‘บิ๊กต่อ’ นำทีมลุยทุจริตคิวฉีดวัคซีน หลักฐานมัดคอมพ์สถานีกลางบางซื่อ สปีดผลงาน ดันส่งแต่งตั้งนายพล 64/โล่เงิน

โล่เงิน

 

‘บิ๊กต่อ’ นำทีมลุยทุจริตคิวฉีดวัคซีน

หลักฐานมัดคอมพ์สถานีกลางบางซื่อ

สปีดผลงาน ดันส่งแต่งตั้งนายพล 64

ภาพความแออัดของประชาชนที่มารอรับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 บริเวณประตู 4 ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ถูกเจ้าหน้าที่จับพิรุธความผิดปกติได้ นำมาสู่การสืบสวนขยายผลจนทราบว่าเป็น “ขบวนการทุจริตขายคิวฉีดวัคซีน”

เกี่ยวกับเรื่องนี้ พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง และผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนผ่านระบบซูม เล่าถึงกระบวนการทุจริตการจองคิวฉีดวัคซีนโควิด-19 สถานีกลางบางซื่อ ว่า พบความผิดปกติจากการเปิดให้ลงทะเบียนจองคิวฉีดล่วงหน้าผ่านค่ายมือถือและองค์กรขนาดใหญ่ ตั้งแต่ช่วงวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนมากกว่าที่เจ้าหน้าที่ของศูนย์ได้นำเข้าสู่ระบบฐานข้อมูล

โดยช่วงวันที่ 18-27 กรกฎาคม พบประมาณวันละ 10-20 คน มากสุด 50 คน

ส่วนช่วงวันที่ 28-31 กรกฎาคม พบการใส่ข้อมูลมาเพิ่มมากถึงวันละ 2 พันราย รวมประมาณ 7 พันกว่าราย

และยังพบการลงทะเบียนล่วงหน้าไปถึงวันที่ 8 สิงหาคม รวมแล้วประมาณเกือบหมื่นราย

ต่อมาทางศูนย์ได้งดรับการนัดล่วงหน้าจากองค์กรภายนอกเกือบทั้งหมด เหลือเพียงนัดวอล์กอินเป็นกลุ่มของกระทรวงการต่างประเทศที่ส่งรายชื่อชาวต่างชาติมาฉีดวันละไม่เกิน 400 คน ทำให้การอัพโหลดข้อมูลเสร็จตั้งแต่ช่วง 16.00-17.00 น.

แต่ยังพบการใส่ข้อมูลเพิ่มเติมที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ในช่วง 22.00 น.ของทุกวัน ในช่วงวันที่ 28-31 กรกฎาคม รวมแล้วประมาณ 7 พันคน จึงทำการตรวจสอบพบ 19 ยูสเซอร์เจ้าหน้าที่จิตอาสา เป็นผู้ลงข้อมูลนัดล่วงหน้าโดยทุจริต

ทำให้นางศิริลักษณ์ อุบลเหนือ รองผู้อำนวยการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ได้มาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจรถไฟนพวงศ์ ให้ดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเข้าไปแก้ไขข้อมูลการลงทะเบียนรับวัคซีนโดยมิชอบ เพื่อเรียกรับผลประโยชน์จากประชาชนที่มีความประสงค์รับวัคซีนโควิด-19 ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ

 

คดีนี้ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สั่งการให้ “บิ๊กเด่น” พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. “บิ๊กต่อ” พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. เร่งรัดเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีโดยเร็ว เพราะเป็นการฉกฉวยหาประโยชน์ในยามภาวะวิกฤต

และเนื่องจากเป็นเหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่ความรับผิดชอบ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ทำให้ผู้นำหน่วยอย่างบิ๊กต่อต้องออกแอ๊กชั่น หลังเงียบหายไปจากหน้าสื่อมาระยะหนึ่ง

โดย พล.ต.ท.ต่อศักดิ์เผยว่า ได้มอบหมายให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (บก.ปอท.) และกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ตั้งชุดทำงานสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้ ให้ พล.ต.ต.อนันต์ นานาสมบัติ ผบก.ปอท. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. เป็นหัวหน้าชุด และให้รายงานผลการสืบสวนผ่านทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) โดยเร็ว รวมทั้งให้กองบังคับการตำรวจรถไฟ (บก.รฟ.) ในฐานะเจ้าของพื้นที่ร่วมสอบสวนด้วย

เบื้องต้น ปอท.ได้ดำเนินการตรวจสอบทางเทคนิค พบว่ามีการลงทะเบียนนอกเวลาที่กำหนด จนนำมาสู่การขายสิทธิในราคา 500-1,000 บาทต่อคน

ต่อมา พล.ต.ต.ไพบูลย์ น้อยหุ่น รอง ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน เรียกประชุมคณะทำงาน อาทิ พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. พ.ต.อ.มนตรี เทศขัน รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วริศร์สิริภ์ ลีละสิริ รอง ผบก.อก.บช.ก. พ.ต.อ.อมรชัย ลีลาขจรจิตร ผกก.กลุ่มงานสนับสนุนเทคโนโลยี บก.ปอท. พ.ต.ท.ชนะเทพ สวนแก้ว สวญ.สรฟ.นพวงศ์ กก.1 บก.รฟ. เพื่อรวบรวมรายละเอียดข้อเท็จจริง เอกสาร คำให้การของผู้ที่เกี่ยวข้อง

ตลอดจนพยานหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่ได้จากการสืบสวนสอบสวน โดยจากข้อมูลของกรมการแพทย์และบริษัทที่เกี่ยวข้อง

 

หลังการประชุม พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษก ตร. บอกความคืบหน้าว่า พบความผิดปกติข้อมูลการลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 ในหลายส่วน

เช่น พบว่ามีการลงข้อมูลที่ผิดปกติในช่วงนอกวัน-เวลาทำการของเจ้าหน้าที่ (หลังเวลา 20.00 น.) ซึ่งการลงข้อมูลจะต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ติดตั้งโปรแกรมเฉพาะของกรมการแพทย์ ซึ่งตั้งอยู่ ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อเท่านั้น และพบว่ามีการลงข้อมูลจำนวนมากในวันและเวลาเดียวกันทั้งหมด อีกทั้งพบว่ามีการแก้ไขข้อมูลบัญชีผู้ใช้ในการลงทะเบียนฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นต้น

ทั้งนี้ คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนจะได้นำข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ไปตรวจสอบ และเรียกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาทำการสอบสวน เพื่อหาตัวกลุ่มบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

โดยหากบุคคลใดได้รับการติดต่อให้มาพบพนักงานสอบสวน ขอให้มาพบตามที่นัดหมาย พร้อมทั้งนำพยานหลักฐานหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าวมามอบให้พนักงานสอบสวนด้วย

รองโฆษก ตร.กล่าวอีกว่า ผบ.ตร.ได้กำชับให้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายด้วยความรอบคอบ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกรายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน ว่าจะได้รับความเท่าเทียมในการรับวัคซีนโควิด-19 ต่อไป

คดี “ทุจริตขายคิวฉีดวัคซีน” มาเกิดขึ้นในช่วงใกล้แต่งตั้งนายพลสีกากีวาระประจำปี 2564 คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนหลายคนมีชื่อติดโผ ลุ้นที่จะได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายไปอยู่เก้าอี้สำคัญ รวมไปถึง พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ หัวเรือใหญ่ บช.ก. ที่คาดว่าจะขยับขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร.

ทั้งหมดคงต้องเร่งคลี่คลายคดีนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษตามกฎหมาย เพื่อให้ผลงานเป็นแรงส่งได้นั่งเก้าอี้ที่หวังไว้