คำ ผกา | สันติวิธีหรือดัดจริตวิธี

คำ ผกา

อะไรคือความรุนแรง?

สำหรับฉัน ประเทศประเทศหนึ่งที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตย มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และแน่นอนว่ารัฐบาลนั้นไม่ใช่รัฐบาลที่ดีเด่อะไรนักหนา เป็นรัฐบาลที่เต็มไปด้วยความผิดพลาด ข้อบกพร่อง

แต่อย่างน้อยที่สุด ก็เป็นรัฐบาลที่ได้อำนาจมาจากการตั้งพรรคการเมือง ออกไปหาเสียง เพื่อแลกมากับคะแนนความไว้วางใจจากประชาชน

ระหว่างที่พรรคการเมืองนั้นได้เป็นรัฐบาลที่ไม่ได้ดีเด่อะไรนักหนา เขาก็เป็นรัฐบาลที่เผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์ สื่อด่าทุกวัน คอลัมนิสต์ด่าทุกวัน นักวิชาการด่าทุกวัน นักข่าวจิกทุกวัน พร้อมทั้งเจอการตรวจสอบการทำงานจากฝ่ายค้าน ทุกอำนาจที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ถูกถ่วงดุลทั้งอำนาจตุลาการ ทั้งอำนาจจากองค์กรอิสระ อีกทั้งยังมีสารพัดม็อบ สารพัดการประท้วงจากทั้งเอ็นจีโอ ทั้งกลุ่มเกษตรกร ชาวบ้าน

รัฐบาลปิดปากสื่อไหม?

แจ้งความจับประชาชนที่วิจารณ์รัฐบาลไหม?

เอาหน่วยควบคุมฝูงชน (คฝ.) เอาแก๊สน้ำตา เอากระสุนยางมายิงคนที่มาประท้วงรัฐบาลไหม?

คำตอบคือ ไม่!

ไม่ใช่เพราะรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนั้นเป็นคนดี

แต่หากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ใช้ “ความรุนแรง” กับกลุ่มผู้ชุมนุม หรือคนที่มาประท้วงรัฐบาล มันยากมากที่รัฐบาลนั้นจะรักษาความชอบธรรมในการอยู่ในอำนาจต่อไปได้

เพราะไหนฝ่ายค้านก็จ้องจะเล่นงาน (เพื่อฝ่ายค้านจะได้มีโอกาสเป็นรัฐบาลบ้าง)

ไหนจะอำนาจศาล อำนาจตุลาการ ไหนจะภาคประชาสังคม ไหนจะ กสม. ไหนจะองค์กรอิสระ

ถ้ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง กระสุนยางแค่นัดเดียวที่ยิงใส่ประชาชนก็เพียงพอที่จะทำให้รัฐบาลนั้นต้องลาออก ยุบสภา หรือแม้กระทั่งติดคุก!

ลองคิดดูว่า ถ้ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง เกิดทะเล่อทะล่าเอา คฝ.มายิงใส่ม็อบ แล้วยิ่งกระสุนยางไปโดนคนอย่างลูกนัท ที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกของ “อีลีท” – คิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันคิดว่า ป่านนี้พ่อ-แม่ เพื่อนฝูง วงการบันเทิง ทุกสิ่งอย่าง ต้องออกมาด่า ประณาม ฟ้องร้อง รัฐบาล นายกฯ ต้องถูกเรียกว่า ฆาตรกรใจหมา ชั่วช้าสารเลว

แต่สิ่งนั้นมันไม่เกิดขึ้นเลย กับรัฐบาลที่ผ่านการเลือกตั้งมาแค่เป็นตะกร้าล้างน้ำ กว่าจะเลือกตั้งได้ต้องมีทั้งกติกา และอำนาจ ส.ว.เอาไว้เพื่อรับรองว่าตนเองจะชนะแน่ๆ ตัวเองจะได้เป็นนายกฯ ต่อแน่ๆ

ทีนี้ ถ้ารัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้งและสามารถปลิดปลิวออกจากอำนาจได้แสนง่ายดาย หากพลาดพลั้งอะไรไปสักนิดเดียว วันดีคืนดี มีอำนาจมืด มีกองทัพมาทำการรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งไป เขียนใหม่ เพื่อให้ตัวเองสืบทอดอำนาจต่อไปได้สบายแฮ

สิ่งนี้แหละที่ฉันเรียกว่า “ความรุนแรง”

ความรุนแรงที่ร้ายแรงที่สุดของประเทศไทยในรอบสามทศวรรษนี้คือ เราอนุญาตให้มีการรัฐประหารถึงสองครั้งในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน

ความรุนแรงที่คอขาดบาดตายที่สุดคือ การ “ปล้น” เอาอำนาจทางการเมืองที่เป็นของประชาชนทุกคนไปไว้ในมือของคนเพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ไม่มีอะไรที่จะรุนแรงมากไปกว่านี้อีกแล้ว พวกเราจากประชาชนเจ้าของประเทศได้กลายเป็นหมูหมากาไก่ตัวหนึ่งในฟาร์มที่เจ้าของฟาร์มจะทำอย่างไรกับเราก็ได้ วันไหนอยากเตะก็เตะ วันไหนอยากเล่นด้วยก็เล่นด้วย ตามอัธยาศัย

ความรุนแรงถัดมาคือความรุนแรงเชิงโครงสร้าง อันเนื่องมาจากการที่ประชาชนไม่ได้เป็นข้าของอำนาจทางการเมือง

ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ การขาดโอกาสในการเข้าถึงการศึกษา แหล่งเงินกู้ เงินทุน ส่งผลให้ประชาชนจากคนแข็งแรง กลายเป็นคนอ่อนแอ ยากไร้ ถูกผลักให้จนตรอก เมื่อไม่มีอะไรให้เลือก เขาโยนเศษกระดูกชิ้นเล็กๆ ลงมาให้งับก็แย่งกันงับ

สุดท้ายจบลงด้วยการจิกตีกันเอง

สถานการณ์โควิดทำให้เราเห็นความรุนแรงเชิงโครงสร้างนี้ชัดเจนที่สุด วัคซีนไร้คุณภาพ วัคซีนล่าช้า rapid test ที่แพงกว่าทุกประเทศทั่วโลก การบริหารจัดการทรัพยากรทางสาธารณสุขที่ไม่ตรงไปตรงมา ทำให้มีคนเข้าไม่ถึงการรักษา คนที่ติดโควิดโดยไม่จำเป็นคนที่ป่วยหนักและตายโดยไม่จำเป็น เด็กที่ต้องกำพร้าพ่อ-แม่โดยไม่จำเป็น ธุรกิจ กิจการที่ล้มละลายไปโดยไม่จำเป็นและไม่ใช่ความผิดของพวกเขา

และทั้งหมดนี้เกิดจากการที่เรามีรัฐบาลที่ไม่เห็นหัวประชาชน

ความป่วย ความตาย ความยากจนเฉียบพลัน และปัญหาสังคมที่กลุ้มรุมทำร้ายประชาชนจนไม่เหลือศักดิ์ศรี ไม่เหลือความหวัง ไม่เหลือความฝันใดๆ เหมือนอยู่ๆ คนไทยก็ถูกผลักให้จมลงในปลักขี้และไม่มีใครเห็นว่านี่คือผลงานของรัฐบาลเผด็จการที่ไม่คิดอะไรนอกจากกอบโกยผลประโยชน์เข้าตนเองและพวกพ้อง และคิดแค่ทำอย่างไรจะอยู่ในอำนาจต่อไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด

สิ่งนี้แหละ ที่ฉันเรียกว่า “ความรุนแรง”

 

คนตกงาน ฆ่าตัวตาย เจ้าของกิจการล้มละลาย ฆ่าตัวตาย เด็กกำพร้าเพราะพ่อ-แม่ติดโควิดตาย ฯลฯ สิ่งนี้แหละ ที่เรียกว่าความรุนแรงที่รัฐกระทำต่อประชาชน สิ่งนี้คืออาชญากรรมโดยรัฐ

เมื่อประชาชนไม่พอใจที่รัฐบาลกระทำความรุนแรงกับเขา ประชาชนต้องการทวงคืนอำนาจ ประชาชนต้องการขับไล่เผด็จการ ประชาชนจึงรวมตัวกันออกไปม็อบ

มันง่ายๆ แค่นั้นเลย ถามว่า คนที่ไปม็อบไล่รัฐบาลมีศักยภาพที่จะไปก่อ “ความรุนแรง” อะไรได้บ้าง?

ฉันนึกไม่ออก และต่อให้เป็นความรุนแรงระดับเด็กอาชีวะตีกัน วิญญูชนลองนึกเปรียบเทียบว่า ระหว่างความรุนแรงแบบเด็กอาชีวะ กับอาวุธและกำลังพลที่รัฐบาลมี ใครมีศักยภาพในการ “ปราบ” ใครมากกว่ากัน

ดังนั้น การมานั่งท่องคาถาสั่งสอนม็อบว่า อย่าก่อความรุนแรง อย่ายั่วยุ อย่าใช้กำลัง อย่าติดกับดักเจ้าหน้าที่รัฐ ให้อดทน อดกลั้น สันติวิธี จึงไม่มีอะไร make sense เลยสำหรับฉัน ไม่ต่างอะไรกับสั่งคนขาด้วนว่า “เฮ้ย อย่าวิ่ง”

ม็อบของประชาชนไม่อาจเป็นอะไรได้นอกจากสันติวิธี ไม่ใช่เพราะเราชอบสันติวิธี แต่เพราะประชาชนไม่มีทรัพยากรและศักยภาพที่จะก่อความรุนแรงได้เลยแม้แต่น้อย

และนั่นหมายความว่าเราต้องนิยาม “ความรุนแรง” โดยอ้างอิงกับ “ศักยภาพ” ของฝ่ายรัฐบาลเสมอ

รัฐมีทุกสรรพอาวุธ กำลังคน เทคโนโลยี จะมาสำมะหาเรียกไม้ เรียกประทัด เรียกกระบอง หนังสติ๊ก หรือแม้กระทั่งความพยายามจะจุดไฟเผาอะไรสักอย่างม็อบว่าความรุนแรง – เพราะเจ้าหน้าที่รัฐและเครื่องมือที่มีอยู่นั้น มีไว้เพื่อ “ดับไฟ” ไม่ได้มีไว้เพื่อกระพือโหมไฟมันรุนแรงขึ้น

อนึ่ง ถึงวันนี้ เราจับคนที่เผาเซ็นทรัลเวิลด์ได้หรือยัง? เพราะศาลก็พิสูจน์แล้วว่าเสื้อแดงไม่ได้เผา

แทนการไปบีบคอสั่งม็อบทุกวันๆๆ อย่ารุนแรง ฉันคิดว่าเราควรเอาพลังงานทั้งหมดของเราไปบอกรัฐบาล เลิกใช้ “ความรุนแรง” กับม็อบ และจงใช้ทุกพลังงานของเราไปกับการส่งเสียงว่า ประชาชนมีทุกความชอบธรรมในการออกไปไล่รัฐบาล ด่าทอ เขียนป้ายประจาน เทลำไย มังคุดทิ้ง เผาหุ่นจำลองของสิ่งต่างๆ หรือแม้กระทั่งจะเดินไปหยิกขาตำรวจสักทีสองที หรือชูนิ้วกลางไปทุกหนทุกแห่ง เพื่อระบายความคับแค้นใจของเรา

และสิ่งที่รัฐผิดทุกประตู ผิดทุกเงื่อนไขคือการดาหน้าออกมายิงแก๊สน้ำตา ยิงกระสุนยางใส่ประชาชนไม่ยั้ง รวมทั้งการจับกุมนักกิจกรรมที่เคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

สิ่งนั้นแหละคือความรุนแรง ไม่ใช่ความพร้อม “บวก” ของม็อบ

ถ้าเราจะเตือนม็อบที่พร้อมบวก คือเตือนหรือห้ามเขาเพราะเราไม่อยากให้เขาวิ่งไปหาความตาย เพราะรัฐเผด็จการนั้นมีความอำมหิตเป็นสรณะ แต่เราไม่พึงบอกว่า ประชาชนไม่ควรใช้ “ความรุนแรง”

และหากประชาชนจะโกรธจนไม่กลัวตาย หน้าที่เรามีอย่างเดียวคือประณามรัฐบาล และออกมาปกป้องประชาชนด้วยกันเอง ไม่ใช่ไปสั่งให้เขาเจริญรอยตามมหาตมะคานธี ที่เราก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้ว สันติวิธีของคานธีทำให้อินเดียชนะอังกฤษจริงหรือไม่

หยุดสั่งให้ให้คนขาด้วนหยุดวิ่ง และหยุดเรียกร้องสันติวิธีจากผู้ถูกกดขี่เถอะ หาไม่แล้ว คุณนั่นแหละที่กระทำความรุนแรงซ้ำกับพวกเรา!