หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๙๓.๘)/บทความพิเศษ ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ

ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๙๓.๘)

 

ฉันพิจารณาสิ่งที่เรียกว่า นิวนอร์มอล กับ โอลด์นอร์มอล แล้วก็เห็นปัญหาหลายอย่าง

มามองดูแค่วงการเดียว เช่น วงการหนัง

โรงหนังก็ต้องการฉายหนังต่อไป อาจหยุดฉายไปสักสองสามอาทิตย์ หรืออย่างเก่งก็เป็นเดือน แล้วรีบกลับมาฉายใหม่ เหมือนสัตว์บกที่สำลักน้ำ ต้องโผล่หน้าขึ้นมาเหนือน้ำแล้วหายใจ

ส่วนบริษัทสร้างหนัง ก็ต้องการสร้างหนังเรื่องใหม่ อาจชะลอให้ช้าลง น้อยลง แต่ก็ต้องการสร้างเรื่องใหม่ เพราะเป็นอาชีพของพวกเขา

หากไม่สร้าง แล้วดาราเหล่านั้นจะทำยังไง พวกเขาจะหารายได้จากที่ไหน

ดาราก็ต้องแสดงหนัง ผู้กำกับฯ ก็ต้องการสร้างหนัง คนเขียนบทก็ยังคงคิดเขียนบทเรื่องใหม่ นี้คือโอลด์นอร์มอลบริสุทธิ์ ไม่อยากเปลี่ยนเป็นอื่น ฃ

การหยุดทำหนังสักหนึ่งปี เป็นความทรมานอย่างยิ่ง หากหยุดสาม-สี่ปี ก็คงเหลือจะทนได้ หากหยุดเลย แล้วเปลี่ยนอาชีพ สิ่งนี้หากเกิดขึ้น นี้คือนิวนอร์มอลอย่างแท้จริง

แต่มันก็คงเป็นเพียงแค่หนึ่งสภาวะกวีของฉันมากกว่า ตั้งแต่เด็ก ฉันมีสภาวะกวีแบบนี้มากมาย และส่วนใหญ่ หรือทั้งหมด ก็เป็นเพียงความคิดฝัน มิได้เกิดขึ้นจริง

 

ตลอดชีวิตของฉัน ทุ่มเทไปมากกับสภาวะกวี สิ่งที่ตอบแทนกลับมา เรียกได้ว่าเกือบเป็น ๐ ฉันไม่อาจโทษใครได้ เพราะนี้คือธรรมชาติของสภาวะกวี มันสวยงาม แต่ไม่เป็นความจริง มันมีเสน่ห์ เย้ายวน แต่ก็ได้แค่ดมกลิ่น

เช่นเดียวกับนักกีฬา พวกเขาก็ต้องการเล่น ต้องการแข่ง เพราะพวกเขาได้ฝึกฝนมาอย่างนั้น เช่นเดียวกับทุกคนในวงการกีฬา ที่อยู่ได้เพราะมีการแข่งขัน

ดังนั้น กีฬาโอลิมปิกจึงต้องดำเนินต่อไป และตัวฉันก็เช่นเดียวกับคนไทยทั้งชาติ ที่เอาใจช่วยน้องเทนนิสแข่งเทควันโด แต่ถามตัวเองว่าสิ่งนี้คืออะไรในความหมายของนิวนอร์มอล

เริ่มต้นเลย ในพิธีเปิดงาน ฉันเห็นอะไร ฉันเห็นภาพที่สูญหายไปหนึ่งมิติ งานเปิดนี้นักข่าวอาจเขียนว่า ยิ่งใหญ่อลังการ แต่ฉันเห็นว่ามันแบนราบ เหมือนภาพการ์ตูน นี้คืองานเปิดที่ฝืดฝืน เพราะมิติของมันหายไปหนึ่งมิติ

มันหายไปกับโควิด

คนเราอยากลืมโควิด แต่ก็ลืมได้ช่วงสั้นๆ เพราะโควิดเป็นความจริงที่แน่นหนา ลึกซึ้งเกินกว่าสิ่งใดจะมาบิดเบือนได้

ตัวร้ายจริงๆ คือกลุ่ม ๗ โรค พวกมันได้แก่

โรคเบาหวาน

โรคมะเร็ง

โรคอ้วน

โรคหลอดเลือดสมอง

โรคไตวายเรื้อรัง

โรคหัวใจและหลอดเลือด

โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง

ตั้งแต่ก่อนโควิด โรคเหล่านี้ ทำคนตายมากมายในแต่ละปี เพียงแต่ในช่วงโควิด มันถูกเร่งให้เร็วขึ้น เหมือนนักโทษประหารเหล่านี้ถูกเร่งให้ตายเร็วขึ้น และผู้คนก็แตกตื่น หากปล่อยให้เหมือนเดิม พวกเขาก็ตายอยู่ดี

แต่การตายช้าลง เป็นที่ยอมรับได้ การตายเร็วขึ้น ยอมรับไม่ได้ มันมีความแตกต่างกันนิดหนึ่ง

 

๑๐

ที่จริงโรคทั้งเจ็ดนี้ ป้องกันได้ สำหรับคนที่ใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง เอาใจใส่สุขภาพ สำหรับฉัน การป้องกันคือ นอร์มอลอย่างหนึ่ง แต่เพราะมันไม่ได้ตายอย่างฉับพลัน ผู้คนก็ประมาท และค่อยๆ ถลำไปหามันทีละน้อย เจ็ดโรคนี้ร้ายกว่าโควิดเยอะเลย อย่างเทียบกันไม่ได้

๑๑

ยกตัวอย่างที่ประเทศกานา พวกเขามีนอร์มอลอะไรบ้าง ในอดีตที่ผ่านมา

ในปี 1918 ที่เกิดไข้หวัดสเปน มีคนตายหนึ่งแสนคนในหกเดือน

ก่อนหน้านี้มีกาฬโรค

และก่อนหน้านี้มีไข้ทรพิษ ไข้เหลือง และโรคเหงาหลับ

ก่อนหน้าโควิดไม่นาน มีโรคมาลาเรีย อหิวาห์ AIDS และ Ebola

ทุกโรคเหล่านี้นำพาไปสู่ความตายหมด เพียงแต่มันเก่ากว่า

๑๒

ความเก่า-ใหม่ มีผลอย่างใหญ่หลวงถึงขนาดนี้เชียวหรือ ความตายมันเท่ากันมิใช่หรือ หรือความตายแบบใหม่นี้น่ากลัวกว่า

๑๓

คํ

าว่านิวนอร์มอล สำหรับฉัน คือมุมมองสิ่งทั้งหลายต่างออกไปจากเดิม ตั้งแต่เชื้อโรคถึงความตาย ตั้งแต่อาชีพ และการมองจุดหมายของชีวิต หากฉันเป็นผู้กำกับหนัง ฉันจะเปลี่ยนอาชีพ แต่นั่นก็ต้องขึ้นกับว่า ฉันอายุเท่าไรด้วย หากฉันเป็นหนุ่มอยู่ ชีวิตนี้ช่างน่าตื่นเต้น น่าค้นหา

แต่ในวันที่ฉันอายุ ๖๘ ต่อให้ฉันออกไปค้นหา ฉันอาจหาไม่เจอก็ได้ ต่อให้ฉันเปลี่ยนอาชีพ ฉันก็อาจหาอาชีพใหม่ไม่ได้

สิ่งที่ได้คือความสนุกของการได้ค้นหาก่อนตาย

๑๔

ขนาดหาไม่เจอ แต่ได้ค้นหา ยังสนุกเลย สำมะหาอะไรกับชีวิตหนุ่ม-สาวที่มีโอกาสหาเจอ มีโอกาสเปลี่ยนชีวิตตัวเอง

การกลับไปสู่โอลด์นอร์มอล ซึ่งมองเห็นชัดเจนแล้วว่าผิด จะกลับไปทำไมกัน ยิ่งเดินไปทางนั้น มิติจะยิ่งลดลง น้อยลง ทีละหนึ่งมิติ

ในเบื้องต้นคุณอาจไม่รู้สึกตัว เพราะนี้คือความตายแบบช้าๆ อาจจะ ๑๐-๒๐ ปี แต่ตายแน่นอน

๑๕

มันเหมือนการเสื่อมสลายของธาตุกัมมันตภาพรังสี ที่ตายในทุกครึ่งชีวิต นี้คือการบรรยายความตายอย่างช้าๆ แต่แน่นอน ได้สวยงาม ลึกซึ้ง

 

๑๖

เราไม่รู้จะเชื่อสถิติและตัวเลขได้มากน้อย บางคนบอกว่า หนึ่งในล้านก็ถือว่าเยอะ หรือหนึ่งในแสนก็ถือว่าเยอะ แต่บางคนถือว่าน้อย ไม่รู้จะเอาอะไรมาตัดสิน สถิติและตัวเลขไม่เสถียร และความรู้สึกของมนุษย์ที่มีต่อมัน ก็แตกต่างกันอีก ดังนั้น สถิติและตัวเลขโดยตัวมันเอง จึงเป็น Fake News โดยง่าย

๑๗

เช่น รัฐบอกว่า วันนี้มีคนป่วยเท่านี้ คนตายเท่านี้ บางคนบอกว่าตัวเลขนี้ไม่ใช่ความจริง มีคนป่วยมากกว่านี้เป็นสิบเท่า มีคนตายมากกว่านี้เป็นสิบเท่า ฉันก็ไม่รู้จะเชื่อใคร

แต่วันหนึ่ง มีเจ้าของโรงงานแห่งหนึ่งบอกกับฉันว่า วันนี้เฉพาะคนงานในโรงงานของเขา มีคนติดโควิดสามพันกว่าคน ดังนั้น การที่รัฐบอกว่า วันนี้มีคนป่วย หนึ่งหมื่นสี่พันคน จึงไม่ใช่ตัวเลขจริง ข้อมูลนี้น่าสนใจ แต่ฉันก็เหนื่อยเกินไปที่จะไปสืบสวนตัวเลขของรัฐ ว่ามาจากไหน

แต่แม้กระนั้น ก็ยังมีสิ่งชวนให้คิด เช่นว่า ปัญหาโควิดมีมานานพอควร ฉันไม่กล้าถามเขาว่า โรงงานของเขามีมาตรการป้องกันอะไรบ้าง มีการจัดการอย่างไร นี้เป็นการถามที่ลึกขึ้น ฉันจำได้แต่ว่า ในวันแรกๆ ที่โรงงานของเขามีคนป่วยสองร้อยกว่าคน เขาปกปิดข้อมูลนี้จากรัฐ เพราะกลัวโรงงานจะถูกปิด ฉันไม่รู้ว่าเขาทำอย่างนั้นเพื่ออะไร

๑๘

มีคนล้มตายตามถนนจริง แต่ฉันไม่เคยเจอเลย ที่จริงแล้ว ฉันยังไม่เคยเจอคนที่ติดโควิดเลย ไม่ว่าฉันจะเดินไปไหนในสี่ทิศ ฉันก็ยังไม่เคยเจอแม้สักคน คงเพราะชีวิตของฉันคบคนน้อย แต่กระนั้นก็ตาม มันก็น่าพิศวงอยู่ดี

๑๙

แต่ฉันเชื่อในความร้ายกาจของโควิด ความตายเป็นตัวกระตุ้นที่ดีมากเลย ในการทำให้เราคิด รู้สึก และประพฤติ อยู่ที่ว่า เราจะไปทางไหน

บัดนี้มีทางเลือกเปิดกว้าง ในทุกทิศทาง