กาละแมร์ พัชรศรี : Stay Focused ตัดเรื่องบ้าบอออกจากชีวิต

ยิ่งเดินทางมากขึ้นเท่าไหร่ และเมื่อได้เห็นโลกกว้างขึ้นมากมายเพียงใด ทำให้บอกกับตัวเองเสมอว่า “อย่าเพิ่งรีบตายนะ”

ที่บอกอย่างนี้เพราะเรารู้สึกเลยว่า มันยังมีสิ่งดีๆ รอเราอยู่อีกมากมาย ประสบการณ์ดีๆ เรื่องราวระหว่างทาง คน อาหาร วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ น้ำใจ คำพูด การกระทำมากมายที่มนุษย์โลกพึงกระทำต่อกัน หรือแม้แต่ความงดงามของธรรมชาติที่เขารอให้เราไปสบตากัน

และยังหันกลับมามองชีวิตตัวเองต่อไปว่า เราจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ไปเพื่ออะไร เราอยากเห็นตัวเองเป็นอย่างไร และเราทำประโยชน์อะไรไว้ได้บ้าง

 

เมื่อชีวิตมีโฟกัส มันชัดเจนในเป้าหมายว่าเราจะยังไม่ตายไปเพื่ออะไร เราจะพุ่งเล็งไปข้างหน้า มีความสุขกับเส้นทางที่เดินผ่าน ทักทายรอบข้างด้วยความสดใส อะไรเกิดขึ้นก็จะผ่านมันไปให้ได้ แต่จะไม่เสียเวลากับเรื่อง “บ้าๆ บอๆ ในชีวิตอีกต่อไป” เพราะเรารู้แล้วว่า เรามีสาระสำคัญในชีวิตที่ต้องทำอีกมากมาย

พอเห็นโลกกว้าง ตัวเราจะเล็กนิดเดียว ปัญหาในชีวิต (แมร่ง) ก็เท่าขี้มดตด ไม่คิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันใหญ่โตหรือสำคัญหนักหนา ไม่มีเรื่องจะต้องเป็นต้องตายขนาดนั้น จะคิดถึงอดีตที่ผ่านมา จะกังวลกับอนาคตที่มันยังมาไม่ถึงทำไม ในเมื่อภาพที่อยู่ตรงหน้า สิ่งที่กำลังทำอยู่ตอนนี้มันดีขนาดไหน!!!

ในวันที่เดินทางไปญี่ปุ่น ได้มีโอกาสใส่ชุดกิโมโนแบบดั้งเดิม แต่งตัวโดยคุณป้าญี่ปุ่น ฉันได้เห็นขั้นตอนการแต่ง ความประณีต พิถีพิถันของแต่ละขั้นตอน การเลือกสีสันของชุดในฤดูร้อนต้องเป็นสีอ่อน ใช้ผ้าเนื้อบางเบา ถ้าเป็นฤดูหนาวเนื้อผ้าจะเป็นอีกแบบและใช้สีสันที่สดใส

เมื่อฉันโพสต์รูปใส่ชุดกิโมโนลงในไอจีของตัวเอง มีคนมาคอมเมนต์ว่า “ทำไมไม่ใส่ชุดไทยครับ”

เอิ่ม…กลอกตาไปมา มองทั้งบนลงล่าง หายใจหนึ่งครั้ง แล้วเลื่อนผ่านไป

ไม่มีอะไรจะพูด ยากจะตอบ เหมือนคนละโลก เสียเวลาเปล่าๆ เลยบอกตัวเองว่า “ช่างมัน”

 

ฉันเอาเรื่องนี้มาเล่าผ่าน Facebook Live และนำมาซึ่งเรื่องราวที่เล่าต่อไปนี้

ฉันคิดว่าในชีวิตเรา มีเรื่อง “บ้าๆ บอๆ” เยอะมาก เช่น คนบ้าๆ บอๆ คนที่ทำให้เราเสียใจแล้วเสียเล่า อยู่ด้วยแล้วไม่มีความสุข เจอแล้วอารมณ์เสีย คุยแล้วอยากกระโดดถีบหน้า อยู่ด้วยแล้วถอนหายใจทิ้งตลอดเวลา อึดอัดหายใจไม่ออก

ลองถามตัวเองดูว่าชีวิตเรามีคนเหล่านี้อยู่รอบตัวบ้างไหม แล้วรู้สึกอย่างไรเวลาต้องอยู่ใกล้ ถ้ามันไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้น ทิ้งคนบ้าๆ บอๆ เหล่านี้ออกไปจากชีวิตบ้างก็ได้ เพราะมันเสียพลังงาน เสียสมอง เสียใจ เสียเงิน เสียความรู้สึก ดูเอาเถิดมีแต่เรื่องเสียๆ แล้วจะเก็บไว้ให้เพลียหัวใจทำไม

ไม่ต้องเก็บใครๆ ไว้ในชีวิตเพราะมันไม่ได้จำเป็นกับเราขนาดนั้น ไม่ใช่ก็ไม่เอาค่ะ จะได้เบาสบายขึ้น

 

นอกจากคนแล้ว การงาน สถานการณ์ สิ่งของหรืออะไรก็ตามรอบตัวที่มันบ้าๆ บอๆ มันดูไม่เข้าท่า แม้กระทั่ง “ความคิดบ้าๆ บอๆ” ของตัวเอง อย่างนอยด์แดรก จิตตก ฟุ้งซ่าน คิดร้าย คิดลบ เหนื่อยหน่าย ท้อแท้ ขี้แพ้ อ่อนแอ ขี้กลัว ลังเล ความคิดที่เรายังรำคาญตัวเองเลยว่าเมื่อไหร่จะเลิกเป็นแบบนี้เสียที

และบางทีเรื่องบ้าๆ บอๆ ในชีวิตของเราเกิดขึ้นเพราะเราไปแขวนชีวิตตัวเองไว้กับคนอื่น

ถ้าเรารู้จักตัวเองให้ดีพอ รู้ใจตัวเองว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร รู้ความต้องการในแบบที่เป็นตัวเรา เราก็ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนและฝืนทำในสิ่งที่คนส่วนใหญ่เขาทำกัน แต่มันไม่ใช่ตัวเราเลย อย่าทำเพราะ “เขา” ทำกัน แต่ให้หันมาถามตัวเองให้แน่ชัดว่า “เรา” ต้องการอะไรกันแน่

เมื่อคุณทำในสิ่งที่คุณอยากทำ คุณจะไม่เหนื่อยกับมันเลย

ดังนั้น แค่เรารู้ใจตัวเองและโฟกัสสิ่งที่เป็นสาระสำคัญในชีวิต

เห็นไหมว่า เรามีสิ่งที่เราต้องทำมากมาย เราจะเสียเวลาไปกับ “สิ่งบ้าๆ บอๆ” ไปทำไม แค่เวลาที่เหลืออยู่ก็ไม่รู้ว่าจะพอกับสิ่งที่อยากทำจนสำเร็จหรือเปล่า

สะบัดเนื้อสะบัดตัว ทิ้งสิ่งบ้าๆ บอๆ ออกจากชีวิตไปซะ แล้วมุ่งมั่นมองไปที่เป้าหมายของชีวิต ยิ้มให้ตัวเองสักครั้ง แล้วออกเดินค่ะ…