ศักดิ์ 5 ศพถึงชุดพราง 8 ศพ : วงค์ ตาวัน

วงค์ ตาวัน

พูดถึงคดีคนร้ายบุกเข้าไปจับคนในบ้าน แล้วลงมือฆ่ายกครัว หลายคนย่อมต้องนึกถึงคดี “ศักดิ์ ปากรอ” สังหารหมู่ครอบครัวบุญทวี ที่ อ.สิงหนคร จ.สงขลา เหตุเกิดเมื่อเดือนเมษายน 2540 ซึ่งโด่งดังและสะเทือนขวัญอย่างยิ่ง

ที่ต้องนึกถึงคดีนี้ เพราะล่าสุดเพิ่งเกิดเหตุฆ่ายกครัว 8 ศพ ที่ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ซึ่งไม่ไกลกันนัก

น่าสยดสยองพอกัน

แม้คดีล่าสุด จะมีคนตายมากกว่า อีกทั้งคนร้ายลงมือยิงถึง 11 คน แต่มี 3 คนที่โชคดีได้รับบาดเจ็บ แต่ไม่ถึงแก่ชีวิต

กระนั้นก็ตาม ถือว่าเป็นคดีโหดเหี้ยมอำมหิตไม่แพ้กัน!

โดยขอย้อนไปยังคดีสะท้านสังคม เมื่อปลายเดือนเมษายน 2540

มีการพบศพคนในครอบครัว นายประภาส บุญทวี อายุ 43 ปี หัวหน้าสถานีอนามัยบ้านระวะ ต.ระวะ จ.สงขลา เสียชีวิตพร้อมกัน 5 รายอยู่ในบ้านพักที่ ต.ชิงโค อ.สิงหนคร จ.สงขลา

ที่ต้องตะลึงและสยดสยอง เพราะ 4 ศพ โดนจับแขวนคอกับราวบันไดชั้น 2 ได้แก่ นายประภาส และลูกชายอีก 3 คน วัย 13 ปี 11 ปี และ 9 ปี

ส่วนภรรยาของนายประภาส ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ถูกทุบด้วยของแข็งที่ศีรษะและใบหน้า พร้อมกับโดนมัดมือมัดเท้า ตายอยู่ในห้องนอน

พฤติการณ์ของคนร้าย ทำให้คนทั้งสังคมช็อกไปตามๆ กัน!

พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก อ.ตร. จึงส่งตำรวจจากส่วนกลาง ลงไปคลี่คลายคดีร่วมกับตำรวจภาค 9 และ สภ.สิงหนคร อย่างเร่งด่วน

นำโดย พล.ต.ต.วรรณรัตน์ คชรักษ์ รอง ผบช.ก. พร้อมด้วยทีมตำรวจกองปราบฯ พ.ต.อ.ประมวลศักดิ์ ศรีสมบุญ พ.ต.ท.วีระศักดิ์ มีนะวาณิชย์ พ.ต.ท.ทวี สอดส่อง

สุดท้ายคดีคลี่คลายลง เมื่อมีพยานปากสำคัญเห็นวัยรุ่น 2 คน ขณะเข้าไปในบ้านหลังเกิดเหตุ โดยให้รายละเอียดรูปพรรณที่ชัดเจน ทั้งพยานเห็นคนร้ายลงมือรื้อค้นข้าวของภายในบ้านดังกล่าวด้วย

สอดคล้องกับญาติผู้ตายที่ระบุว่า มีทรัพย์สินพวกพระเครื่องและสร้อยคอทองคำหายไป

ตำรวจจึงกระจายรูปพรรณของพระเครื่องไปยังทุกท้องที่ทั่วสงขลาและจังหวัดใกล้เคียง ก่อนที่ตำรวจยะลาจะรายงานด่วนมายังชุดสืบสวนว่า มีผู้พบพระเครื่องรุ่นนี้ เมื่อตามไปสอบสวนก็ทราบว่า คนที่นำมาคือ นายเรืองศักดิ์ ทองกุล หรือ ศักดิ์ ปากรอ

จากนั้นจึงออกตามหาตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้ จนสามารถจับกุมได้ที่กาญจนบุรี

สอบสวนจนรับสารภาพว่า ได้ลงมือฆ่ายกครัวจริง โดยเจตนาจะเอาทรัพย์สิน!

นายเรืองศักดิ์ หรือศักดิ์ ปากรอ วัย 22 ปี พื้นเพเป็นชาว ต.ปากรอ ใน อ.สิงหนคร ชักชวนเด็กวัยรุ่นอีกคนไปร่วมก่อคดี เนื่องจากได้ยินว่านายประภาสเพิ่งขายทรัพย์สินได้เงินมานับล้าน โดยจับลูกๆ 3 คน ทยอยแขวนคอทีละคน เพื่อบีบบังคับอย่างเลือดเย็น ต้องการให้นายประภาสบอกที่ซ่อนเงิน ซึ่งนายประภาสยืนยันว่าไม่มีเงินก้อนนี้ เพราะยังไม่ได้ขายที่ดินอะไรเลย

สุดท้ายจึงลงมือฆ่าหมดทั้งภรรยาและนายประภาสด้วย รวม 5 ศพ

โดย 4 ศพ อยู่ในสภาพถูกแขวนคอกับราวบันได จึงเป็นภาพที่สยดสยองยิ่ง

จากนั้นจึงรื้อค้นข้าวของได้พระเครื่องติดมือไป

คดีนี้ มีการวิเคราะห์พฤติกรรมของนายศักดิ์ในทางจิต เนื่องจากการกระทำที่โหดร้ายอย่างมาก และเมื่อยอมสารภาพก็ไม่ได้มีท่าทีสลดหรือเกรงกลัวสิ่งใด เมื่อนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นาทีฆ่าและแขวนคอเหยื่อในบ้านที่เกิดเหตุ ก็มีท่าทีเฉยเมยอย่างมาก

*โดยมีข้อมูลว่า ในช่วงวัยเด็กของนายศักดิ์ เคยมีคนร้ายบุกปล้นบ้านและถูกจับมัดมือมืดเท้า นอกจากนี้ ยังเคยไปร่วมแก๊งปล้นเรือประมง มีการจับเหยื่อมัดและโยนลงทะเลด้วย*

ภายหลังถูกดำเนินคดีฆ่า 5 ศพในชั้นศาล โดนตัดสินประหารชีวิตในชั้นต้น ต่อมาได้ลดโทษเพราะยอมรับสารภาพเหลือจำคุกตลอดชีวิต

จากนั้นก็ได้รับการลดโทษตามขั้นตอน หลังอยู่ในเรือนจำราว 13 ปี ก็พ้นโทษออกมา แล้วไปใช้ชีวิตมีครอบครัวอยู่ที่ อ.สะเดา จ.สงขลา

ก่อนจะตกเป็นข่าวเกรียวกราวอีกครั้ง เมื่อถูกคนร้ายลอบยิงตาย ปิดตำนานศักดิ์ 5 ศพในที่สุด!

นั่นเป็นคดีฆ่าล้างครัวที่เคยเขย่าสังคมไทยครั้งใหญ่มาแล้ว

ผ่านมา 20 ปี ได้เกิดเหตุสยองซ้ำอีก ฆ่าล้างครัว 8 ศพ ที่ อ.อ่าวลึก จ.กระบี่

แต่พฤติกรรมและสาเหตุ ไม่เหมือนกัน

โดยคดีหลัง คนร้ายมีด้วยกันถึง 6-7 คน แต่งชุดลายพรางคล้ายทหาร พร้อมอาวุธสงคราม บุกเข้าไปในบ้านของ นายวรยุทธ สังหลัง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก ในเวลาประมาณ 16.00 น. วันที่ 10 กรกฎาคม

คนร้ายได้จี้จับคนในบ้านทั้งหมดมารวมอยู่ในห้องโถง พร้อมกับลงมือรื้อค้น เหมือนจะหาอะไรบางอย่าง

รอจนกระทั่งประมาณ 20.00 น. นายวรยุทธจึงกลับมาถึงบ้าน แล้วก็ถูกจับตัว มีการเจรจาทวงถามถึงทรัพย์สินเงินทองอยู่พักใหญ่

จนกระทั่งเกือบเที่ยงคืน คนร้ายจึงทยอยยิงคนทั้งหมด โดยใช้อาวุธปืน .38 ที่เป็นของนายวรยุทธซึ่งเก็บไว้ในบ้าน เป็นทูตมรณะ

ทั้ง 11 คน ไม่เว้นเด็กเล็ก ถูกยิงที่ศีรษะ รวมทั้งนายวรยุทธ เป้าหมายด้วย

เสียชีวิต 8 ราย อีก 3 ไม่ถึงฆาต ได้รับบาดเจ็บ

ทำให้มีพยานในที่เกิดเหตุ ที่พอจะอธิบายรายละเอียดและพฤติการณ์ของคนร้ายให้ตำรวจได้ข้อมูลและเบาะแสสำคัญ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร.ปป. พร้อมทีมตำรวจผู้ใหญ่ที่มากด้วยประสบการณ์งานสืบสวน ระดับ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ ผบช.หน่วยสำคัญๆ เดินทางด่วนไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งวางแผนการสืบสวนคลี่คลายคดีดัวยตัวเอง

ดูจากเหล่าตำรวจมือสืบสวนที่เชี่ยวชาญในยุคนี้ ที่ระดมกันไปยังที่เกิดเหตุ น่าเชื่อว่ามีโอกาสจะได้ความจริงและน่าจะจับกุมคนร้ายได้

**โดยเฉพาะในโลกยุคดิจิตอล ซึ่งสามารถใช้เทคโนโลยีช่วยคลี่คลายคดีสำคัญมานักต่อนัก คดีนี้ก็ไม่น่าจะรอดพ้นไปได้!**

เพียงแต่แก๊งคนร้ายชุดพรางมีลักษณะพิเศษ ที่ลงมืออย่างใจเย็นไม่หวั่นเกรงสิ่งใด ใช้เวลาปฏิบัติการในบ้านหลังนั้น ตั้งแต่ 4 โมงเย็นจนถึงเที่ยงคืน ก่อนจะลงมือยิงคนถึง 11 คน จนตายไป 8

ถือเป็นการฆ่าหมู่ที่สะท้านสะเทือนไปทั้งแผ่นดิน

แถมมีการทำงานเป็นระบบระเบียบ เช่น ใช้อาวุธปืนของคนตายมาใช้ฆ่า โดยไม่ต้องใช้ปืนที่พกพามา มีการทำลายหลักฐาน เก็บปลอกกระสุน ทำลายข้อมูลกล้องวงจรปิด

เป็นคำถามว่า ทีมปฏิบัติการขนาดนี้ มืออาชีพระดับนี้ และกล้ารับงานฆ่าอย่างขนานใหญ่ในยุครัฐบาล คสช. เช่นนี้

จะมีมือปืนรับจ้าง มีนักเลงท้องถิ่น กล้ารับงานหรือ!?

ความที่เป็นคดีสะเทือนขวัญรุนแรง มีคนตายถึง 8 คน และระดับ ผบ.ตร. บินลงไปดูคดีเอง

บ่งบอกว่าตำรวจจะต้องทุ่มเททุกวิถีทางเพื่อคลี่คลายคดีให้ได้

ถ้าสามารถจับกุมได้จริง จะได้รู้กันว่าอะไรคือปมเหตุที่ทำให้แค้นเคืองถึงขั้นฆ่าหมู่ยกครัวได้

รวมทั้งจะได้เห็นโฉมหน้าทีมสังหารโหด และจะได้รู้กันว่าทำไมถึงกล้าหาญชาญชัยทำงานใหญ่ขนาดนี้ได้