮิตเลอร์ มันคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ในประวัติศาสตร์ เผด็จการที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ระดับนี้ นึกออกก็คือจิ๋นซีฮ่องเต้ ในครั้งนั้น การลอบสังหาร ก็ล้มเหลวอย่างหวุดหวิด แต่อย่างน้อย ผู้ลอบสังหารก็ไม่ได้ต้องการรอดชีวิตออกมา

เขาพลาดไปนิดเดียว เพราะเขาแอบหลบออกมาก่อน กล่าวคือ เขาต้องการความสำเร็จ โดยตัวเองสามารถกลับบ้านได้ มันเป็นความมักมาก ที่ฉันตื่นตะลึงคือ ทำไมเขามักมากขนาดนี้ หนึ่งชีวิตแลกหนึ่งชีวิต ทำไมต้องถอยออกมา การเสียโอกาสไปแม้จะนิดเดียวนี้ มีผลใหญ่หลวง เพราะหากแผนการนี้ล้มเหลว คนที่ร่วมแผนการนี้ทั้งหมดจะถูกประหาร

ในเหตุการณ์ครั้งนี้ เพราะมันล้มเหลว มีคนถูกจับเจ็ดพันกว่าคน และมีคนถูกประหารชีวิตสี่พันกว่าคน รวมทั้งตัวเขา

ฉันกำลังพิศวงในจิตมนุษย์

คนที่วางแผนจะลอบสังหารเผด็จการที่ยิ่งใหญ่อย่างฮิตเลอร์ เขาจะต้องยอมตายก่อน นี่เป็นแผนการที่อันตรายเหลือเกิน จะมาหวงแหนชีวิตไม่ได้ จะยังอยากกลับบ้านไม่ได้ กฎข้อแรกนี้ ทำไมไม่รู้

ในขณะที่ขบวนการอย่างไอซิส มีคนพร้อมจะฆ่าตัวตายนับพันนับหมื่น ทำไมมีมากมายอย่างนี้