เครื่องเคียงข้างจอ/เมื่อดวงดาวร่วงกราวจากฟากฟ้า

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

เมื่อดวงดาวร่วงกราวจากฟากฟ้า

ในช่วงสัปดาห์กว่าๆ ที่ผ่านมานั้น วงการบันเทิงไทยได้สูญเสียบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปติดๆ กันถึง 6 คนด้วยกัน

เริ่มจาก ป้าอี๊ด-สินีนาฏ โพธิเวส ตามมาด้วย พี่ติ่ง-พิมพ์พรรณ บูรณะพิมพ์ แล้วก็มาถึงคิวของร็อกเกอร์หญิงเมืองไทย แหวน-ฐิติมา สุตสุนทร ตามด้วยสมาชิกวงไฮร็อค คือ เต้ย มือกลองของวง

วันรุ่งขึ้นก็มีนักแสดงตลกหญิง แวว จ๊กมก และดารารุ่นใหญ่ ชุมพร เทพพิทักษ์

ก่อนอื่นขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้วายชนม์ทั้ง 6 ท่าน

และนี่คือสิ่งที่บ่งบอกถึงสัจธรรมแห่งชีวิตโดยแท้

ในจำนวน 6 ท่านนี้ที่ผมได้มีโอกาสใกล้ชิดมากหน่อยก็จะมี อาเดียร์-ชุมพร และ แหวน-ฐิติมา สุตสุนทร

สำหรับ “ป้าอี๊ด-สินีนาฏ” นั้นได้เคยร่วมงานอยู่ 2 ครั้ง ซึ่งเป็นงานของมูลนิธินักแสดงอาวุโสทั้งสองงานที่เจเอสแอล ได้มีโอกาสร่วมสร้างสรรค์ ป้าอี๊ดมาร่วมขึ้นเวทีแสดงด้วยอย่างน่ารักน่าเคารพ

ไม่ต้องพูดถึงฝีไม้ลายมือ บทอาม่าที่มากสีสันในซิตคอมอายุยาวอย่าง เฮง เฮง เฮง คงพิสูจน์ได้ดี แต่ที่น่ารักและน่าเคารพคือสปิริตของนักแสดงรุ่นใหญ่อย่างป้าอี๊ด ที่ไม่เกี่ยงงอนในการแสดงเลย เล่นเต็มบท ใส่ความสนุกเต็มที่ เฮฮาไปกับลูกหลานบนเวทีได้อย่างไม่เคอะเขิน

ส่วน “พี่ติ่ง” นั้น ไม่มีโอกาสได้ร่วมงานกันเลย แต่ก็ทราบจากพี่น้องในวงการว่า เป็นคนตั้งใจทำงานและรับผิดชอบงานดีมากคนหนึ่ง สมกับเป็นทายาทของนักแสดงฝีมือฉกาจ สุพรรณ บูรณะพิมพ์

ส่วน “แวว-จ๊กมก” นั้นจำได้ว่าเคยมาออกรายการจันทร์พันดาวอยู่หนหนึ่ง ส่วน “เต้ย ไฮร็อค” นั้นไม่มีเส้นทางการทำงานร่วมกันเลย

สําหรับนักแสดงอาวุโส “อาเดียร์-ชุมพร เทพพิทักษ์” นั้น ผมได้รู้จักอาจากภาพยนตร์ไทยที่ได้ดูตั้งแต่ยังเด็กๆ ตอนที่ได้ดูนั้นอาเดียร์รับมาหมดทั้งบทตัวร้าย บทชีวิต และบทตลก ซึ่งก็แสดงได้อย่างถึงบทถึงบาททุกเรื่อง

จากประวัติแล้ว อาเดียร์เคยเป็นพระเอกละครในยุคของช่อง 4 บางขุนพรหมเช่นกัน

อาเดียร์เคยมาเป็นแขกรับเชิญในรายการ “จันทร์กะพริบ” บอกเล่าประวัติชีวิตของตนเองฝากเอาไว้ในเทปรายการวันนั้น ตอนนั้นวงการยังไม่รู้จัก ศรราม เทพพิทักษ์ เลย

และในอีกหลายปีต่อมา อาเดียร์ก็ได้มาออกรายการอีกครั้ง คราวนี้มาพร้อมกับลูกชาย หนุ่ม-ศรราม ที่อาเดียร์มักเรียกติดปากว่า “ไอ้หมา”

สำหรับงานละคร อาเดียร์เคยร่วมงานกับเจเอสแอล ในเรื่อง “เด็กชายในเงา” ออกอากาศทาง tpbs เมื่อ 6 ปีก่อน เล่นเป็นคุณปู่ของตัวละครเอกที่เป็นเด็กฝาแฝด อาเดียร์ไม่ได้แค่มาแสดงเท่านั้น แต่ได้สั่งสอนแนะนำการทำงานให้กับลูกหลานในกองงานอีกด้วย

หนุ่ม-ศรราม เคยเล่าให้ฟังว่า

“ป๋าสอนไว้ว่า ถ้าอยากให้ภาพเราออกมาดีก็ต้องรู้จักไหว้ตากล้อง อยากให้แสงออกมาสวยก็ต้องไหว้ช่างไฟ อยากกินอาหารอร่อยก็ต้องไหว้แม่ครัว”

ที่อาเดียร์สอนลูกไว้อย่างนั้นไม่ได้สอนให้เป็นคนประจบ แต่สอนให้เป็นคนติดดิน มีสัมมาคารวะกับทุกคน ไม่แต่เฉพาะคนมียศมีตำแหน่งเท่านั้น

เราจึงได้เห็นอาเดียร์ไปนั่งเฮฮากับกองงานต่างๆ อยู่เสมอเวลาอยู่ในกอง ซึ่งหนุ่มก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกัน

คนในวงการจะรู้จักดีถึงบุคลิกการเป็นคนช่างอำช่างแกล้งของอาเดียร์ จนทีมงานผู้หญิงที่อ่อนโลกหน่อยมักถูกแกอำจนบางคนร้องไห้ไปเลยก็มี เพราะนึกว่าเป็นเรื่องจริง

ป่านนี้อาอาจจะขึ้นไปอำพวกเหล่านางฟ้าเล่นบนสวรรค์อยู่ก็เป็นได้

ขอให้ดวงวิญญาณของอาเดียร์จงไปยังที่สงบสุขตามที่ใจชื่นชอบด้วยเถิด

มาถึง “แหวน-ฐิติมา” คนนี้ดูจะมีประสบการณ์ร่วมกันมากสักหน่อย ด้วยว่าแหวนนั้นเป็นรุ่นน้องจุฬาฯ ที่อ่อนกว่ากันแค่ปีเดียว ผมเรียนอยู่ถาปัด ในขณะที่แหวนเรียนที่คณะนิเทศ

ตอนนั้นแหวนเป็นสาวเด่นคนหนึ่ง ด้วยบุคลิกสดใสร่าเริง และมาดมั่นแบบโก๊ะๆ

ที่ได้มารู้จักกันก็เพราะกิจกรรมละครเวที ที่แหวนได้มีโอกาสมาช่วยพวกถาปัดทำด้วย

รู้กันมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าแหวนร้องเพลงเก่ง และเรียนไปด้วย ร้องเพลงที่โรงแรมมณเฑียรไปด้วย จึงเป็นหญิงสาวสมัยใหม่มากในสายตาพวกเรา

แหวนมาคลุกคลีอย่างสนิทสนมกับพวกเราโดยไม่ถือว่าตัวเองโดดเด่นเลย พวกเราเองยังรู้สึกว่าแหวนเป็นคนโก๊ะ ลั่กกั้กมากๆ พูดอะไรกันสนุกๆ แหวนก็ไม่เคยตามทันสักที จนบางทีคนเล่นมุขก็พาลเบื่อไปเองบ่อยๆ

แล้วความสามารถในการร้องเพลงของแหวนก็เป็นที่รู้จักกับสาธารณชน เมื่อจิก-ประภาส ได้รับหน้าที่เขียนเพลงให้กับภาพยนตร์ของเปี๊ยก โปสเตอร์ เรื่อง “วัยระเริง” ในบทของนางเอกของเรื่องซึ่งเป็นนักร้องประจำวง พี่เต๋อ-เรวัติ ที่ทำหน้าที่โปรดิวเซอร์เพลงให้กับงานชิ้นนี้ ให้แหวนเป็นผู้ถ่ายทอดเสียงร้องของนางเอกคือ มี๋-วรรษมณ แทน

เพลง “จากวันนั้นถึงวันนี้” ได้ปลุกเร้าความรู้สึกของผู้ชมในโรงได้อย่างดี ด้วยเสียงร้องนั้นหนักแน่นแบบร็อกและแปลกหูดีจัง นั่นคืองานที่แหวนเริ่มต้นในวงการบันเทิง

จากนั้นเมื่อพี่เต๋อกุมบังเหียนของการทำเพลงให้กับค่ายแกรมมี่ แหวนก็ได้กลายเป็นนักร้องเบอร์ 4 ของค่าย และมีเพลงดังออกมาให้เราฟังมากมาย

แม้แหวนจะโด่งดังป็นที่รู้จักของแฟนเพลง แต่ความเป็นแหวนคนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไปเลย

ยังยิ้มง่าย ร่าเริงสดใส และโก๊ะๆ อย่างไรก็ยังเป็นอย่างนั้นเช่นเดิม

แหวนยังเป็นน้องๆ ของพี่ๆ ที่ถาปัดคนเดิม

แหวนเคยมาออกรายการของเจเอสแอล ในรายการ “คอนเสิร์ต คอนเทสต์” ในฐานะนักร้องต้นแบบ จากนั้นก็ได้มาร่วมในรายการต่างๆ อีก ตามโอกาสอำนวย

ครั้งหนึ่งเมื่อประเทศไทยได้รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดมิสยูนิเวิร์สในรุ่นที่มี อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ เป็นตัวแทนประเทศไทย เจเอสแอลก็ได้รับหน้าที่ให้จัดงานต้อนรับผู้เข้าประกวด โดยใช้ห้อง MBK Hall เป็นสถานที่จัดงาน ซึ่งเป็นที่ที่ใหญ่สุดและเป็นที่นิยมในการจัดโชว์และงานใหญ่ๆ ในตอนนั้น เทียบได้กับอิมแพ็คอารีน่าในตอนนี้

รายการบนเวทีมีหลากหลายช่วง และในช่วงที่จะสร้างความเพลิดเพลินให้กับผู้เข้าประกวด เราก็ได้เชิญแหวนให้เป็นตัวแทนนักร้องของไทยร้องเพลงขับกล่อมนางงามจากทั่วโลก

แหวนใช้ความสามารถพานางงามเพลิดเพลินไปกับเสียงเพลงของแหวนได้อย่างดี ยังจำภาพที่นางงามโบกมือและร้องตามไปกับแหวนในเพลง “It must have been love” ได้อยู่เลย

นั่นเป็นความสามารถในระดับอินเตอร์ที่แหวนได้แสดงให้เราเห็น

แต่แหวนก็ยังเป็นแหวนคนเดิมที่ไม่เคยเปลี่ยน เวลาเจอะเจอกันตามงานต่างๆ แม้จะไม่บ่อย แต่เจอทีไรแหวนก็ยังเป็นแหวนเองเช่นที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีลูกสาวคือน้องปันปันแล้วก็ตาม

เมื่อ 3 ปีก่อน แหวนและปันปันได้มีโอกาสร่วมงานกับเจเอสแอลอีกครั้ง กับรายการ “Sofa So good” ออกอากาศทางช่องไทยรัฐทีวี เป็นรายการวาไรตี้ทอล์กเรื่องราวของผู้หญิงผ่านมุมมองผู้หญิงสองวัย คือ แม่แหวน กับลูกปันปัน

แหวนตั้งใจทำงานมาก คอยซักถามโปรดิวเซอร์อยู่ตลอดเวลา และยังเป็นห่วงน้องปันปันว่าจะทำหน้าที่ได้ดีพอรึเปล่า จึงคอยแนะนำอยู่เสมอ แนะนำไปแนะนำมาก็หยุด แล้วก็หันมาถามว่า

“เอ๊ะ ใช่อย่างนี้รึเปล่าพี่ แหวนพูดถูกรึเปล่าเนี่ย?”

ยังไม่วายโก๊ะนะแม่แหวน

เมื่อได้รู้ข่าวว่าแหวนไม่สบาย เข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัวจากโรคมะเร็ง ยังคิดเลยว่าเดี๋ยวแหวนก็คงได้ออกมา เพราะจากภาพที่เปื้อนรอยยิ้ม ชูสองนิ้วอย่างใจสู้ ทำให้รู้สึกว่าแหวนจะยังอยู่กับเราได้อีกนาน

แต่นั่นแหละ ชีวิตก็คือชีวิต ที่ไม่มีอะไรแน่นอน ที่แน่แท้อยู่อย่างเดียวก็คือ “ความตาย”

ตอนที่เขียนต้นฉบับอยู่นี้ ก็นึกถึงหน้าแหวนที่ยังยิ้มแย้ม สดใส จำน้ำเสียงที่มีชีวิตชีวาไม่เคยเปลี่ยนได้ และยังอมยิ้มกับคำพูดที่หลุดความโก๊ะออกมาอยู่เสมอ

ขอให้แหวนไปยังที่สงบสุข และพึงรู้เถิดว่า เสียงเพลงของแหวน ความเป็นแหวน จะยังอยู่ในใจของแฟนๆ และของพี่น้องในวงการเสมอ

แหงนดูฟากฟ้ายามค่ำคืนนี้แล้วใจหายนัก ดวงดาวดวงสวยได้เลือนหายไปจากสายตาและหัวใจหลายดวง คงอยู่ก็เพียงความทรงจำที่ยังงดงามตลอดไป