เซ็กซ์ที่ดีกับเซ็กซ์ที่เลว/มิตรสหายเล่มหนึ่ง นิ้วกลม

มิตรสหายเล่มหนึ่ง

นิ้วกลม

[email protected]

 

เซ็กซ์ที่ดีกับเซ็กซ์ที่เลว

จําได้ว่าโลกทัศน์เรื่องเพศของผมถูกเขย่ารุนแรงจากหนังสือ ‘เรื่องรักของบางเรา’ โดยโตมร ศุขปรีชา ซึ่งหยิบขึ้นมาอ่านตั้งแต่สมัยหนุ่ม เป็นรวมงานสารคดีเกี่ยวกับเรื่องเพศที่เปิดโลกในหลายแง่มุม ทั้งเรื่องโสเภณี ไซเบอร์เซ็กซ์ เกย์ เฟมินิสต์ ฯลฯ

โดยเรื่องที่เขย่าการรับรู้เดิมและเปิดหูเปิดตามากสุดคือบทที่ว่าด้วย ‘ซาดิสม์และมาโซคิสม์’

S/M หรือ sadomasochism เป็นพฤติกรรมทางเพศที่เกิดความพึงพอใจผ่านความเจ็บปวด

ซาดิสม์ เป็นคำที่ได้มาจากชื่อของมาร์คีส์ เดอ ซาด (ค.ศ.1740-1814) ผู้พึงพอใจในอารมณ์ทางเพศที่ได้จากการกระทำอย่างดุดันต่ออีกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นทางกายหรือใจ

โดยทางกายอาจใช้วิธีเฆี่ยน กัด หยิก หรือทุบตีต่างๆ

แคร็ฟฟ์-เอบิง (Kraff-Ebing) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้รายงานว่าสตรีซาดิสต์บางรายมักกรีดแขนสามีจนเลือดไหลก่อนร่วมเพศและเธอจะดูดเลือดนั้นด้วยความเร้าอารมณ์อย่างมาก

ซาดิสต์บางรายทำให้คู่เจ็บปวดทางใจด้วยวิธีด่าทอ เยาะเย้ย เหน็บแนม ข่มขู่ ชวนทะเลาะ ทั้งหมดนี้เพื่อความตื่นเต้นในอารมณ์เพศ

ซาดิสต์คือผู้มอบความเจ็บปวด

ขณะที่มาโซคิสต์คือผู้มีความสุขจากการได้รับความเจ็บปวด

มาโซคิสม์ มาจากชื่อของนักเขียนนิยายชาวออสเตรีย เลโอโพลด์ ฟอน ชาเชอร์-มาศอก (ค.ศ.1836-1895) ซึ่งมักเขียนให้ตัวเองมีความสุขทางเพศผ่านการถูกทำให้เจ็บปวดทั้งทางกายและใจ

ทั้งซาดิสม์และมาโซคิสม์มีในทุกเพศ โดยหลักฐานทางโบราณคดีแสดงให้เห็นว่าวิธีปฏิบัติแบบ S/M มีมานานมากแล้ว ย้อนไปได้ถึงยุคน้ำแข็งเลยทีเดียว เพราะมีภาพเขียนสีรูปผู้หญิงถูกมัดที่หน้าอกและข้อมือ

จึงเป็นที่ถกเถียงกันว่าอาการเช่นนี้เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์หรือเป็นอาการผิดปกติทางจิตกันแน่

ในงานเขียนเรื่อง ‘Sadism & Masochism ในสวรรค์ที่เจ็บแล้วสุข’ ของพี่หนุ่ม โตมร ค่อยๆ คลี่คลายเรื่องราวในโลกที่ผมไม่คุ้นเคยนี้ทีละชั้นเหมือนปอกเปลือกหัวหอม

ก่อนอื่น เราอาจลองสำรวจค่านิยมเกี่ยวกับ ‘เซ็กซ์ที่ดี’ ของตัวเองสักนิดว่ามันต้องมีคุณลักษณะเป็นอย่างไร

เกล รูบิน นักมานุษยวิทยาที่ทำงานเกี่ยวกับชุมชนเกย์ S/M กล่าวถึงเซ็กซ์ที่ดีตามความเข้าใจของคนทั่วไปว่าต้องมีคุณลักษณะดังนี้ คือ Good, Normal, Natural และ Blessed ขณะที่เซ็กซ์ที่เลวก็ตรงกันข้าม คือ Bad, Abnormal, Unnatural และ Damned

น่าสนใจคำว่า Normal ว่ามันคือปกติของใคร

คุณโตมรขยายความเพิ่มอีกว่าเซ็กซ์ที่ดีได้แก่ เซ็กซ์ระหว่างเพศตรงข้าม ต้องแต่งงาน รักเดียวใจเดียว มีขึ้นเพื่อให้กำเนิดลูก-หลาน ไม่มีเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำเป็นคู่เท่านั้น เป็นความสัมพันธ์ ในรุ่นราวคราวเดียวกัน ในที่ส่วนตัว ไม่ใช่ภาพโป๊เปลือยกระตุ้นอารมณ์ ใช้ร่างกายอย่างเดียว ไม่มีอุปกรณ์เสริม ที่สำคัญต้องเป็นเซ็กซ์แบบปกติธรรมดา

ส่วนเซ็กซ์ที่เลวก็คือคู่ตรงข้าม ได้แก่ เซ็กซ์ระหว่างเพศเดียวกัน นอกสมรส หลายใจ คุมกำเนิด เพื่อการค้า ทำคนเดียวหรือเป็นกลุ่ม ทำกันชั่วคราว ข้ามรุ่น (เช่นกับเด็ก) ในที่สาธารณะ ใช้ภาพโป๊กระตุ้นอารมณ์ ใช้อุปกรณ์เครื่องเล่นมาช่วย และสุดท้ายคือ S/M

S/M จึงอยู่ในอันดับที่รั้งตำแหน่งท้ายๆ ของตารางความเลวของเซ็กซ์ในมุมมองที่คนทั่วไปให้คุณค่า ซึ่งแน่นอนว่าความดี-เลวในใจเรานั้นย่อมได้รับการปลูกฝังมาจากค่านิยมของสถาบันต่างๆ ในสังคมทั้งครอบครัว สถานศึกษา ศาสนา สื่อ ฯลฯ

ผู้ที่มีรสนิยมทางเพศแบบ S/M จึงถูกตราหน้าหรือประณามจากสังคม

หากคุณผู้อ่านกำลังหงุดหงิดใจในรสนิยมทางเพศแบบ S/M ลองฟังความคิดของมาร์คีส์ เดอ ซาด ดูสักนิด (จากบทความ เซ็กซ์ : กิจกรรมที่คุณชอบทำแต่ไม่ชอบพูด! โดยอาจารย์ไชยันต์ ไชยพร)

“สำหรับซาด กระบวนการแสวงหาความสุขทางเพซจำลองลักษณะของตัวมันเองมาจากแม่ธรรมชาติ คือภพและจักรวาล ไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีขอบเขตหรือเส้นแบ่งที่ชัดเจนตายตัว”

ฉะนั้น ในความคิดของเขาแล้ว “กามตัณหาของเรานั้น ไม่ใช่สิ่งที่เราสร้างเองขึ้นมา หากเป็นเครื่องมือที่ธรรมชาติใช้นำมนุษย์ไปสู่รางวัลแห่งชีวิตที่เธอหมายจะมอบให้แก่มนุษย์ทุกคน ซึ่งคือความสุขสุดยอดทางเพศนั่นเอง…แม้กระทั่งรสนิยมทางเพศที่แปรปรวนและบิดเบี้ยวที่สุดของมนุษย์ก็ไม่ใช่ผลผลิตของตัวมนุษย์เอง หรือแม้กระทั่งสิ่งแวดล้อมที่มนุษย์ผู้นั้นเติบโตมา หากแต่เป็นสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์และมอบให้แก่มนุษย์ผู้นั้น…ซาดจึงมองว่าความโหดร้ายทารุณคือสิ่งซึ่งฝังรากลึกอยู่ในความปรารถนาทางเพศของผู้ชายทุกคน เป็นประดุจคุณสมบัติที่ติดตัวมนุษย์ผู้ชายมาแต่กำเนิด ก่อนที่จะมาถูกบ่อนทำลายลงโดยสิ่งที่เราเรียกว่า ‘อารยธรรม’ ด้วยเหตุนี้ มนุษย์ที่ชื่นชอบพฤติกรรมทางเพศที่ทารุณป่าเถื่อนจึงเป็นมนุษย์ตามธรรมชาติในทัศนะของซาด”

เอาล่ะสิ นี่คือ ‘ปกติ’ ของเขา

เมื่อ ‘ปกติ’ ของเราไม่ตรงกัน พฤติกรรมซาดิสม์และมาโซคิสม์ในสังคมไทยจึงถูกพูดถึงในลักษณะของการนำมาล้อเลียนราวกับว่าไม่มีรสนิยมเช่นนี้อยู่จริง

ส่วนคนที่ชอบแบบนั้นก็อาจกดข่มพฤติกรรมของตนเอง หลบซ่อน หรือแอบทำ ไม่สามารถประกาศตัวออกมาได้ ยิ่งทำให้โอกาสที่จะ ‘หากันจนเจอ’ กับคู่ที่มีความต้องการแบบเดียวกันยากยิ่งขึ้น

และนั่นอาจนำไปสู่การหาทางออกรูปแบบอื่น เช่น การกระทำรุนแรงกับเด็ก คนในครอบครัว หรือทำร้ายตัวเอง

ต้องไม่ลืมว่ามีคนที่มีรสนิยมเช่นนี้อยู่จริง ในสหรัฐอเมริกาเคยมีการเก็บสถิติทางการแพทย์ซึ่งประมาณการไว้ราวร้อยละ 5-10 ของประชากรทั้งหมด ส่วนในไทยนั้นไม่ทราบ

เรื่องน่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ความเข้าใจว่าฝ่ายให้ (ซาดิสต์) เป็นผู้กำหนดหรือควบคุมวิธีการและระยะเวลาในการมีกิจกรรมทางเพศ หรือใช้อำนาจและแสดงความป่าเถื่อนออกมาอย่างใจนั้นเป็นความเข้าใจที่ผิด ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า โดยมากฝ่ายรับ (มาโซคิสต์) จะเป็นฝ่ายกำหนดว่าอยากให้ทำอะไร แบบไหน แค่ไหน

นั่นหมายถึงฝ่ายมาโซคิสต์จะบอกสิ่งที่เขาต้องการ ทั้งความเจ็บปวด ความตื่นเต้น แฟนตาซีที่สร้างขึ้น ขณะที่ฝ่ายซาดิสต์ก็ต้องกระทำอย่างระมัดระวังและดูแลให้ได้รับความเจ็บปวดตามต้องการ ไม่มากไปกว่านั้น

เช่นนี้แล้วจึงเป็นกิจกรรมที่ต้องอาศัยความเข้าใจ ความร่วมมือ รวมถึงการฝึกฝนร่วมกัน โดยมีฝ่ายมาโซคิสต์เป็นศูนย์กลางของกิจกรรมทางเพศนั้น บ่อยครั้งที่ทั้งคู่จะสมมุติบทบาทกันเพื่อสร้างแฟนตาซีขึ้น เช่น ครู-นักเรียน สาวเสิร์ฟ-แขก ตำรวจ-ผู้ต้องหา พยาบาล-คนไข้ ซึ่งอาจมีเครื่องมือต่างๆ ประกอบจินตนาการเช่น โซ่ แส้ กุญแจมือ การผูกมัด เฆี่ยนตี กักขัง ซึ่งคู่นอนต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้อย่างถูกวิธี ฝ่ายซาดิสต์จึงต้องฝึกฝนเพื่อกะความแรงให้พอดี

ในยุโรปหลายประเทศมีองค์กรให้ความรู้เรื่องเซ็กซ์และ S/M ที่เปิดเวิร์กช็อปสอนทักษะเหล่านี้เพื่อให้เข้าฝึกทักษะแล้วนำไปใช้อย่างปลอดภัย

ไม่ใช่เรื่องผิดประหลาดเมื่อทั้งสองฝ่ายยินดีซึ่งกันและกัน

ฟังเช่นนี้แล้วจึงน่าสนใจว่า ตกลงแล้วรสนิยมทางเพศแบบ S/M รุนแรงไหม

แน่นอนล่ะว่ามันรุนแรงในสายตาคนส่วนใหญ่ที่ถูกบ่มเพาะมาจากวัฒนธรรมกระแสหลัก แต่ถ้าเราทราบในรายละเอียดว่ามีคนที่ต้องการความรุนแรงเพื่อความสุขสมอยู่จริง ทั้งฝ่ายให้และฝ่ายรับ แล้วทั้งคู่ต่างยินยอมพร้อมใจเพื่อประกอบกิจกรรมอันแสนสุขนี้ร่วมกันโดยไม่ก่อความเดือดร้อนให้คนอื่น ยังนับกิจกรรมเช่นนี้เป็นความรุนแรงอยู่หรือเปล่า

หากปรับกรอบความคิดให้กว้างขึ้นสักนิด มองผู้คนบนฐานของความแตกต่างหลากหลายของมนุษย์ มองเห็นความต้องการของคนที่ต้องหลบซ่อนอยู่ในเงามืด เพราะสิ่งที่ตัวเองปรารถนานั้นไม่ตรงตามบรรทัดฐานของคนส่วนใหญ่ เราอาจมองเห็นว่าคนที่เป็นซาดิสต์และมาโซคิสต์ก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนเราๆ ท่านๆ

ผมชอบมากที่พี่หนุ่ม โตมร เขียนว่า

“บางที พระเจ้าอาจส่งเกย์ เลสเบี้ยน และ S/M มาเพื่อช่วยให้มนุษย์เรารู้จักเรียนรู้และยอมรับถึงความต่าง”

เขียนมาถึงตรงนี้ผมก็ยังไม่มีคำตอบว่า S/M นั้นถูกหรือผิด รู้เพียงว่าถ้ามีเพื่อนที่มีรสนิยมแบบนี้ก็อยากหาโอกาสนั่งคุยกับเขายาวๆ จะได้เข้าใจมากขึ้นจากการบอกเล่าของเขาเองว่าเพราะเหตุใดความเจ็บปวดจึงเป็นความสุขสำหรับเขา เขาปรารถนาสิ่งใด และรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ทำเช่นนั้น ผมเชื่อว่าถ้าได้พูดคุยกันกรอบคิดเกี่ยวกับเรื่อง ‘เซ็กซ์ที่ดี’ ของผมน่าจะขยับขยายไปจากที่เคยเข้าใจ

ใช่, แทนที่จะรีบตัดสิน ผมอยากเข้าใจ

แทนที่จะพิพากษา ผมอยากฟัง

และ S/M ก็เป็นเพียงหนึ่งในความหลากหลายของมนุษย์

ยังมีเรื่องให้ต้องเข้าใจอีกมาก