ทราย เจริญปุระ : “หมุด” ไทเทเนียม

ครึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เผลอแป๊บเดียวสิ่งที่ตั้งใจเอาไว้ตอนปีใหม่ก็เหลือเวลาให้ทำสำเร็จอีกแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น

สำหรับฉันก็เหมือนทุกปี คือไม่ได้ตั้งปณิธานปีใหม่อย่างจริงจังรัดกุมอะไร แค่คิดไว้คร่าวๆ ว่าปีนี้หวังให้สุขภาพดีขึ้น เพราะวงจรชีวิตก็น่าจะปกติขึ้นแล้ว ไม่โดนลากไปลากมาถูลู่ถูกังเหมือนอย่างที่เคยเป็นในปีก่อนๆ

คือจะเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้นว่าอย่างนั้นก็ได้

ก็ทำไมจะไม่ได้เล่า ในเมื่อเราก็แก่ตัวมากขึ้นทุกวัน เวลาที่จะอยู่กับตัวเองบนโลกนี้ก็เหลือน้อยลงแล้ว อะไรที่ต้องทำให้คนอื่นก็ทำไปมากแล้ว เพิ่งจะได้ทำอะไรอย่างที่ชอบบ้างก็ไม่นานมานี้ จะนับกันจริงๆ ก็เพิ่งทำได้ตอนปีนี้ด้วยซ้ำ คงจะต้องขอประคับประคองตัวเองกันบ้าง

เพราะผลลัพธ์จากการทำตามใจคนอื่นมากกว่าตัวเองยังคาคอ เป็นเครื่องเตือนใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

 

“ร่างกายของเราช่างเลือกมากว่าจะยอมให้ใส่วัสดุชนิดไหนเข้ามาได้บ้าง มันไม่รับวัสดุส่วนใหญ่และจะยอมทนรับโลหะเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น หนึ่งในนั้นคือไทเทเนียม

ข้อดีของไทเทเนียมคือมันช่วยให้เกิดกระบวนการเจริญของกระดูกเข้าสู่ผิวรากเทียม (Osseointegration) ซึ่งแปลว่ามันจะสร้างพันธะแน่นหนาเชื่อมต่อกับกระดูกที่มีชีวิต สิ่งนี้เป็นประโยชน์มาก หากคุณต้องการยึดชิ้นส่วนกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลังไว้กับกระดูก โดยจำต้องแน่ใจว่าพันธะที่ยึดโยงนี้จะไม่อ่อนแรงลงหรือคลายตัวเมื่อเวลาผ่านไป”*

จริงๆ หมอของฉันก็เคยอธิบายอะไรคล้ายๆ อย่างนี้ให้ฉันฟังตอนเสนอแผนการรักษา ฉันซึ่งมีสัมปชัญญะเพียงครึ่งๆ กลางๆ จับใจความได้ไม่หมด แต่พอหันไปเห็นน้องชายพยักหน้าเข้าใจและหันมามองฉัน ฉันก็รู้ว่าสิ่งที่ควรทำคือตอบตกลง

ตอบตกลงด้วยเสียงพึมพำเท่านั้น ไม่ใช่การพยักหน้า

เพราะในเวลานั้น กระดูกและกล้ามเนื้อคอของฉันไม่อนุญาต

มาร์ก, ผู้เขียน Stuff Matters เล่าหลากหลายเรื่องราวชวนทึ่งของวัตถุและวัสดุต่างๆ ที่เปลี่ยนโลกให้ก้าวไวไปข้างหน้า

ทั้งใบมีดโกน ช็อกโกแลต ดินสอ ห่อขนม ตั๋วรถ ฟันปลอม ช้อนส้อม มีเรื่องราวแบบเฉพาะตัวของการกำเนิดกว่าจะออกมาเป็นสิ่งของที่เราใช้สอยกันจนเห็นเป็นของธรรมดา ทั้งย้อนอดีตกลับไปยังต้นกำเนิดและเผยให้เห็นความเป็นไปได้ของประกายแห่งอนาคต

จาก “วัสดุ” ธรรมดาสามัญ

สู่ “วัตถุ” ซึ่งเปลี่ยนแปลงโลกของเราไปตลอดกาล

 

ฉันมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับแผลที่คอของฉันไว้เป็นร้อยรูปแบบ ทั้งแบบข้อเท็จจริง การเล่าเรื่องเชิงอารมณ์ การเล่าให้เป็นเรื่องตลก การตัดรายละเอียดบางอย่างออก เรื่องแบบเต็ม เรื่องแบบมีคำนำที่มา เรื่องแบบแนะนำตัวละคร เรื่องที่เล่าโดยเพิ่มบริบทของเหตุการณ์ในห้วงเวลานั้น

แต่ทุกเรื่องเล่าจะจบลงที่หมุดไทเทเนียมที่ยึดกระดูกคอฉันเอาไว้ ส่วนใหญ่มักจะตามมาด้วยคำถามของระยะเวลาที่ฉันและหมุดคอจะอยู่ด้วยกัน

-ชั่วชีวิต-

มันอาจเป็นสิ่งแปลกปลอมเสริมเพิ่มเพียงอย่างเดียว ที่จะต้องอยู่กับฉันตลอดไป

คุณอาจจะเคยได้ยินเรื่องเล่าของฉันผ่านๆ มาบ้างสักครั้ง แต่อาจจะเป็นคนละแบบกับที่อีกคนเคยฟัง

ถึงอย่างไรเรื่องนั้นมันก็ได้เกิดขึ้นแล้ว

ผลของมันยังทิ้งบาดแผลตกค้าง

จะบอกว่าค้างไว้เพียงแค่ในลำคอคงไม่ใช่

แต่มันก็ไม่ได้ทำอันตรายต่อหัวใจของฉันมากมายอีกต่อไปแล้วเหมือนกัน

 

“ด้วยคุณสมบัติของไทเทเนียมที่ทั้งแข็งแรงและไม่ทำปฏิกิริยาทางเคมีง่ายๆ มันจึงคงสภาพดั้งเดิมไว้ได้นาน มีโลหะไม่มากนักที่ไม่ทำปฏิกิริยรกับร่างกายทางใดทางหนึ่ง กระทั่งสแตนเลสสตีลยังไม่อาจทนต่อสารพัดปฏิกิริยาชีวเคมีในร่างกายเลยด้วยซ้ำ ไทเทเนียมมีอายุการใช้งานยืนยาวตราบชั่วชีวิต เพราะพื้นผิวของมันเคลือบไว้ด้วยไทเทเนียมออกไซด์อันแข็งแกร่ง—

นอกจากนั้น ไทเทเนียมยังทนต่ออุณหภูมิที่สูงมาก ผมจึงยิ่งมั่นใจว่าหลังจากผมเสียชีวิตลงและถูกเผา สกรูไทเทเนียมน่าจะเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายที่หลงเหลืออยู่–“*

บางที, ในบางเวลา

ชั่วขณะที่ปลอดจากงาน

ฉันก็จะยกมือขึ้นคลำรอยแผลเป็นจางๆ ที่กลางคอ พร้อมกับจินตนาการว่าข้างในนั้นกำลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง

หมุดไทเทเนียม กระดูกคอ กล้ามเนื้อ เส้นเอ็นและข้อต่อต่างๆ จะกระซิบแลกเปลี่ยนความลับของชีวิตฉันจนจบสิ้นหรือยัง

มันจะรู้ไหมว่าทำไมมันต้องมาอยู่ตรงนี้

การค้นหาเพื่อจะพบอะไรบางอย่างคงเป็นเช่นนี้

มันต้องอาศัยวันเวลา

ไม่ใช่เพื่อให้ได้ผลออกมาสมบูรณ์ที่สุด

แต่เพื่อให้เรารู้ว่ามันมีผลอย่างไรกับเราบ้าง

เปลี่ยนชีวิตเราไปอย่างไรบ้าง

เพราะในขณะที่หมุดไทเทเนียมยึดกระดูกคอฉันเข้าไว้ด้วยกัน

มันก็กลบฝังเรื่องราวบางอย่างทิ้งไป สร้างหนทางใหม่ๆ และช่วยให้ฉันได้เข้าใจบางอย่าง

ซึ่งทั้งหมดนั้นไม่มีอะไรเกี่ยวกับกระดูกและไทเทเนียมเลย

——————————————————————

*ข้อความจากในหนังสือ