โควิดกลายพันธุ์…อยากอยู่ยาว อย่าหวังรัฐ…ต้องร่วมสู้กันเอง โควิดอาจอยู่กับเราอีก 100 ปี/หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว มุกดา สุวรรณชาติ

มุกดา สุวรรณชาติ

หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว

มุกดา สุวรรณชาติ

 

โควิดกลายพันธุ์…อยากอยู่ยาว

อย่าหวังรัฐ…ต้องร่วมสู้กันเอง

โควิดอาจอยู่กับเราอีก 100 ปี

 

ต้องยอมรับกันว่า โรคระบาดโควิด-19 ได้กลายพันธุ์เป็นเชื้อที่รุนแรงและเร็วขึ้น การระบาดในระดับ pandemic ไม่ใช่แค่กระจายไปทั่วโลก แต่กระจายลงในระดับพื้นที่ย่อยๆ ในระดับประเทศของเรา ยังไม่มีข้อมูลว่ามีอำเภอใด หรือตำบลใด ที่ไม่มีผู้ติดเชื้อ

ความจริงที่ว่าโควิดจะอยู่กับเราไปอีกนาน ไข้หวัดสเปนที่ระบาดเมื่อ 2461 มีคนป่วย 2.3 ล้าน จากประชากรสมัยนั้น 8.5 ล้าน เสียชีวิต 80,000 แม้ 103 ปีผ่านไป แต่ไข้หวัดนี้ยังคงอยู่กับเรา

โควิดก็เช่นกัน จะนานอีกกี่ปี และจะกลายพันธุ์ร้ายแรงแค่ไหนก็ไม่รู้

ดังนั้น การต่อสู้ในวันนี้และอนาคต ไม่เพียงเพื่อตัวเองและครอบครัวรอดตาย ยังจะต้องคิดถึงทั้งสังคมที่คนจะดำรงชีวิตอยู่และทำมาหากินอย่างไร

ดูจากสถานการณ์ที่ยังหนักอยู่ของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า เวียดนาม ฟิลิปปินส์ ยิ่งต้องกังวลเพราะฝีมือบริหารและการกำหนดยุทธศาสตร์ของคณะผู้นำประเทศไทย ที่เริ่มต้นก็คิดจะฉีดวัคซีนให้ครบตามแผนในปี 2565 ซึ่งช้ามาก

พอรู้ว่าพลาดก็เร่งหาวัคซีน แต่ไม่ทันตามแผนใหม่ แถมยังก้าวไม่ทันวิทยาการในการสู้โรคระบาด

วันนี้หลายประเทศจองวัคซีนใหม่เตรียมตั้งรับการกลายพันธุ์ของโควิดในอนาคต

ของเราแค่ mRNA ยังต้องคอยของบริจาค พอเข้ามาก็ต้องแย่งกัน

ฝีมือบริหารแบบนี้แถมวิจารณ์ไม่ได้ เราจะพากันตายหมด

สิ่งที่เราจะต้องเรียกร้อง

กดดันให้รัฐบาลทำอย่างเร่งด่วน

 

ปรับงบประมาณ 3 ปีต่อเนื่อง มุ่งที่จะแก้ปัญหาโควิดและปากท้องประชาชน

ลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นทั้งอาวุธ โครงการอวกาศ การก่อสร้างขนาดใหญ่ที่ไม่เร่งด่วน

ปรับมาเป็นงบประมาณด้านสาธารณสุข และเศรษฐกิจ โครงการยา สมุนไพร เครื่องมือแพทย์ อาหาร

 

สกัดเส้นทางการระบาดจากภายนอก

อย่างที่เคยเขียนไปแล้วว่า Covid สายพันธุ์เดลต้าจากอินเดีย แพร่เข้าสู่บังกลาเทศ แล้วก็เข้าสู่ประเทศพม่าซึ่งชายแดนติดต่อกัน จากนั้นจึงแพร่เข้าสู่ประเทศไทย

ดังนั้น แนวชายแดนพม่า-ไทยซึ่งยาว 2,401 กิโลเมตร ตั้งแต่เชียงรายถึงระนอง จึงเป็นแนวธรรมชาติที่จะทำให้การระบาดข้ามแดนมาได้

รัฐบาลจะต้องควบคุมอย่างเข้มแข็ง เพราะขณะนี้มีภาวะสงครามภายในพม่า ระหว่างรัฐบาลเผด็จการทหารกับประชาชนและชาติพันธุ์ต่างๆ ดังนั้น ความสนใจจะดูแลเรื่องสาธารณสุขน้อยลงมาก ตัวเลขผู้ติดเชื้อไม่สามารถนับได้ แต่สังเกตจากตัวเลขคนเสียชีวิตที่มีเกือบ 400 ต่อวัน แสดงว่ามีการระบาดหนักมาก

เมื่อมีสงคราม ทำมาหากินก็ยากลำบาก โรคระบาดก็กำลังคร่าชีวิต การอพยพของคนที่จะข้ามแดนมายังประเทศไทยจะมีจำนวนมาก ถ้ามีคนหลบหนีเข้าเมืองมาได้ เขาไม่มีทางเลือก นอกจากไปเป็นแรงงานรับจ้าง ตามที่ก่อสร้าง หรือตามตลาดต่างๆ แม้ช่วงหลังมานี้จะไม่มีงานให้ทำ

รัฐบาลจะต้องควบคุมมิให้มีการจ้างแรงงานผิดกฎหมาย ในช่วงนี้ เมื่อพวกเขารู้ว่าเข้ามาในเมืองก็ไม่มีงานทำ การดิ้นรนหนีเข้ามาทำงานในเมืองใหญ่จะน้อยลง

แต่รัฐบาลจะต้องหาทางให้สหประชาชาติมาช่วยเหลือที่ชายแดน เพราะจะมีผู้ลี้ภัยมากมายมหาศาลแน่นอน ซึ่งจะต้องช่วยเรื่องที่พักอาศัย การฉีดวัคซีน การรักษาพยาบาล ต้องหยุดไว้ที่ชายแดนให้ได้

กำลังทหารที่มีจำนวนมากควรจะนำมาใช้ร่วมกับองค์กรอื่นๆ เพื่อการจัดระเบียบตามแนวชายแดนเหล่านี้

 

สกัดเส้นทางการระบาดภายใน ผ่านคนและสินค้า

การระบาดครั้งหลังนี้ที่แพร่กระจายไปได้ทั่ว การระบาดจากแหล่งขายส่งอาหาร เช่น ตลาดไทและตลาดขายส่งใหญ่ๆ เป็นต้นเหตุ

ยกตัวอย่าง ตลาดไทวันที่ 10 มิถุนายน 2564 ผู้ติดเชื้อกว่า 200 คน แม้พยายามควบคุม แต่ก็ยังมีการระบาดเพิ่มถึงวันที่ 10 กรกฎาคม มีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 800 คน พอไปถึงวันที่ 15 กรกฎาคม พบว่ามีถึง 3,240 คน

ระยะเวลา 1 เดือนกว่านี้ มีผู้ที่เข้า-ออกจากตลาดเป็นแสนคนกระจายไปทั่วทุกจังหวัด คนที่ไม่พบเชื้อ เพราะไม่ได้ตรวจเชื้อ และไม่ได้แสดงอาการกลายเป็นพาหะนำโรค กระจายไปทั่วประเทศ ไปทั่วทุกตลาดใน กทม.และปริมณฑล

ดังนั้น ในเดือนกรกฎาคมเราจึงพบการระบาดอย่างมากมายเพราะคนค้าขายรับของจากตลาดทั้งตลาดใหญ่ ส่งไปตลาดเล็ก ไปขายในร้านย่อยและไปประกอบอาหารเพื่อขายในร้านอาหาร และในโรงอาหารของโรงงาน รวมทั้งของร้านค้าทั่วไป ถ้าสกัดเส้นทางนี้ไม่ได้ การระบาดจะยังคงขยายต่อ

สิ่งที่จำเป็นขณะนี้คือชุดตรวจโควิดจำนวนมากกว่า 100 ล้านชุด ควรจะมีขายในราคาถูก หรือแจกฟรี เพื่อจะได้รู้ทิศทางการระบาด จำนวนคน สถานที่อันตราย ใช้แยกคนติดเชื้อได้ สกัดการระบาดได้ตรงจุด

 

ต้องให้วัคซีนป้องกันที่เหมาะสม

กับบุคลากรที่อยู่ด่านหน้าทุกคน

จะต้องไม่มีข้อแม้ใดๆ ไม่เพียงแพทย์ พยาบาล แต่ต้องให้บุคลากรทั้งหมดที่ทำงานในโรงพยาบาล เพราะมีอัตราเสี่ยงสูงทั้งสิ้น

ดังนั้น เขาควรจะได้รับวัคซีนที่ดีที่สุดในการป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งยามประตู คนขับรถ แม่บ้าน คนเก็บขยะ คนทำความสะอาด ล้วนแล้วแต่มีอัตราเสี่ยงต่อการติดโรคและแพร่เชื้อได้ทั้งนั้น

และทุกชีวิตก็เป็นกำลังหลักของครอบครัว ถ้าจะต้องใช้วัคซีนอย่างดีกับคนเหล่านี้เป็นล้าน Dose ก็ต้องให้

นอกจากนี้ บุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ เช่น รถขนส่งคนป่วย หรือที่เกี่ยวข้องกับการฌาปนกิจศพก็ต้องจัดให้

ประโยชน์และค่าตอบแทนของบุคลากรด่านหน้าต้องเพิ่มขึ้นให้คุ้มความเหนื่อยและความเสี่ยง เมื่อเปรียบเทียบกับการตอบแทนการทำงานในพื้นที่เสี่ยง ที่โรงพยาบาลหนักกว่า

ขนาดคนมีชื่อว่าไปช่วยงาน กอ.รมน. แต่ไม่เสี่ยง ยังให้ประโยชน์ตอบแทนเพิ่ม

 

การให้วัคซีนต้องจัดลำดับ ผู้ป่วยจึงจะลดลง

ต้องจัดให้กับผู้ที่มีปัญหาโรคร้ายแรงและผู้สูงอายุก่อน ซึ่งควรมีการจัดการเป็นลำดับความแข็งแรง คนอายุ 70-80 กับ 50-60 ก็ยังมีความแตกต่าง ยิ่งอายุน้อยแม้ติดเชื้ออาจไม่ล้มป่วย

เพื่อป้องกันการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยอาการหนัก จึงจำเป็นจะต้องจัดลำดับให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้มีคนป่วยมาก มิฉะนั้นทั้งเตียงและบุคลากร เครื่องมือแพทย์จะไม่พอ การเสียชีวิตก็จะมีมากขึ้นโดยไม่จำเป็น

บทเรียนให้ดูอัตราการตายของอินโดนีเซียกับประเทศที่เจริญแล้วและมีระบบรักษาเพียงพอจะเห็นว่า คนติดเชื้อหลายหมื่นต่อวัน เสียชีวิตเพียงหลัก 50-70 คน

ในขณะที่อินโดนีเซียมีคนติดเชื้อหลายหมื่น แต่เสียชีวิตวันละ 1,600-1,800 คน

 

กระจายอำนาจการจัดหาไปให้เอกชน

สิ่งจำเป็นในการสู้กับโรค เช่น วัคซีน ยา และอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็น ถ้าหากรัฐบาลทำการจัดหาได้ไม่คล่องตัว ก็ควรให้เอกชนจัดการ แบ่งเบาภาระ แต่เรื่องการนำเข้าวัคซีน อุปกรณ์ในการตรวจเชื้อ หน้ากาก เครื่องมือแพทย์ต่างๆ ยารักษาโรคที่จำเป็นสำหรับโรคระบาด การเปิดให้มีการผลิตยาสมุนไพร ถ้าทำได้ควรมีการยกเว้นภาษีในการนำเข้าอุปกรณ์เหล่านี้ถูกที่สุด เพื่อจะทำให้มีราคาถูกที่สุด กระจายไปมากที่สุด

รัฐบาลควรทำเพียงควบคุมคุณภาพและมาตรฐานสินค้าไม่ให้มีของปลอมและของคุณภาพต่ำเข้ามาขาย ทั้งยังสามารถควบคุมไม่ให้ราคาสูงเกินไป แต่โดยธรรมชาติถ้าของไม่ขาดแคลน ก็จะมีการแข่งขันกันอยู่แล้ว

สมัยก่อนโทรศัพท์มีการผูกขาดโดยรัฐวิสาหกิจ แต่เมื่อให้เอกชนแข่งขันกัน โทรศัพท์ก็กระจายไปสู่ประชาชน

จากการที่จำนวนครัวเรือนมีโทรศัพท์ไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ กลายเป็น 95 เปอร์เซ็นต์

 

สิ่งที่ประชาชนต้องช่วยกันเอง

นอกจากเรื่องดูแลสุขภาพทั้งเรื่องใส่หน้ากาก ล้างมือ การพยายามอยู่ในบ้าน แต่สุดท้ายก็ต้องมีการกินการอยู่ที่สำคัญ คือการจับจ่ายซื้ออาหาร ต้องคิดว่าตลาดอาจจะถูกปิดได้ทุกเมื่อ ถึงอย่างไรเรื่องอาหารนี้เราคงจำเป็นต้องกิน ถ้าเราจะป้องกันการขาดแคลน สิ่งที่ทำได้โดยเฉพาะคนต่างจังหวัด ที่พอมีพื้นที่คือพยายามปลูกผักปลูกสมุนไพรแบบผักสวนครัว แม้ตลาดต้องปิดในอนาคตก็ยังพอมีของกิน และสามารถเปิดการซื้อ-ขายกันในสังคมเล็กๆ ตามหมู่บ้านหรือตำบล เมื่อการขนสินค้าข้ามเขตน้อย การระบาดก็น้อยลง

ส่วนการปลูกสมุนไพรที่จำเป็น ฟ้าทะลายโจร ขิง กระชาย เหล่านี้แม้ในยามที่ยาขาดแคลน ก็ยังพอเอามาประทังกันไปได้ ถ้ามีมากก็ขายได้

การดูแลช่วยเหลือกันในชุมชนจะต้องมีความร่วมมือของ อบจ. เทศบาล และ อบต. เจ้าหน้าที่ อสม. รวมกำลังคนในหมู่บ้าน เพื่อที่จะจัดพื้นที่รองรับกรณีมีคนป่วย เพราะรัฐบาลได้ประกาศมาแล้วว่าไม่มีเตียงรองรับอีกแล้ว

การมีโฮมไอโซเลชั่น บ้านบางแห่งอาจทำได้ เช่น บ้านมีหลายห้องนอน บ้านที่เป็นตึกแถวหลายชั้น แต่ก็จะมีบ้านขนาดเล็กที่มีคนอาศัยอยู่จำนวนมากไม่สามารถทำได้

ดังนั้น การพึ่งพากันในท้องถิ่น เป็นเรื่องจำเป็น แต่จะทำจากบ้านคนที่ไม่มีใครอยู่อาศัย วัด โรงเรียน ศาลาอเนกประสงค์ หอประชุม ก็ต้องแล้วแต่ละท้องถิ่น การดูแลผ่าน อสม.และประสานกับแพทย์ประจำถิ่น น่าจะทำให้พอรอดผ่านไปได้

ต้องเข้าใจว่าตอนนี้เราไม่สามารถพึ่งพาระบบโรงพยาบาลเหมือนเดิม การช่วยตนเองของท้องถิ่นและชุมชนจึงเป็นเรื่องสำคัญ การเสียสละพื้นที่หรืออาคารของคนในท้องถิ่น จะสามารถช่วยชีวิตคนได้

การประสบชะตากรรมร่วมกันในครั้งนี้ ต้องการความร่วมมือของคนทั้งโลก มิฉะนั้นจะไม่สามารถหยุดยั้งการระบาดของโรคได้ มีหลายเรื่องที่ประเทศเราอาจจะทำไม่ได้ทันการ ต้องพึ่งพาความสามารถของต่างชาติ และมีเรื่องที่เราทำเองได้ บางเรื่องพึ่งพารัฐบาลไม่ได้ แต่เราก็สามารถพึ่งพาชุมชนท้องถิ่น ช่วยกันในครอบครัวหรือในหมู่บ้าน

ขณะนี้เราต้องทำพร้อมกันหลายอย่างคือ 1.หาผู้บริหารที่เก่ง เข้าใจและสนใจประชาชน… 2.ช่วยกันกดดันให้รัฐทำงานจำเป็นเร่งด่วน… 3.ช่วยชุมชนย่อยๆ ด้วยกำลังท้องถิ่น และกำลังเอกชน… 4.ช่วยตนเองและครอบครัวด้วยการเตรียมพร้อม