พรรคเทพ-พรรคมาร/ชกคาดเชือก วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน

ชกคาดเชือก

วงค์ ตาวัน

 

พรรคเทพ-พรรคมาร

 

มีปรากฏการณ์ที่ต่อเนื่องเป็นลำดับ แสดงให้เห็นชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้หวั่นไหวอะไรเลยแม้แต่น้อย กับกระแสความไม่พึงพอใจของประชาชนอย่างกว้างขวาง ในการแก้วิกฤตโควิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลจัดหาวัคซีนมาอย่างผิดพลาด ล่าช้า และไม่มีวัคซีนยี่ห้อคุณภาพสูงมาให้ประชาชนคนไทยได้เลือกฉีด

กระแสต่อต้านรัฐบาลในเรื่องโควิด ยังมองถึงความไร้ประสิทธิภาพในการหยุดการแพร่เชื้อ ทำให้ต้องหันมาใช้การล็อกดาวน์ ประกาศเคอร์ฟิว นั่นก็หมายถึงการปิดตายธุรกิจการค้าจำนวนมาก เท่ากับวิกฤตปากท้องประชาชน นับวันยิ่งรุนแรง

ทั้งหลายทั้งปวง รัฐบาลประยุทธ์ยังคงมั่นอกมั่นใจอย่างสูงว่า ยังอยู่ได้อย่างมั่นคง

โดยถึงกับประกาศท่าทีล่าสุดว่า ไม่มีการลาออก ไม่มีการยุบสภา ดังที่มีเสียงเรียกร้อง

สอดรับกับท่าทีของกองทัพบกในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ที่ออกมาปฏิเสธข่าวลือในโซเชียล ทั้งสั่งการเอาผิดคนแพร่ข่าวเท็จที่ระบุว่า กองทัพได้เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลประยุทธ์แล้ว

การยืนยันเสียงแข็งว่า ไม่มีการรัฐประหารของกองทัพ ด้านหนึ่งเพื่อโต้ข่าวลือ

อีกด้านหนึ่ง ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่า ขุมอำนาจต่างๆ ยังคงโอบอุ้มรัฐบาลประยุทธ์อย่างอบอุ่นดังเดิมต่อไป!

แม้จะเกิดความไม่พึงพอใจของประชาชนต่อรัฐบาลในด้านวัคซีนโควิดไปทั่วทุกหัวระแหง มีการแสดงออกของเหล่าดาราศิลปินอย่างชัดแจ้งผ่านทางโซเชียล มีบทเพลงต่อต้าน พล.อ.ประยุทธ์มากมายปรากฏในยูทูบ

เกิดม็อบของคนรุ่นใหม่ ที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบให้สอดคล้องกับปัญหาโควิด เช่น คาร์ม็อบ ออกมาขับรถเพื่อขับไล่ประยุทธ์ กระจายไปทั่วทั้งใน กทม.และในหลายจังหวัด

แต่ทั้งหมดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ดูไม่สะทกสะท้านใดๆ กับเสียงต่อต้านที่ดังระงมไปทั่ว

ไม่หวั่นไหวใดๆ แม้ถึงวันนี้รัฐบาลยังไม่สามารถสั่งซื้อวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอเข้ามาฉีดให้ประชาชนได้ ยังยืนพื้นด้วยซิโนแวค ที่เป็นระบบเชื้อตาย และแอสตร้าเซนเนก้าที่แม้ได้รับความเชื่อถือด้านคุณภาพสูงมากกว่า แต่ก็ผลิตได้ไม่ตรงกับที่รัฐบาลเคยอวดอ้างกันเอาไว้

จำนวนคนป่วยนับวันยิ่งพุ่งทะลุทำนิวไฮ จำนวนคนตายยิ่งพุ่งทะยาน ตายข้างถนนก็มีให้เห็นแล้ว ตายในบ้านมากมายหลายศพ

รวมไปถึงฆ่าตัวตายเพราะไม่มีทางออกในด้านหนี้สิน เนื่องจากรัฐยังไม่มีวัคซีนเข้ามาจำนวนมาก การหยุดโรคระบาดก็ไม่เป็นผล เศรษฐกิจจึงไม่เห็นอนาคตว่าจะโงหัวขึ้นมาเมื่อไหร่

มีภาพรถแท็กซี่จอดทิ้งนับพันๆ คันให้เถาวัลย์เลื้อยปกคลุม ประจานเศรษฐกิจไทย

แต่ทั้งหมดนี้รัฐบาลประยุทธ์ยังคงมั่นคง ไม่มีใครทำอะไรได้!

 

เมื่อมีสัญญาณชัดเจนจากเครือข่ายอำนาจ มีคำยืนยันจากกองทัพว่าไม่มีการขยับกดดันเพื่อการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทหารยังสงบนิ่ง ไม่มีการรัฐประหารเด็ดขาด เท่ากับมีบทสรุปชัดเจนว่า ขุมข่ายอำนาจนอกระบบ ยังเชื่อมั่นให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไป

ส่งผลให้พรรคการเมืองร่วมรัฐบาล ทั้งภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ที่ถูกกระแสสังคมกดดันไม่น้อย จึงยังแสดงท่าทีร่วมรัฐบาลต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง

ทั้งที่พรรคร่วมรัฐบาลเหล่านี้มีโอกาสได้รับเสียงสะท้อนโดยตรงจากประชาชนอย่างชัดเจน บรรดา ส.ส.ของพรรค ที่สัมผัสกับปัญหาของประชาชนตามพื้นที่ต่างๆ ย่อมรู้ดีว่า อารมณ์ความรู้สึกของประชาชนในท่ามกลางความยากลำบากจากโควิดและเศรษฐกิจ ร้อนแรงขนาดไหน

ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลเองนั่นแหละ ที่ไม่สามารถอธิบายกับชาวบ้าน เพื่อปกป้องรัฐบาลในสถานการณ์โควิดนี้ได้อีกแล้ว

ระยะก่อนหน้านี้มีการเคลื่อนไหวของม็อบ เดินทางไปยังที่ทำการของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งพลังประชารัฐ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อเรียกร้องให้ฟังเสียงร่ำร้องของประชาชน และถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เพราะรู้ดีว่า ส.ส.ของทุกพรรคกำลังหวั่นไหวอย่างหนักจากกระแสเสียงของประชาชน

แต่แล้วภาพในทำเนียบรัฐบาล ที่ พล.อ.ประยุทธ์เดินเคียงข้างกับหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำชาติไทยพัฒนา เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา

ก็คือการประกาศความเหนียวแน่นของพรรคร่วมรัฐบาล สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ต่อไป ไม่มีแตกแถว

แต่หลายคนเห็นภาพ พล.อ.ประยุทธ์และผู้นำพรรคร่วมรัฐบาลเต็มไปด้วยความชื่นมื่น ในสถานการณ์โควิดอันสร้างความทุกข์ยากให้กับประชาชน

ก็อดไม่ได้จะนึกถึงบรรยากาศการเมืองไทยในยุคปี 2535 ที่บรรดาพรรคการเมืองถูกประชาชนก่อกระแสกดดันอย่างหนัก

เกิดประเด็นร้อนแรงว่าด้วยพรรคเทพ และพรรคมาร!!

โดยสถานการณ์ครั้งนั้น พรรคที่ไปร่วมรัฐบาลเพื่อสนับสนุนหัวหน้ารัฐประหาร รสช.ขึ้นเป็นนายกฯ ถูกผู้คนป่าวประณามอย่างร้อนแรง ถึงขั้นเปรียบเป็นพรรคมาร

พร้อมกับสนับสนุนพรรคการเมืองที่ยืนหยัดเป็นฝ่ายค้าน ไม่เข้าร่วมรัฐบาลจากผู้นำกองทัพ เรียกเป็นพรรคเทพ

กระแสพรรคเทพและพรรคมาร เกิดขึ้นท่ามกลางความไม่พอใจต่อผู้นำกองทัพ ที่ก่อรัฐประหาร แล้วสุดท้ายเข้ามาเป็นนายกฯ เสียเอง จนนำไปสู่เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงใหญ่ กลายเป็นการนองเลือดพฤษภาทมิฬ ปี 2535

สุดท้ายรัฐบาลที่ประกอบด้วยพรรคมารดังกล่าวก็ต้องถึงจุดอวสาน ด้วยการประกาศลาออก

 

คาดกันว่า แม้ พล.อ.ประยุทธ์ยังเหนียวแน่นในเก้าอี้นายกฯ รัฐบาลยังอยู่อย่างมั่นคง โดยเครือข่ายอำนาจทั้งระบบยังคุ้มครองโอบอุ้ม แต่การอยู่ท่ามกลางความไม่พึงพอใจของประชานอย่างกว้างขวางเช่นนี้ จึงนับเป็นช่วงสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความเปราะบางอย่างมาก

ยังไม่รู้จะมีฟางเส้นสุดท้ายตกลงบนหลังอูฐเมื่อใด!?

เป็นที่จับตากันมากว่า ในเร็วๆ นี้พรรคฝ่ายค้านจะยื่นญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์แบบรายบุคคล และแบบมีการลงมติด้วย

จะเป็นจุดร้อนแรงทางการเมืองอีกครั้ง เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะไม่เหมือนทุกครั้ง

เนื่องจากประเด็นการอภิปรายคือ ความผิดพลาดในการจัดหาวัคซีนเพื่อแก้โควิด จนทำให้เศรษฐกิจทรุดหนัก ประชาชนยากลำบากไปทั่วบ้านทั่วเมือง ขณะที่การป่วยตายจากโรคระบาดถึงขั้นตายริมถนนกันแล้ว

จะเป็นการอภิปรายในเรื่องที่สอดคล้องกับความเดือดร้อนของคนทั้งประเทศอย่างแท้จริง

จึงเป็นไปได้ที่ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเกิดการเคลื่อนไหวของมวลชนในสังคม เพื่อกดดันการทำหน้าที่ของ ส.ส.ในสภา จนทำให้ ส.ส.พรรครัฐบาลยากลำบากที่สุด หากจะต้องคอยลุกขึ้นเตะถ่วงการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน หรือลุกขึ้นอภิปรายเพื่อแก้ต่างให้ พล.อ.ประยุทธ์

ไปจนถึงจะโดนสังคมกดดันอย่างหนัก ในขั้นตอนลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจ

ยิ่งทำให้ต้องนึกถึงบรรยากาศที่สังคมไทยเคยกดดันพรรคการเมืองอย่างร้อนแรงมาแล้ว เมื่อปี 2535 กระแสพรรคเทพและพรรคมาร อาจจะกลับมาอีกครั้ง

พรรคไหนที่จะถูกโจมตีว่าเป็นพรรคมาร จะแสดงท่าทีและจุดยืนอย่างไรในวันนั้น

โดยยังมองไม่เห็นว่า เมื่อไหร่รัฐบาลจะสามารถจัดหาวัคซีนคุณภาพสูงมาฉีดให้คนไทยได้กว้างขวาง จนตัวเลขคนติดเชื้อลดลง คนตายลดลง ไม่มีคนตายข้างถนน นอนตายในบ้านเพราะไม่มีเตียงโรงพยาบาลเพียงพอ ไปจนถึงคนฆ่าตัวตายด้วยพิษเศรษฐกิจที่ยังมองไม่เห็นแสงสว่างข้างหน้า

ถ้าเกิดกระแสพรรคเทพ-พรรคมารจริงๆ จะกอดคอกันไปอย่างไร!?