หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๙๓.๙)/บทความพิเศษ ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๙๓.๙)

 

คนไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น เท่าที่คนต่างชาติเคยสังเกตไว้

๑ เป็นคนสันโดษ

๒ เป็นคนเกียจคร้าน

๓ เป็นคนรักความเงียบและความวิเวก

๔ เป็นคนรักเด็ก

๕ เป็นพุทธโดยธรรมชาติ

๖ เฉลียวฉลาด แต่ไม่ชอบคิด ในแง่หนึ่งก็โง่งมงาย

๗ มีความละเอียดอ่อน ให้ทำอะไรก็ทำได้ดี แต่มักจะไม่ริเริ่ม จึงมัก Copy ได้ดี และบางครั้งทำได้ดีกว่าต้นฉบับเสียอีก

๘ ไม่ชอบวางแผนล่วงหน้า

๙ ยอมคนอื่น แต่ก็ภาคภูมิในตัวเอง เหมือนเด็ก แต่ไม่ใช่ทาส

๑๐ มักน้อย อยู่ง่าย ยากจะหาชนชาติใดทานง่ายเหมือนคนไทย

๑๑ มีเล่ห์เหลี่ยม

๑๒ บางคนมักมากในกาม แต่บางคนก็มักน้อยในกาม ขึ้นกับแต่ละบุคคล และฐานะ แม้แต่คนฐานะดีบางคน มีเมียมาก เพียงแค่อยากอวดมากกว่า เป็นคนรักหน้า

๑๓ ในการสงคราม น้อยครั้งจะฆ่าฝ่ายตรงข้าม จะไม่ทำการรบถึงขั้นแตกหักเลย นอกจากป้องกันตัวเท่านั้น

 

ที่น่าสนใจคือ ลักษณะดังกล่าว ก็ยังจริงแม้ในวันนี้ หากแต่เพียงว่า เพราะโลกเปลี่ยนไป การแก่งแย่งแข่งขันในยุคปัจจุบัน รุนแรงขึ้นมาก เป็นธรรมดาอยู่เองที่คนไทยก็ต้องปรับตัว จะไปนิ่ง นิ่มนวล เหมือนสมัยกรุงศรีอยุธยา คงไม่ได้

แต่กระนั้นหากเราเปรียบเทียบกับคนต่างชาติ เราจะเห็นลักษณะดั้งเดิมนี้ของคนไทยอยู่ดี

การวิเคราะห์นิสัยใจคอคนไทย ทำให้เราสรุปได้ว่า สิ่งนี้คือธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งดีหรือเลว มันเป็นไปเช่นนั้นเอง

ฉันมีนิสัยใจคอแบบคนไทยสักเจ็ดแปดส่วน มีข้อที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดคือ ฉันเป็นคนซื่อ และตรงไปตรงมา

นิสัยข้อนี้คือคนจีน เพื่อนคนไทยคนหนึ่งของฉันเคยวิจารณ์ฉันไว้ว่า ฉันมีลักษณะที่ดีของคนจีน ซึ่งฉันมาคิดดูแล้ว ก็คือความซื่อตรงนี่เอง ฉันไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆเลย ต่อให้คิดออก ก็ทำไม่ได้

แต่อย่างอื่นฉันเป็นคนไทย เช่น ความมักน้อย พอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ชอบความเงียบและวิเวก ไม่ชอบวางแผนล่วงหน้า

เวลาเจอชาวตะวันตก ฉันรู้สึกนับถือพวกเขาหลายอย่าง แต่ก็มีบางอย่างที่ดูถูก เช่น อาการเครียดอยู่ตลอดเวลา การวางแผนล่วงหน้าตลอด

ฉันไม่ใช่คนแบบนั้น เราแยกกันเป็นสองเส้นทาง ไม่มีทางใดดีกว่ากัน เพียงแต่นี้คือนิสัยใจคอ นี้คือลักษณะของชนชาติ

ฉันถามตัวเองว่า ฉันเป็นจิตนิยมแบบคนจีนไหมนะ แต่คิดว่าไม่ ฉันเป็นจิตนิยมแบบคนไทยมากกว่า คงสืบเนื่องมาจากดินฟ้าอากาศ สภาพแวดล้อมแบบไทยๆ ที่ฉันเติบโตมา

มันคือความมักน้อยของแม่น้ำลำคลอง สายเล็กๆ

 

ในทางปรัชญา ฉันชอบเต๋าและพุทธนิกายหินยาน เพียงแต่ต้องตัดทอนให้มันเรียวเล็กลง ให้น้อยลงอีกหน่อย

เช่นเต๋า หากขยายให้ใหญ่โต มันก็มีข้อเสียมากมาย แต่หากเรียวเล็ก ก็เรียบง่าย น่ารัก

เช่นเดียวกับพุทธนิกายหินยาน มีหลายอย่างที่ฉันไม่เชื่อ และไม่รับเลย แต่ส่วนที่เหลือ ที่ฉันรับ ก็รับแบบหมดจด บริสุทธิ์บริบูรณ์ ฉันว่าความเรียวเล็กนี้ กำลังพอดี

วันหนึ่งฉันเขียนบทความสองบท

บทหนึ่งคือ สิ่งที่ฉันรู้สึกผิดในหนหลัง

และอีกบทหนึ่งคือ สิ่งที่ฉันภาคภูมิใจในอดีต มันแยกออกเป็นสองบท มีปริมาณเท่ากัน เท่ากับว่าเวลาคิดถึงความหลัง มีครึ่งหนึ่งที่ฉันสำนึกผิด และอีกครึ่งหนึ่งที่ภาคภูมิใจ ฉันไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้แล้ว ได้แต่เดินหน้าต่อไป

บทความสองบทนี้ มีมาเพื่อเตือนสติตัวเอง

คนเรา ไม่มีใคร Perfect ดังนั้น ความผิดของฉัน ก็ถือเป็นความธรรมดาอย่างหนึ่ง แต่เวลาคิดถึงมัน ก็อดคิดไม่ได้ว่า หากทำได้ อยากทำอีกแบบ

ส่วนที่ฉันพอใจแล้ว ก็ซึ้งดี ซึ้งตรงที่ว่า ฉันทำดีแล้ว ไม่มีอะไรแก้ไขอีก ต่อให้แก้ไขก็ดีขึ้นอีกนิดเดียว ซึ่งไม่จำเป็น

 

๑๐

บาปสองอย่างของคนไทย คือ

ความเกียจคร้าน

ความงมงาย

บาปแรกพอจะให้อภัยได้ แต่อันหลังให้อภัยไม่ได้เลย น่ารังเกียจยิ่งนัก ในส่วนนี้ฉันกลับเห็นด้วยกับชาวตะวันตก พวกเขามีวิทยาศาสตร์ ซึ่งตรงข้ามกับความงมงาย และแม้ตัววิทยาศาสตร์เองจะมีหลายสิ่งที่ยอมรับได้ยาก แต่ท้ายสุด มันก็ยังดีกว่า ฉันยอมรับว่าสิ่งนี้คือภูมิปัญญาของชาวตะวันตก

๑๑

ในโอลิมปิก ฉันจะเฝ้าชมการต่อสู้ของนักกีฬาไทย เอาใจช่วย ยอมรับว่าการจะได้เหรียญแต่ละเหรียญ ยากลำบากมาก ที่จริงแล้วกีฬาโอลิมปิกเป็นการต่อสู้ที่เกินเลย มันคือเวทีของ Superhero มีแรงกดดันสูงมาก คู่ต่อสู้ของคุณมีความมุ่งมั่น ๑๒๐% หากคุณมี ๑๐๐% ก็ยังไม่พอ ต้องมีสัก ๑๕๐% จึงจะเอาชนะได้

สิ่งเหล่านี้ล้วนเกินเลย ไม่เป็นธรรมชาติ ไม่มีความสุข มันเป็นความอยากที่แรงกล้า

แต่แม้กระนั้นฉันก็เอาใจช่วยอยู่ดี เพียงแต่ว่า หากกีฬาใดที่ไม่มีคนไทยร่วมแข่งด้วย ฉันก็ไม่มีใจดู ส่วนที่ดู เพราะเข้าไปในจิตใจของคนไทยได้ โลกเราทุกวันนี้ ก็ต้องต่อสู้อย่างสูงสุด อย่างทุกข์ทรมาน

เราต้องเอาตัวรอดให้ได้ในแต่ละวัน

 

๑๒

การเมืองไทย แม้จะมีการแต่งกายที่เป็นสากล แต่คนที่สวมใส่เสื้อผ้านั้น ก็คือคน ดังนั้น ลักษณะของคนในชาติจึงสำคัญ ที่จริงมันสำคัญในทุกชนชาติ อย่างในยุโรป ชาวอังกฤษ ชาวฝรั่งเศส ชาวเยอรมัน พวกเขาแตกต่างกันอย่างชัดเจน และมีผลต่อการเมืองของพวกเขา เพียงแต่เราอยู่ห่างไกล ไม่ได้เอาใจใส่

๑๓

ปัญหาวันนี้คือ เราเลือกและเชิญเผด็จการทหารเข้ามาครองอำนาจ วันนี้เราเปลี่ยนใจ อยากเลือกหรือเชิญพวกเขาออกไป กลับทำไม่ได้ มันไม่ง่ายอย่างนั้น ไม่ทราบว่าจะต้องดิ้นรนลำบากเพียงไรจึงจะเชิญพวกเขาออกไปได้

ไม่เกี่ยวกับว่า พวกเขาทำผิดอะไร เพราะหากไปที่ประเด็นนี้ ก็จะถกเถียงกันไม่จบ มันเรียบง่ายแค่ว่า เราเปลี่ยนใจแล้ว อยากเชิญพวกเขาออกไป ทำได้ไหม ทำไมถึงทำไม่ได้

๑๔

หากไปที่ประเด็นว่าพวกเขาทำอะไรผิด พวกเขาจะเถียง บางอย่างเราก็เป็นฝ่ายมีข้อมูลผิด แต่สมมุติว่าเรามีข้อมูลถูก พวกเขาก็เถียงได้อยู่ดี มิเช่นนั้นในศาล บางคดีคงไม่สู้กันนานเป็นสิบๆ ปี แต่หากเราข้ามประเด็นนี้ ด้วยการว่า พวกเขาไม่ได้ทำผิดอะไร พวกเขาก็ไม่รู้จะเถียงอะไร เราพูดง่ายๆ เลยว่า อยากเชิญพวกเขาออกไป เราเปลี่ยนใจแล้ว

๑๕

ที่จริงปฏิบัติการคาร์ม็อบ ของ บก.ลายจุด มาถูกทางแล้ว หากลดความชิงชังลง เพื่อให้ผู้คนมากขึ้นมาร่วมด้วย เหมือนมหกรรม หากจุดติด และมีการจัดตั้งอย่างสมบูรณ์ จัดหารถได้เป็นแสนคัน ก็สามารถเชิญพวกเขาออกไปได้ ไม่จำเป็นต้องมีความรุนแรงใดเลย

รถเป็นแสน ขับไปตามท้องถนน เสียงแตรรถดังสนั่นหวั่นไหว สามารถไปที่ไหนก็ได้ เลิกเมื่อไหร่ก็ได้

และข้อดีอีกอย่าง ในยุคสมัยโควิด เราสามารถเก็บตัวอยู่แต่ในรถ เหมาะสมดี

แต่หากมีจำนวนรถไม่พอ มันก็ยังไม่มีพลัง มันยังเป็นเสียงของคนกลุ่มน้อย ต่อให้รุนแรงแค่ไหน ก็ไม่ Work

 

๑๖

ความเกลียดชัง ข้อกล่าวหา จะมีประเด็นไม่รู้จบ ยังไม่ต้องมีความรุนแรงใด ก็คือความรุนแรงอยู่ดี เพราะนี้คือสงคราม ต่อให้พวกเขาอยากออก ก็ออกไม่ได้ เพราะไม่มีทางออก โดนฝ่ายที่รักประชาธิปไตยขวางทางไว้ มันย้อนแย้งกัน ต่อให้คุณไม่ต้องการความรุนแรง แต่เส้นทางที่เดิน ก็คือความข้ดแย้งที่รุนแรงอยู่ดี เหมือนคุณเพิ่มอุณหภูมิอยู่ตลอดเวลา และบอกว่าไม่ต้องการระเบิด

๑๗

ที่จริง สิ่งเรียบง่ายต่อไปนี้ ได้ผลกว่า

พวกคุณไม่ได้ทำผิดอะไร

เพียงแต่พวกเราเปลี่ยนใจแล้ว ครั้งหนึ่งเราเคยเชิญพวกคุณเข้ามา

บัดนี้ อยากเชิญพวกคุณออกไป

๑๘

ต่อให้พวกเขามีความเป็นประชาธิปไตยน้อยสักเพียงไหน ก็ยังมีเสี้ยวหนึ่งที่เป็นประชาธิปไตยอยู่ดี ต่อให้พวกเขาหน้าด้านสักเพียงไหน ก็ยังมีเสี้ยวหนึ่งที่ยังหน้าบางอยู่ดี