ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 6 - 12 สิงหาคม 2564 |
---|---|
เผยแพร่ |
โฟกัสพระเครื่อง–(สุรินทร์ สรรพคุณ)
โคมคำ / [email protected]
เหรียญรูปเหมือนรุ่นแรก
หลวงพ่อพริ้ง วชิรสุวัณโณ
วัดวรจันทร์ จ.สุพรรณบุรี
“พระครูธรรมสารรักษา” หรือ “หลวงพ่อพริ้ง วชิรสุวัณโณ” อดีตเจ้าอาวาสวัดวรจันทร์ ต.โพธิ์พระยา อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี และรองเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี อดีตพระเกจิอาจารย์ชื่อดังเมืองสุพรรณ มีความเชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือ เป็นที่เคารพนับถือ
วัตถุมงคลทุกรุ่นได้รับความนิยม เป็นที่ต้องการเช่าหา
ที่นับว่าโดดเด่นและเป็นที่รู้จักกันอย่างดี คือ เหรียญรุ่นแรก จัดสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2478 โดยชาวบ้านและลูกศิษย์ขออนุญาตจัดสร้าง เป็นเนื้อทองแดง
ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มทรงอาร์ม หูในตัว ด้านหน้าเหรียญเป็นรูปเหมือนครึ่งองค์ มีข้อความว่า “พระครูธรรมสารรักษา(พริ้ง)”
ด้านหลังเหรียญตรงกลางเป็นยันต์ ข้างบนมีตัวเลขไทย “๒๔๑๐” หมายถึงปี พ.ศ.ที่เกิด ข้างล่างมีตัวเลขไทย “๒๔๗๘” หมายถึงปี พ.ศ.ที่จัดสร้างเหรียญ
ปัจจุบันเริ่มหายาก
นามเดิมชื่อ พริ้ง เกิดปีเถาะ ตรงกับพุทธศักราช 2409 บ้านอยู่ทางใต้ประตูน้ำวัดพร้าวฝั่งตะวันตก ต.โพธิ์พระยา อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี บิดา-มารดาชื่อ นายเตียบและนางเรียน มีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกันเป็นผู้ชายทั้งหมดจำนวน 5 คน
เมื่ออายุ 12 ปี บิดา-มารดานำตัวไปฝากวัดพร้าว ในสำนักพระครูปลื้ม ปรากฏว่าเป็นเด็กที่มีสติปัญญาเฉียบแหลม สามารถเรียนหนังสือไทย หนังสือขอมและท่องหนังสือสวดมนต์ได้แม่นยำรวดเร็ว ท่องพระปาฏิโมกข์จบตั้งแต่ตัวท่านยังเด็ก
อายุย่างเข้าวัยหนุ่ม ช่วยบิดา-มารดาประกอบอาชีพทำนา มีหลักฐานมั่นคง มีบ่าวรับใช้
ครั้นเมื่อ พ.ศ.2431 อายุ 21 ปี เข้าพิธีอุปสมบทที่พัทธสีมาวัดพร้าว โดยมีหลวงพ่อแก้ว เป็นอุปัชฌาย์, พระครูปลื้ม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูอินทร์ เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นพระอนุสาวนาจารย์
ศึกษาเล่าเรียนกับพระครูอินทร์วัดพร้าว 1 พรรษา จากนั้นพระครูอินทร์นำไปฝากศึกษาเล่าเรียนที่สำนักเรียนที่วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ท่าพระจันทร์ ประมาณ 7 พรรษา แล้วกลับมาอยู่วัดพร้าวตามเดิม พร้อมด้วยความรู้ คือ แปลพระปริยัติธรรมได้ สามารถแสดงธรรมได้ด้วยปากเปล่าเป็นอย่างดี แต่มิได้แปลพระปริยัติธรรมในสนามหลวง ด้วยในสมัยนั้นนานครั้งจะมีการแปลพระปริยัติธรรมกันครั้งหนึ่ง
เมื่อบวชได้ 10 พรรษา ฝนแล้ง ชาวโพธิ์พระยาขาดแคลนข้าว เดือดร้อนเป็นอันมาก ประจวบกับพระภิกษุที่วัดพร้าวมีมาก ออกบิณฑบาตไม่ใคร่พอฉัน พระภิกษุต่างก็ย้ายที่อยู่กันไป ส่วนหลวงพ่อพริ้งได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดหนองผักนาก อ.สามชุก 1 พรรษา แล้วกลับมาอยู่ที่วัดพร้าวอีก 5 พรรษา ในตอนนี้นับพรรษาได้ 16 พรรษา
ต่อมา วัดวรจันทร์ขาดเจ้าอาวาส ประชาชนจึงพร้อมกันใจอาราธนาให้มาดำรงตำแหน่ง
กล่าวสำหรับวัดวรจันทร์ ตั้งอยู่ที่ ต.โพธิ์พระยา เหนือสุดของอำเภอเมืองสุพรรณบุรี ตั้งมากว่าร้อยปี คือ ก่อนพุทธศักราช 2377 แต่เดิมไม่มีถาวรวัตถุอันใด นอกจากกุฏิไม้ไผ่มุงแฝกอยู่ 2-3 หลัง ตั้งอยู่ที่ต้นมะตูมเหนือสระเก่า
พ.ศ.2476 วัดแห่งนี้ แต่เดิมเรียกว่าวัดจันทร์ เปลี่ยนเป็นวัดวรจันทร์ โดยเพิ่มคำว่า วร แปลว่า ยอดเยี่ยม ประเสริฐเลิศ ด้วยเหตุที่พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (เผื่อน ติสสทัตโต) วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เมื่อครั้งยังดำรงสมณศักดิ์ที่พระธรรมปิฎก และเป็นเจ้าคณะมณฑลราชบุรี
ครั้งนั้น เป็นสมภารอยู่วัดแห่งนี้ เห็นว่าชื่อวัดจันทร์ไปพ้องกับวัดจรรย์ อ.ศรีประจันต์ ซึ่งอยู่เหนือขึ้นไปประมาณ 8-9 กิโลเมตร เป็นเหตุให้มีการส่งหนังสือราชการผิดพลาดกันเนืองๆ ดังนั้น พระอุบาลีคุณูปมาจารย์จึงให้เปลี่ยนวัดจันทร์ เป็นชื่อวัดวรจันทร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เมื่อรับตำแหน่งเจ้าอาวาส เริ่มบูรณะวัดเป็นการใหญ่ สภาพของวัดวรจันทร์ ก่อนที่หลวงพ่อพริ้งจะมาเป็นเจ้าอาวาส มีกุฏิฝากระดานหลังคามุงจากอย่างดีหนึ่งหลังเท่านั้น นอกจากนั้น หลวงพ่อพริ้งดัดแปลงแก้ไขเพิ่มเติม กุฏิ หอสวดมนต์ ศาลาท่าน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย
หลวงพ่อยังได้สร้างเจดีย์สูงถึง 40 เมตร เป็นเจดีย์ที่ใหญ่มากในขณะนั้น
ตามประวัติเจดีย์ดังกล่าว พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีพระราชกระแสรับสั่งให้เจ้าพระยายมราช (ขณะนั้นยังเป็นพระยาสุขุมนัยวินิต ข้าหลวงเทศาภิบาล-มณฑลนครศรีธรรมราช) เป็นผู้แทนประเทศไทย เดินทางไปรับพระบรมสารีริกธาตุ ณ ประเทศอินเดีย
เมื่อนำกลับมาแล้ว ล้นเกล้าฯ ได้นำมาคัดเลือกและโปรดเกล้าฯ ให้นำขึ้นบรรจุไว้ที่ยอดภูเขาทอง วัดสระเกศ แต่ปรากฏว่า ยังเหลือชิ้นส่วนพระบรมสารีริกธาตุในถุงที่บรรจุ จึงได้ทรงมอบให้เจ้าพระยายมราช
ต่อมา เจ้าพระยายมราชจึงได้มอบพระบรมสารีริกธาตุแด่หลวงพ่อพริ้ง จึงได้มีการสร้างเจดีย์จุฬามณี เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ใช้เวลาสร้าง 10 กว่าปีจึงแล้วเสร็จ
นอกจากนี้ ยังสร้างโรงเรียนประชาบาล เพื่อให้ลูก-หลานชาวบ้านได้รับการศึกษาอีกด้วย
วัดวรจันทร์เริ่มเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาจนมาถึงทุกวันนี้
หลวงพ่อพริ้งมรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2483 สิริอายุ 73 ปี
กล่าวกันว่า มีความคุ้นเคยสนิทกับสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังปริณายก (แพ ติสฺสเทโว) เป็นอันมาก เมื่อมรณภาพลง สมเด็จพระสังฆราชถึงกับมีรำพึงว่า “เมืองสุพรรณหมดคนดีไปอีกคนหนึ่ง”