‘ระบบกล่าวหา’ การไล่ล่าในยุคดิจิทัล/เหยี่ยวถลาลม

เหยี่ยวถลาลม

 

‘ระบบกล่าวหา’

การไล่ล่าในยุคดิจิทัล

 

ถึงแม้รัฐจะมีหน้าที่ดำเนินคดี แต่ก็มีข้อพึงระวัง 2 ประการ

หนึ่ง ระวังอย่าให้ความยุติธรรมที่ผิดพลาดเกิดขึ้น กับสอง ระวังอย่าให้การดำเนินคดีอาญาก่อความเดือดร้อนแก่ผู้ถูกกล่าวหาเกินความจำเป็น

(คณิต ณ นคร : บทความเรื่อง “ความเป็นประชาธิปไตยในกระบวนการยุติธรรม”)

ระบบยุติธรรมในประเทศประชาธิปไตยต้องมีคุณลักษณะ”เสรีนิยม” ไม่ใช่ “ลุแก่อำนาจ”

ประโยชน์แห่งรัฐจะดำเนินควบคู่ไปกับการคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของบุคคลเสมอ และเพื่อป้องกันการใช้อำนาจโดยมิชอบ ประชาชนต้องสามารถควบคุมและตรวจสอบได้

 

แทบไม่น่าเชื่อว่าปรากฏการณ์ “Call Out” จากคนในวงการบันเทิงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วทำเอา “รัฐบาลประยุทธ์” ถึงกับสั่นไหว

นายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎรและอดีตผู้สมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เร่งรุดนำรายชื่อศิลปินดารานักแสดงนักร้องที่วิจารณ์รัฐบาลไปยื่นให้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ ออกโรงนั่งเคียงข้าง พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล แถลงอย่างขึงขังว่า “ดารามีคนรักคนศรัทธาคนชื่นชอบ พูดไปก็มีคนเชื่อ อยากให้ระมัดระวัง อย่าใช้สิ่งเหล่านี้ไปในทางที่ผิด อย่าตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทราบว่าการเคลื่อนไหวของดารามีเบื้องหลัง พยายามติดตามอยู่ว่ามาจากดารากลุ่มหนึ่ง บริษัทหนึ่ง ค่ายหนึ่ง มันเป็นขบวนการ”

ในทันใดนายตำรวจนาม “ปิยะ” ก็รับลูกว่า มีรายชื่อประมาณ 25 คนที่จะพิจารณาความผิดเป็นรายบุคคลว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยสุจริตหรือไม่

ระดับ “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ก็มี พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ออกมาแสดงภูมิว่า “แม้การแสดงความคิดเห็นเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญก็ต้องไม่กระทบต่อบุคคลอื่น ถ้าผู้ใดถูกพาดพิงสามารถร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีได้ ส่วนความผิดตามอาญาแผ่นดิน พนักงานสอบสวนเป็นเจ้าทุกข์ดำเนินคดีได้”

คล้ายกำลังกรุยทางเตรียม “ข้อหา” เอาไว้ให้นัก Call Out ทั้งหลายในโลกโซเชียล

จะว่าไป พฤติการณ์รัฐแบบนี้คึกคักมาตั้งแต่ต้นปี

 

“เนวินธุ์ ช่อชัยทิพฐ์” ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ “ทศพล เพ็งส้ม” กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ “สุภรณ์ (เสกสกล) อัตถาวงศ์” ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ไลฟ์สดทางเพจคณะก้าวหน้าวิจารณ์การบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล

“สุภรณ์” ยืนยันว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำหากใครบิดเบือนนำข่าวเท็จกล่าวดูหมิ่นจะไม่ปล่อยไว้ ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย

สิ่งที่นายธนาธรกล่าวเอาไว้ในวันนั้นคือ การได้วัคซีนล่าช้าจะทำให้ประเทศเสียโอกาสในการพัฒนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจการค้าทั้งภายในและกับคู่ค้าต่างประเทศ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ประมาท ไม่ใส่ใจในการเร่งรัดเจรจาและฝากความหวังไว้กับแอสตร้าเซนเนก้าเพียงบริษัทเดียว

“ความประมาท” ที่ว่านั้นปรากฏชัดในข้อความที่ พล.อ.ประยุทธ์โพสต์เอาไว้ในวันที่ 16 มกราคม 2564 ว่า “เราเป็นฐานการผลิตวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นั่นเป็นเหตุสำคัญทำให้เรามีโอกาสเข้าถึงวัคซีนที่ผลิตได้เร็วขึ้น ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการจัดหาวัคซีนและมีแผนวัคซีนที่จะทำให้เกิดผลในการป้องกันการระบาดได้และปลอดภัยมากที่สุด จะทำให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติ เปิดประเทศได้เร็วที่สุด”

ย้ำอีกครั้งว่า วันนั้นตรงกับวันที่ 16 มกราคม 2564 ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อใหม่ 230 คน/วัน มีคนเสียชีวิต 1 คน/วัน มีผู้ป่วยสะสมตลอดทั้งปี 11,680 คน มีผู้เสียชีวิตสะสมมาตลอดทั้งปี 70 คน

ต่างกับวันนี้ที่ประเทศตกอยู่ในภาวะมืดมน !

ในวันเดียวมี “คนป่วยรายใหม่” นับหมื่น มีผู้คนล้มตายไม่เป็นที่ทาง ทั้งในบ้าน นอกบ้าน ข้างถนน และที่โรงพยาบาล เสียชีวิตวันละกว่า 100 ชีวิต

ไม่มีเรื่องราวซับซ้อนซ่อนเงื่อนอันใด ก็แค่ “วัคซีนไม่มา” กับ “วัคซีนไม่มี” ให้ฉีดอย่างเพียงพอและทันเวลา จึงมีคนป่วย มีคนตายไปด้วยเหตุที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน กับตายด้วยเหตุที่ได้ฉีดวัคซีนไม่มีประสิทธิภาพพอในการปกป้องชีวิต

 

ถามว่า ผิดอะไรที่คนในวงการบันเทิงจะพากันออกมา Call Out !

“เบิ้ล ปทุมราช”โพสต์เฟซบุ๊กรัวๆ ว่า อย่าได้กลัวที่จะโพสต์แสดงมุมมองและสิทธิของตน ถ้าโพสต์แล้วเสียงานในวงการไปสัก 10 ชิ้นก็คงจะดีกว่าเงียบแล้วไม่มีความสุขไปอีก 10 ปี ตอนนี้คือโอกาสเคียงข้างแฟนคลับ ทำหน้าที่กระบอกเสียง แต่ทุกโพสต์จงยกเอาอารมณ์ออก เอาเหตุผลที่ดีใส่ลงไป แสดงมุมมอง ไม่ได้ต้องทำสงคราม “อ้ายมีเหตุผล ของจริงอยู่นี่”

“เพชร กรุณพล” ก็ไม่ทน “ท้าทายเลยครับ ถ้าผมผิดไปแจ้งความดำเนินคดี ผมจะได้แจ้งความกลับใน สิ่งที่คุณทำ ผมจะไปดูข้อกฎหมาย เข้าข้อกฎหมายใดผมก็จะแจ้งความหมิ่นประมาทกับคุณ”

ดูเหมือน” รัฐ” ในวันนี้จะมากไปด้วยคนที่มีอุปนิสัยลุแก่อำนาจใช้ “ระบบกล่าวหา” เป็นช่องทางให้ “เจ้าพนักงาน” ในระบบยุติธรรมอ้างว่า “ปฏิบัติหน้าที่” ลิดรอน ปิดปาก

ไม่นานมานี้ นายธนาธรเข้ารับทราบ “ข้อกล่าวหา” ตามหมายเรียกของ สน.นางเลิ้ง ว่ากระทำความผิดกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือ “ธนาธร” กับ “แป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ซึ่งพูดแทน “สยามไบโอไซเอนซ์” ก็ใช้คำในความหมายเดียวกันว่า “อย่าแทงม้าตัวเดียว” สำหรับการจัดหาวัคซีน

แน่นอนว่า การเมืองไทยในวันนี้อาจไม่เหมือนยุคอัศวินผยองครองเมืองที่เถื่อนดิบ ใช้ “ปืน” เหนือกฎหมาย ใช้ทหารกับตำรวจเป็นเครื่องมือกำจัดฝ่ายตรงข้าม แต่ในวันนี้ “รัฐ” ก็กำลังใช้ทุกกลไกที่มี ใช้กฎหมายและกลไกในระบบยุติธรรมอย่างพลิกแพลงฉ้อฉล

บ้านเมืองจะอันตราย ถ้าผู้คนหมดความอดทนกับ “ระบบกล่าวหา” ที่ก่อความเดือดร้อนเกินจริง !?!!