เปิดใจ ไฮโซลูกนัท อดีตนกหวีด ขอโทษทุกคนที่ทำให้มีวันนี้ จะขอสู้เต็มที่ยกเลิก 112! – ไล่ประยุทธ์

“สำหรับคนที่ยังเป็นสลิ่ม ขอให้คุณมีความสุขในช่วงที่คุณมีได้ เพราะว่ามันอีกไม่นานแล้ว วันนี้ผมอยู่ตรงนี้ มันมีเหตุผลที่ว่าทำไมผมถึงต้องมาอยู่ตรงนี้ คุณควรจะมองผมและก็คิดถึงตัวเองว่าคุณจะทำแบบผมหรือไม่ แล้วผมบอกเลย ยิ่งนานไปมันจะยิ่งยาก ถ้ามันเกินจุดหนึ่งไปแล้ว พวกคุณจะไม่มีโอกาสกลับตัว ผมก็ไม่รู้ว่าถึงวันนั้นพวกคุณจะอยู่ในสังคมยังไง เพราะผมมั่นใจว่าสุดท้ายแล้วประชาธิปไตยชนะแน่นอน!” คือความในใจธนัตถ์ ธนากิจอำนวย (ลูกนัท) อดีต กปปส. และอดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม. ปชป. ที่ประกาศจุดยืนชัดว่าจะขอร่วมต่อสู้กับฝ่ายประชาธิปไตย

เขาเปิดใจเล่าหลายเรื่องกับมติชนสุดสัปดาห์

จุดเริ่มต้น

ผมมีกัลยาณมิตรที่ลึกๆ เขารู้ว่า ผมอยากออกไปมีส่วนร่วม อยากออกมาช่วยไล่รัฐบาลประยุทธ์ แต่ไม่รู้จะทำยังไงเพราะคงไม่ได้รับการต้อนรับ หลายๆ คนในม็อบก็คงมองว่าผมเคยเป็นศัตรู เขาก็เลยมาจุดประกายว่า ให้ลองขอโทษดูไหม จริงๆ จากใจ ขอโทษทุกคนสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา

ถ้าเขาให้โอกาสซึ่งคงไม่ง่ายและต้องใช้เวลานาน แต่บางคนอาจจะใจอ่อนเร็ว

แต่ที่ผ่านมาก็ได้รับโอกาสจากพี่หนูหริ่ง บก.ลายจุด สมบัติ บุญงามอนงค์ ที่ให้ไปร่วมกับคาร์ม็อบ จากจุดนั้นผมเองก็ได้รู้จักอีกหลายๆ คนในคลับเฮาส์ เราก็เริ่มจะเข้าหากลุ่มคนเยอะๆ แล้วก็คิดว่าจะขอโทษพวกเขาอย่างไรดี ผมมีความรู้สึกว่าอยากจะทำมานานแล้ว

สำหรับคนที่ยังไม่ได้กล้าแสดงออกและที่ติดตามผมอยู่ หรือคนที่อยู่ในสถานะใกล้เคียงกับผม อาจจะเคยเป็นผู้ร่วมชุมนุมกับ กปปส.มาก่อน หรือจะเรียกว่าเป็นสลิ่มกลับใจ อยากให้ลองมองสิ่งที่ผมทำ ผมพยายามอธิบายตัวเอง ขอโอกาสด้วยความจริงใจ สำหรับคนที่อยู่ในสถานะใกล้เคียงกับผมที่รู้สึกว่าอยากจะออกมาต่อสู้กับความอยุติธรรม

วันนี้มันมีโอกาสจริงๆ แม้ว่ามันจะไม่ง่าย ทุกคนก็พร้อมจะเปิดรับ ถ้าเขารู้สึกได้ถึงความจริงใจ หากมีโอกาสให้ขอโทษ ถ้าเราสำนึกผิดจริงมันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีทั้งนั้น

สิ่งที่ไม่โอเคกับรัฐบาล

อย่างแรกตัว พล.อ.ประยุทธ์บริหารงานที่ขาดวิสัยทัศน์นานแล้ว แถมพัฒนาการน้อยนิดมากๆ การที่นายกฯ อยู่มานานขนาดนี้ควรจะต้องรู้ดีกว่านี้ว่าอะไรคืออะไร ที่สำคัญที่สุดควรจะต้องรู้ใจประชาชน รับฟังเสียงประชาชน เราควรจะต้องมีหัวหน้ารัฐบาลที่ดีกว่านี้จริงๆ ตอนนี้บรรทัดฐานของคำว่าผู้นำที่ดีมีความสามารถ มันต่ำไปแล้วมากๆ มันถึงขั้นว่าใครมาเป็นก็ได้แล้วก็ดีกว่า

มันเป็นการสร้างความสิ้นหวังให้กับประชาชนอย่างมาก

อีกประเด็นคือ Put the right man on the right Job มันเป็นหลักการที่ง่ายมากๆ ขนาดเด็กประถมก็น่าจะเข้าใจ แต่รัฐบาลนี้ไม่ใช่เลย ดูอย่างการตั้ง ครม. รัฐมนตรีแบบจัดสรรผลประโยชน์ มันไม่ได้เป็นการช่วยอะไรประชาชน มันเป็นการช่วยนักการเมืองด้วยกันเอง

อีกเรื่องคือที่มา ส.ว. 250 นี่คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของที่สุดในระบอบประชาธิปไตย ในรัฐธรรมนูญที่อำนาจในการเลือกไม่ได้มาจากประชาชน

การบริหารความสัมพันธ์คนรอบตัว

ตอนแรกผมพยายามประนีประนอมกับทุกคน อย่างเรื่อง 112 ผมก็อยากรู้สึกว่าอยากมีพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยเรื่องการปฏิรูปให้ดีขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้สถานะความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันและประชาชนดีขึ้น

พูดจริงๆ สิ่งเหล่านี้มาจากผมอยากให้กลุ่มอนุรักษนิยมเข้าใจ อดีตในช่วงเวลาหนึ่งทุกท่านชื่นชมผม ทุกคนน่าจะรู้ว่าผมมีเจตนาที่หวังดีแล้วก็เป็นความหวังดีจริงๆ ผมอยากให้ทุกคนอยู่ในสังคมที่ยุติธรรม

คำว่าการปฏิรูปเพื่อสิ่งที่ดีขึ้น ผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นปัญหา

สำหรับจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมอยากเคลื่อนไหวเรื่องแก้ไขมาตรา 112 มาจากเสียงของประชาชนใน Social Media ในการ Lock Down สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้น คือมันทำให้เสียงของประชาชนดังขึ้น

สังคมเราเผด็จการทหารพยายามจะกดคนรุ่นใหม่ไว้ คนรุ่นใหม่ก็ดันขึ้นมา สุดท้ายมันก็จะปะทุ แล้ววันนี้ผมอยากให้อุณหภูมิมันลดลงมาหน่อย มันไม่จำเป็นจะต้องปะทุ มันควรจะต้องหาเซฟโซนที่คุยกันได้

แต่ฝั่งที่ถืออำนาจไว้ไม่ยอม

จุดนี้เองทำให้ชีวิตผมก็ต้องเลือกว่า ผมจะเหมือนเดิมกินดีอยู่สบายไปแต่ชีวิตไม่มีคุณค่า ผมไม่เอา ผมเองไม่ใช่นักการเมืองในสภา แต่การเมืองสำหรับผมนั้นไม่ใช่คนมีตำแหน่ง แต่เป็นคนที่เคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อประชาชนก็ได้ และผมเองอยากทำสิ่งนี้อยู่ สุดท้ายผมก็เลยต้องเลือก

แล้วก็หวังว่าสิ่งนี้จะได้เป็นบรรทัดฐานว่าคนอื่นไม่ต้องมาเลือกแบบผม

ตัดสินใจมายืนตรงนี้

แน่นอนว่าจะมีก้อนหินและดอกไม้

จากทั้งสองฝ่าย

เรื่องง่ายๆ ไม่เคยสำคัญ เรื่องสำคัญไม่เคยง่าย ผมก็ต้องรับแรงกดดันจากทุกฝ่ายให้ได้ ผมมองว่าสกิลที่ผมอยู่พรรคประชาธิปัตย์มานานเป็นส่วนสำคัญต้องชินกับการโดนซัดจากทุกฝ่าย ซึ่งการเป็นนักการเมือง เราต้องรับฟังเสียงประชาชน รับแรงกดดันให้ได้

วิธีบริหารจิตใจผมในเรื่องนี้ไม่มีอะไรเลย ก็แค่ทำผิดก็ยอมรับ ขอโทษ หลายคนก็พูดกับผมตรงๆ ว่าวันนี้เขาไม่ให้อภัยผมนะ เขาจะขอดูไปเรื่อยๆ ฝ่ายประชาธิปไตยไม่เคยตัดโอกาสในคำว่าให้หรือให้อภัย และเมื่อเขาสบายใจก็จะเลือกที่จะให้อภัยในทันที บางคนก็สงสัยแล้วถามคำถาม 2-3 อย่างแล้วก็เลือกที่จะให้อภัยแล้ว ผมก็อยากจะขอบคุณ

ผมตั้งใจทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อเป็นการไถ่โทษและขอโทษประชาชนในการเข้ามามีส่วนร่วมที่ทำให้สุดท้ายแล้วเรามีรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารที่อยู่นานแล้วไม่ไปเสียที แล้วก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย เรียกว่าต้องรับกรรมในสิ่งที่ตัวเองก่อ แล้วก็จะต้องขอรับผิดไว้ตรงนี้

ส่วนใครที่เป็นสลิ่มมาก่อน แล้วกลัวจะรับแรงเสียดทานไม่ไหว ก็อยากให้ทั้งหมดมาลงที่ผม

ส่วนพวกท่านก็ไปช่วยพี่น้องประชาชนเรียกร้องก่อน

 

อนาคตทางการเมือง

ถ้าวันหนึ่งไอติมได้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผมก็อยากอยู่พรรคนะ แต่ตอนนี้พูดตรงๆ ว่าผมไม่ได้อยากวางแผนอะไร ผมคิดว่าการเคลื่อนไหวของผมครั้งนี้ การออกมาโพสต์ออกมาทำทุกอย่างแบบนี้ ผมอยู่ในคลับเฮาส์แทบจะ 24 ชั่วโมง ออกมาโพสต์ ออกมาให้สัมภาษณ์ หากสุดท้ายไม่กี่เดือนผมกลับไปหาเสียงเลือกตั้ง มันจะดูทุเรศมากเลย คนก็จะคิดว่า สรุปแล้วที่ผมทำทั้งหมดนี้เป็นการหาเสียง หาที่ยืน หากลุ่ม Voter ใหม่ๆ มันก็จะกลายเป็นว่าที่ผมทำมาทั้งหมดมันเฟก

อย่างไรก็ตาม ผมเองไม่มีความเชื่อมั่นในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ผมไม่อยากให้ความชอบธรรมในฉบับนี้ มันจะน่าเสียดายมากถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้าเรายังติดกับอยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ แล้วชีวิตนี้คงไม่กล้าไปเรียกใครให้บอยคอตการเลือกตั้งอีกแล้ว

ผมก็กราบขออภัยในอดีต ทุกวันนี้อย่าถามว่าผมมีแผนการว่ายังไง ต้องถามว่าวันนี้มีพรรคการเมืองไหนรับผมไว้บ้างหรือเปล่า

ผมมั่นใจว่าตอนนี้ไม่มีใครเอาหรอก

เพราะฉะนั้น อนาคตทางการเมืองในวันนี้คือขอยืนอยู่ข้างประชาชนฝ่ายประชาธิปไตย เพื่อช่วยกันเรียกร้องประชาธิปไตยอันแท้จริงที่ชอบธรรม แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะนอนหลับสบาย

จนกระทั่งวันหนึ่งจะมีใครเห็นคุณค่า ถ้ามองว่าผมเป็น asset สำหรับเขา อยากจะให้โอกาสเข้ามาพูดคุยเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งในนามของพรรคการเมืองนั้นๆ ผมก็ยินดีคุย ตอนนี้ผมไม่อยากจะวิ่งไปขอร้องให้ไปลงสมัครที่ไหน ตอนนี้ผมอยากจะขอพิสูจน์ตัวเองกับประชาชน ในระบอบประชาธิปไตยก่อน

ตอนแรกผมเคยมีแผนการว่าจะล่ารายชื่อไปคุยกับคนในสมาชิก ปชป. เพราะก่อนหน้านี้เขาภูมิใจมากในการสร้างระบบการหยั่งเสียงภายใน ทำไพรมารีโหวต มีการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค เป็นพรรคที่ภูมิใจว่าเป็นพรรคแรก ผมคิดว่าระบบนี้สามารถปรับเอามาใช้ได้ในการหยั่งเสี่ยงสมาชิกพรรคว่าจะให้อยู่หรือไปในการร่วมรัฐบาล แต่ว่าคงใช้เวลาอีกนานกว่าจะเสร็จอีกหลายเดือน ป่านนั้นคงจะยุบสภาไปแล้ว

แต่ส่วนตัวผมคิดว่าไม่มีอะไรที่สายเกินไปในการที่จะยืนอยู่ข้างประชาชน รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ด้วย

 

บทเรียน-ราคาที่ต้องจ่าย

ตลอดการเคลื่อนไหวที่ผ่านมา อย่างน้อยๆ ก็เป็นค่าโง่ที่ผมต้องเสีย ผมก็รู้ดีขึ้นแล้ว สิ่งที่ผมต้องเสียไปก็คือเสียเวลา แต่มันยังไม่เท่ากับวัยรุ่นที่เขาเสียช่วงเวลาในชีวิตเพราะว่ามีรัฐบาลที่มีการบริหารจัดการอย่างผิดพลาด ทำให้คุณภาพชีวิตที่ต้องทนอยู่กับรัฐบาลเผด็จการทหาร

ตัวผมเองอาจจะเสียน้อยกว่าคนอื่นๆ เพราะฉะนั้น ตัวผมจึงต้องเข้าใจอย่างยิ่งและผมไม่มีสิทธิ์โกรธใครเลยที่เขาจะโกรธจะเกลียดจะแค้นผมมาก เพราะกลุ่มคนที่ผมเคยไปร่วมด้วยทำให้พวกเขาต้องเสียโอกาสหลายอย่างในชีวิต มันเป็นราคาที่ผมเสียไปเป็นค่าโง่ แต่คนอื่นเขาไม่ได้โง่ด้วย ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เขาต้องมาเสียราคานี้ ทั้งที่เขาไม่ได้มีต้นทุนในชีวิตที่เสียได้มากขนาดนั้น

ตรงนี้ก็ต้องบอกว่ารู้สึกผิดจากใจจริง แล้วก็พยายามจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะแก้ไขสิ่งนี้ ส่วนตัวคิดว่าต่อจากนี้ต้องเดินสายขอโทษ เดินสายสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าขอร้องให้ผมได้ร่วมเคียงข้างทุกท่านในการเรียกร้องประชาธิปไตยกับพวกท่านดีกว่า

หลายคนบอกผมแล้วว่าราคาหลังจากนี้จะสูงขึ้น ผมจะรับได้หรือ ก็ต้องรับให้ได้เพราะผมทำระยำตำบอนกับพวกท่านไว้มาก ผมก็ต้องพิสูจน์ให้มาก

สำหรับบรรดาแกนนำผู้ใหญ่ใน กปปส. ผมไม่เสียดายความสัมพันธ์ เพราะมันไม่ใช่มิตรภาพที่ดีตั้งแต่แรก ผมไม่รู้สึกเสียดายอะไร คนที่เป็นเพื่อนสนิทผมที่ตอนเป็น กปปส.ทุกวันนี้ก็ย้ายมาอยู่ฝั่งประชาธิปไตยหมดแล้ว

ส่วนใครก็ตามไม่ว่าจะเป็นแกนนำคนไหนที่เมื่อก่อนเป็นผู้ใหญ่ที่เราเคารพ ทุกวันนี้มันชัดเจนแล้วว่ามันไม่ใช่มิตรภาพที่ดี ก็ไม่รู้สึกเสียดาย วันที่เขาเคยกล่าวหาคุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ คุณจตุพร พรหมพันธุ์ ว่าสู้แล้วรวย แล้วยังไง สุดท้ายแล้วพวกคุณก็สู้แล้วกลับไปเป็นรัฐมนตรี

เพราะฉะนั้น คนพวกนี้ไม่มีราคาสำหรับผมอีกต่อไป แล้วก็ไม่มีราคามานานแล้ว!

ชมคลิปเปิดใจเต็มๆ