ย้อนเหตุฆ่าตัวซ้ำโควิด พยาบาลเครียดโดดตึก รปภ.ไร้เตียงผูกคอดับ แท็กซี่เจ๊ง-ทิ้ง จ.ม.ลาตาย/อาชญา ข่าวสด

อาชญา ข่าวสด

 

ย้อนเหตุฆ่าตัวซ้ำโควิด

พยาบาลเครียดโดดตึก

รปภ.ไร้เตียงผูกคอดับ

แท็กซี่เจ๊ง-ทิ้ง จ.ม.ลาตาย

 

ยังคงเป็นมหันตภัยที่ทำร้ายประชาชนอยู่อย่างต่อเนื่อง สำหรับวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ที่ลุกลามรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

แม้รัฐบาลจะพยายามเพิ่มมาตรการเข้ามาระงับยับยั้ง เริ่มต้นด้วยการประกาศปิดแคมป์คนงาน ตามด้วยการล็อกดาวน์ 13 จังหวัดสีแดงเข้ม แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตกลับไม่ลดน้อยลง

ศักยภาพของระบบสาธารณสุขเริ่มตึงมือ บุคลาการทางการแพทย์ไม่เพียงพอ บางโรงพยาบาลเกิดติดเชื้อในวงกว้าง ต้องปิดระบบรับคนไข้ห้องฉุกเฉิน

มีผู้ป่วยโควิดหลายคนถูกทิ้งให้เสียชีวิตที่บ้าง และมีบางคนนอนเสียชีวิตอยู่บนท้องถนน

ขณะที่วัคซีนที่มีคุณภาพ ยังไม่สามารถนำเข้ามาในประเทศไทยได้อย่างรวดเร็ว ที่มีโรงงานผลิตในไทย ก็ไม่สามารถผลิตได้ตามความต้องการเดือนละ 10 ล้านโดส

เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้สถานการณ์ยิ่งเลวร้าย เมื่อทุกอย่างสุมให้เกิดความเครียด

จนเกิดเหตุฆ่าตัวตายหลายกรณี ซึ่งเป็นเรื่องที่รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขต้องตระหนัก หาแนวทางป้องกัน

ไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ซ้ำเติมวิกฤตโควิดอีก

ไว้อาลัยพยาบาล

พยาบาลเครียดรับมือโควิด

เหตุการณ์ฆ่าตัวตายรายวันเกิดขึ้นหลายเหตุการณ์ แต่จะขอยกตัวอย่างความสูญเสียในรอบสัปดาห์ ที่เกิดขึ้นจากหลายกรณี ทั้งบุคลากรทางการแพทย์เอง ผู้ป่วยติดเชื้อรอเตียง และผู้ที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ในเหตุการณ์และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุสลดซ้ำอีก

เหตุการณ์แรก เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 19 กรกฎาคม โดย ร.ต.ท.พรศักดิ์ ดีดอม รองสารวัตรสอบสวน สภ.โพธิ์แก้ว อ.สามพราน จ.นครปฐม รับแจ้งมีคนกระโดดตึกเสียชีวิตอยู่ภายในโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์วัดไร่ขิง อ.สามพราน จึงแจ้งผู้บังคับบัญชาและรุดตรวจที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณด้านล่างข้างอาคารตึก 9 ชั้น พบศพนางปวีณา สุกรีฑา อายุ 34 ปี เจ้าหน้าที่พยาบาล ปฏิบัติหน้าที่ดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ชั้น 4 ของโรงพยาบาล นอนเสียชีวิตอยู่ในชุดสวมชุดป้องกันเชื้อ พีพีอี นอนหงายเสียชีวิต มีกองเลือดและรองเท้าสีขาวหลุดอยู่ใกล้ศพ

จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาล ทราบเพียงว่าได้ยินเสียงดังตุ้บ เหมือนวัตถุตกกระแทกพื้น จึงรีบวิ่งไปดู เห็นนางปวีณาที่ยังไม่เสียชีวิต หายใจรวยริน จึงช่วยกันพยายามปั๊มหัวใจ แต่นางปวีณาไม่มีความรู้สึกตอบสนอง จากนั้นไม่ถึง 5 นาทีก็เสียชีวิต คาดว่ากระโดดจากตึกชั้น 4 ซึ่งเป็นตึกดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีผู้ป่วยที่ต้องดูแลจำนวนมากจนล้นห้อง

ด้าน พ.ต.อ.ชัชปัณฑการณ์ คล้ายคลึง รอง ผบก.ภ.จว.นครปฐม ระบุว่า จากการสอบสวนเจ้าหน้าที่และเพื่อนพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยในชั้นเดียวกัน ทราบว่าส่วนใหญ่เห็นผู้ตายเดินตรวจคอยดูแลคนไข้ผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ การพูดจาก็ไม่มีอาการเครียด เพียงแต่บ่นว่าเหนื่อยมาก คนไข้มีมากขึ้นทุกวัน

ก่อนที่จะเกิดเหตุนั้นเห็นผู้ตายเดินวนเวียนอยู่ด้านระเบียงอาคารหลายรอบ แต่ไม่มีคนเห็นตอนที่กระโดดลงมา เพราะในช่วงนั้นเป็นช่วงเช้ามืด พยาบาลส่วนใหญ่พักผ่อนจากอาการเหน็ดเหนื่อย ทุกคนต่างตกใจต่อเหตุการณ์ครั้งนี้

ขณะที่สอบสวนครอบครัวผู้เสียชีวิตทราบว่า ผู้เสียชีวิตมีอาการเครียด วิตกกังวล โดยงานที่ทำต้องดูแลผู้ป่วยและต้องอยู่กับผู้ป่วยติดเชื้อ ประกอบกับไม่ได้เดินทางกลับบ้านที่ จ.ราชบุรี เนื่องจากกลัวนำเชื้อไปติดลูกที่เพิ่งคลอดเมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา และบุคคลในครอบครัว

เบื้องต้นจึงนำศพผู้เสียชีวิตส่งไปที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลศิริราช เพื่อหาสาเหตุและตรวจหาเชื้อโควิดต่อไป ทั้งนี้ มีรายงานว่า อ.สามพราน เป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโควิดมากที่สุดใน จ.นครปฐม เนื่องจากมีคลัสเตอร์โรงงานหลายแห่ง

เป็นความสูญเสียที่น่าสลด

เผาศพลุงรปภ.

รอเตียงไม่ไหว-ผูกคอดับ

กรณีต่อมาเป็นเรื่องของผู้ป่วยรอเตียง จนเกิดความเครียดทนไม่ไหว้ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ เวลา 09.00 น. วันที่ 22 กรกฎาคม โดย ร.ต.ท.อัครพล บรรจง รอง สว. (สอบสวน) สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี รับแจ้งเหตุคนผูกคอตายที่คอนโดฯ สมบัติบุรี หมู่ 13 ต.บางบัวทอง จึงนำกำลังตำรวจพร้อมแพทย์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สวมชุดพีพีอีป้องกันเชื้อไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุในห้องหมายเลข 113/138 บนชั้น 4 ของอาคาร 13 พบศพนายเช้า สิงห์โต อายุ 73 ปี รปภ.ประจำคอนโดฯ ใช้เชือกไนล่อนสีเขียวผูกคอตัวเองกับขอบหน้าต่างบานเกล็ดข้างประตูออกระเบียงหลังห้อง นุ่งกางเกงสามส่วนสีน้ำตาล ไม่สวมเสื้อ สภาพศพอยู่ในท่าคุกเข่า ตามร่างกายไม่มีบาดแผล

น.ส.ปริษา ภูวนาทศุภกิจ อายุ 51 ปี อสม.รพ.สต.หมู่ 12 ต.บางบัวทอง กล่าวว่า ผู้ตายพักอยู่ที่ห้องคนเดียว ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมที่ผ่านมา และพยายามติดต่อขอเข้ารับรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม แต่ไม่ได้คิว เนื่องจากเตียงเต็ม มีผู้ป่วยจำนวนมาก

จึงให้นายเช้ากักตัวอยู่ในห้องและนำอาหารมาส่งให้ทุกวัน วันละ 3 มื้อ ครั้งสุดท้ายช่วงเย็นวันที่ 21 กรกฎาคม นำอาหารมาวางไว้หน้าห้อง แต่ผู้ตายไม่ได้ออกมาเอา จนรุ่งเช้า รปภ.ของคอนโดฯ โทรศัพท์มาแจ้งว่าผู้ตายเงียบหายขาดการติดต่อ

ตนประสานให้เจ้าหน้าที่ของคอนโดฯ นำกุญแจสำรองไขเข้าไปดูในห้อง ก็พบศพผูกคอตายแล้วรู้สึกหดหู่ใจมาก อยากให้เจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องให้ความสนใจคนไทยที่ติดเชื้อโควิดบ้าง หลายคนหาเตียงไม่ได้

นายฉัตรมงคล สิงห์โต อายุ 38 ปี ลูกชาย ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ช่องหนึ่งใน จ.นนทบุรี เผยว่า พ่ออยู่ที่คอนโดฯ เพียงลำพัง วันที่ 15 กรกฎาคม โทรศัพท์มาบอกว่าไม่มีแรง ตนเอาข้าวไปส่งให้ที่ห้อง และพยายามประสานขอความช่วยเหลือผู้ใหญ่หลายคนที่รู้จักให้ช่วยหาเตียงเพื่อพาพ่อไปรักษาอาการป่วยโควิด ผู้ใหญ่รับปากว่าจะช่วยเหลือแต่ยังหาเตียงไม่ได้

กระทั่งวันที่ 21 กรกฎาคม พ่อโทรศัพท์มาบอกว่า ไม่ไหวแล้ว เหนื่อยมากหายใจไม่ออก ตนบอกว่าอดทนรอหน่อยกำลังตามเรื่องเตียงอยู่ จนมาวันนี้เจ้าหน้าที่ อสม.โทรศัพท์มาบอกว่าพ่อผูกคอเสียชีวิตแล้ว

เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่า ผู้ตายต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการป่วยโควิดมานานหลายวัน ไม่มีวี่แววจะได้เตียงไปนอนรักษาตัว

เป็นความสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้น

แท็กซี่ฆ่าตัว

ศก.พัง-แท็กซี่รมควัน

ส่วนอีกกรณีเป็นเหตุเกิดขึ้นในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเมื่อสายวันที่ 26 กรกฎาคม ร.ต.อ.ณรงค์ฤทธิ์ จันทร์หง่อม รอง สว. (สอบสวน) สน.ลำผักชี รับแจ้งเหตุชายเสียชีวิตภายในรถแท็กซี่ บริเวณใต้สะพานคลองลำปลาเน่า ถนนฉลองกรุง แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กทม.

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณใต้สะพานข้ามคลองลำปลาเน่า ปากซอยผู้พันบ้านสวนกลาง พบแท็กซี่ส่วนบุคคล สีเขียวเหลือง ทะเบียน 1 มค 6602 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่สภาพปิดล็อกประตูและกระจกทั้ง 4 บาน

ด้านในพบนายจำเนียร ชัยสวรรค์ อายุ 53 ปี สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้า กางเกงขายาวสีดำ นอนอยู่บนที่นั่งคนขับ เอนเบาะ ศีรษะพิงกับขอบประตูด้านขวา ที่วางเท้าด้านซ้ายเบาะหลังมีเตาอั้งโล่วางอยู่

ตรวจสอบภายในรถ พบจดหมายลาตาย ระบุถึงปัญหาด้านการเงิน ต้องเช่าห้องพักทุกวัน ทำอาชีพนี้มีแต่คนรังแก วิ่งรถไม่มีผู้โดยสาร ไม่มีเงินส่งรถ ขอบใจเพื่อนๆ และครอบครัวที่คอยเป็นกำลังใจให้ อยากรอเกาะชายผ้าเหลืองลูกชายตอนบวช พ่อเป็นคนบุญน้อย คงไม่มีบุญแล้ว รักเมียและลูกๆ เสมอ

นายสนั่น เซ็งดา 53 ปี เพื่อนสนิท เปิดเผยว่า เมื่อช่วง 18.00 น. ที่ผ่านมา นายจำเนียรขับรถมาหาตนที่อู่ซ่อมรถยนต์ ย่านเคหะฉลองกรุง พอมาถึงก็นั่งกินข้าว พูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกัน ผู้ตายบ่นตัดพ้อทำนองว่าวิ่งรถไม่มีผู้โดยสารใช้บริการเลย หาเงินส่งรถไม่ได้ กระทั่งเวลาประมาน 20.00 น. ก่อนช่วงเคอร์ฟิว นายจำเนียรขอตัวกลับ ตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งมีคนโทร.มาบอกว่านายจำเนียรนอนเสียชีวิตในรถ

เบื้องต้นคาดว่าผู้ตายน่าจะเกิดอาการเครียดเรื่องปัญหาการเงิน จึงมาจอดรถรมควันปลิดชีวิตตัวเอง

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงกรณีส่วนน้อยของความสูญเสียที่ซ้ำเติมจากโรคโควิด ยังมีกรณีชายอายุ 84 ปี ชาวกรุงเทพฯ ที่กระโดดอาคารพาณิชย์ ที่อยู่อาศัยตัวเอง ย่านบรรทัดทอง ลงมาเสียชีวิต หลังจากลูกสาวตัวเองวัย 57 ปี เสียชีวิตจากโรคโควิดอยู่ภายในบ้าน เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม

หรือกรณี น.ส.ประกายฟ้า หรือฟ้า พูลด้วง อายุ 30 ปี ยูทูบเบอร์สาวที่โดดอาคารจอดรถห้างดังย่านบางเขนเสียชีวิต เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน เหตุเพราะเครียดจากการตกงานขาดรายได้กว่า 2 เดือนเพราะการสั่งปิดกิจการของรัฐบาล

ทั้งหมดล้วนเป็นความสูญเสีย ที่หวังว่าจะเป็นบทเรียนให้รัฐบาลได้ปรับแผนแก้ไขปัญหาโควิดให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ไม่ใช่ให้ซ้ำเติมสถานการณ์และความเดือดร้อนของประชาชน จนเกิดเหตุสลดซ้ำแล้วซ้ำอีก!?