‘นุ้ย เชิญยิ้ม’ ฟาดรัฐบาล ‘ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา’ ‘ไม่ยุบสภาก็ไม่เข้าหาประชาชน’/เปลี่ยนผ่าน

เปลี่ยนผ่าน

เบญจพร ศรีดี

 

‘นุ้ย เชิญยิ้ม’ ฟาดรัฐบาล

‘ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา’

‘ไม่ยุบสภาก็ไม่เข้าหาประชาชน’

กระแสคนในวงการบันเทิง-คนดังออกมา “คอลเอาต์” หรือวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิติเตียนประสิทธิภาพการบริหารงานของรัฐบาล ยังคงมีออกมารายวัน หรือเรียกว่านับไม่ถ้วน

แม้จะมี “ท่านๆ” ออกมากราบเรียนให้ตำรวจตรวจสอบ เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มคนวงการบันเทิงเหล่านี้ หรือมีการเชือดไก่ให้ลิงดูด้วยการดำเนินคดีกับ “มิลลิ” แร็พเปอร์สาววัยไม่ถึง 20 ปี

แต่ก็ไม่ได้ทำให้ “ปรากฏการณ์คอลเอาต์” ของคนบันเทิงไทยลดน้อยถดถอยลง มิหนำซ้ำ กลับทำให้เสียงเหล่านี้ดังขึ้นเรื่อยๆ

หนึ่งในดาราที่ออกมา “คอลเอาต์” ได้อย่างดุเดือด ก็คือ “นุ้ย เชิญยิ้ม” (ชูเกียรติ เอี่ยมสุข) นักแสดงตลกแถวหน้าของเมืองไทย ที่ก่อนหน้านี้ได้ออกมาอัดคลิป “ขอให้ฝันเป็นจริง” กลางดึก

โดยระบุว่า “อยากให้ลุงตู่ไปแทนน้าค่อม (ค่อม ชวนชื่น) อยากให้ลุงป้อมไปแทนพี่เบิร์ต (โรเบิร์ต สายควัน)” จนเกิดกระแสตอบกลับเป็นเสียง “บวก-ลบ” อย่างหลากหลาย

ทีมข่าวมติชนทีวีเพิ่งได้พูดคุยกับ “นุ้ย เชิญยิ้ม” ถึงวิถีชีวิตช่วงโควิดระบาด และจุดยืนในการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองของเจ้าตัว

ดาวตลกผู้นี้เผยว่า ปัจจุบันตนเองอยู่บ้านไม่ได้ไปไหน เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวไปวันๆ ประกอบกับสุขภาพช่วงนี้ไม่ค่อยดี เนื่องจากป่วยเป็นโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม บางทีก็เคลื่อนไปทับเส้นประสาททำให้แขนขาชา

นุ้ยยังฝากขอโทษกรณีเผยแพร่คลิป “ขอให้ฝันเป็นจริง” โดยระบุว่าตนไม่อยากเห็นใครตาย และคิดน้อยไปกับการกระทำครั้งนั้น แต่ก็ได้รับผิดชอบในการกระทำไปแล้ว

ส่วนสาเหตุที่ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เพราะอยากจะเป็นเสียงเล็กๆ ที่ออกมาบอกว่าเราอยากจะได้อะไรจากการบริหารประเทศของรัฐบาล อยากจะได้อะไรจากผู้ใหญ่ที่มีหน้าที่ดูแลคนไทยให้ผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้

“เขาต้องมีศักยภาพมากกว่านี้ มีมาตรการที่ชัดเจนกว่านี้ และก็วางระบบระเบียบให้มากยิ่งๆ ขึ้นกว่านี้ ถ้าทำเองไม่ได้ก็ควรหาแขน หาขา หาสมอง

“ผมว่าประเทศไทยยังมีคนเก่งๆ อีกเยอะแยะมากมาย เอามาเป็นที่ปรึกษาหรืออะไรก็ได้ ขอแนะนำให้คุณฟังเยอะๆ แล้วก็วิเคราะห์เยอะๆ มันถึงจะพาบ้านเมืองไปรอด”

 

“นุ้ย เชิญยิ้ม” เล่าให้เราฟังว่า เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโควิด ประชาชนก็ลำบากกันถ้วนหน้ารวมถึงคนวงการบันเทิง ทั้งนักแสดง นักดนตรี นักร้อง เพราะเจอวิกฤตเดียวกัน

คนเหล่านี้ไม่สามารถไปทำงานได้ บางคนมีเงินเก็บก็อยู่รอด แต่บางคนไม่มีเงินเก็บ เขาก็ไม่รู้จะไปหาที่ไหน เรียกว่าเห็นน้ำตาของประชาชนคนหาเช้ากินค่ำ

จากการติดตามข่าวรายวัน ก็ยิ่งทำให้รู้สึกสลดหดหู่และเสียใจกับทุกครอบครัวที่สูญเสียคนรักไปอย่างไม่มีวันกลับ โดยเฉพาะคนใกล้ชิด เช่น “เป็ด เชิญยิ้ม” อดีตนายกสมาคมศิลปินตลกแห่งประเทศไทย ที่สูญเสียคุณแม่และคุณพ่อ ชั่วระยะห่างกันไม่กี่วัน

“การสูญเสียมันใกล้กันจนทำให้เราที่เป็นคนอื่นยังรู้สึกเสียใจอย่างมาก แล้วลูก-หลานเขาจะรู้สึกอย่างไร? ป่านนี้น้ำตาของเขาจะแห้งกันหรือยังก็ไม่รู้?

“โรคโควิดมันพรากชีวิตคนจริงๆ บางคนติดเชื้อแล้วรอด ก็ถือว่าโชคดี ส่วนคนที่รักษาไม่ได้เสียชีวิตตอนเช้า เย็นก็ต้องเผาแล้ว พูดถึงเรื่องนี้แล้วมันจุกอกจริงๆ”

 

เมื่อถามว่า กลัวไหมว่าในอนาคต การออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองรอบนี้ อาจจะซ้ำรอยกับ “คนบันเทิงเป่านกหวีด” ที่ถูกกระแสตีกลับอยู่ในปัจจุบัน?

นุ้ยตอบในทันทีว่า ส่วนตัวไม่เคยมีความรู้สึกกังวลหรือห่วงกับประเด็นนี้เลย เพราะที่ผ่านมา เราเอาความจริง ความถูกต้องออกมาพูดกัน และตนเองก็ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่ได้เลือกสี ไม่ได้เลือกข้าง เสมือนโควิดที่มันไม่ได้เลือกคน ถ้าใครประมาทมันก็ติดทั้งนั้น

การออกมาแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้ ตนยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า ที่เรียกกันว่า “คอลเอาต์” มันคืออะไร? รู้แค่ว่าตัวเองออกมาบอกในสิ่งที่เราเจอ หลังเสพข้อมูลหรือข่าวจากสื่อทางโทรทัศน์เท่านั้น โดยไม่ได้เสพข่าวจากทางโซเชียลมีเดียเลย เพราะกังวลเรื่อง “เฟกนิวส์”

เพราะคาดหวังเพียงว่าเสียงเล็กๆ นี้จะส่งไปถึงผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเท่านั้นเอง

“กระบอกเสียงเล็กๆ ของเราอาจจะส่งไปถึงผู้ใหญ่บางคนที่เขาอาจจะพลาดเข้ามาดู พลาดเข้ามาฟังบ้างก็ได้ พี่ก็เป็นประชาชนคนหนึ่งจะแสดงความคิดเห็นอะไรไม่ได้เลยเหรอ? ประชาธิปไตยจะมาปิดปาก ปิดหูปิดตาเพื่ออะไร? โตมาจนครึ่งคนแล้ว อยากเห็นความถูกต้องบ้าง มันจะเป็นไร”

 

สําหรับกระแสที่เรียกร้องให้คนวงการบันเทิงออกมา “คอลเอาต์” เพิ่มเติม

“นุ้ย เชิญยิ้ม” เห็นว่าเรื่องนี้เป็นสิทธิส่วนบุคคล ใครอยากจะพูดก็ออกมา ใครไม่อยากพูดก็ไม่ควรไปทำอะไรพวกเขา เพราะอย่าลืมว่าเรากำลังเรียกร้องหาประชาธิปไตยอยู่ จึงควรให้เขาออกมาพูดหรือกระทำใดๆ ด้วยหัวใจของเขาเอง

ส่วนใครที่เคยไปเป่านกหวีดก็เป็นเรื่องของเขา ที่เขาทำอะไรก็ย่อมรู้อยู่แก่ใจ อย่าไปต่อว่าอะไรกันเลย

“ที่ผมว่าเนี่ยไม่ได้ว่าใคร แต่ผมว่าผู้บริหาร เจาะจงไปที่ผู้บริหาร รักก็ต้องรักให้ถูกต้องด้วย ผิดต้องว่าผิด ถูกต้องว่าถูก ไม่ใช่ รัก รัก รัก หลับหูหลับตารัก มันต้องแยกแยะระหว่างความรักกับความถูกต้อง”

ตลกชื่อดังยังฝากให้กำลังใจประชาชนคนไทยที่กำลังต่อสู้กับช่วงเวลาอันเลวร้ายอยู่ในขณะนี้ โดยขอให้ทุกคนสู้ต่อไป แม้จะสู้จนไม่ไหวก็ต้องสู้

“บางคนก็บอกกูก็สู้ กูสู้จนกูไม่รู้จะสู้อย่างไรแล้ว สู้จนจะหมดลมหายใจอยู่แล้ว มึงก็พูดจังเลยให้กูสู้ กูสู้ไม่ไหวแล้ว กูไปด้วยกำลังใจไม่ได้แล้ว กูต้องมีกำลังเงินขับเคลื่อน ครอบครัวต้องกินต้องอยู่ ต้องใช้ ไหนลูก ไหนแม่ ไหนพ่อ หลายๆ อย่างมันประดังประเดเข้ามาหมด”

อย่างไรก็ตาม แม้จะเหนื่อยแค่ไหน ก็ขอให้ทุกคนอย่าเพิ่งหมดกำลังใจหรือท้อแท้ไปก่อน เพราะที่ผ่านมา พวกเราได้ผ่านพ้นมาหลายวิกฤตแล้ว

ตนเชื่อว่าบ้านเมืองเรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง ที่คอยขจัดปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บให้โรคโควิดมันหายไปจากประเทศไทยโดยเร็ว เพื่อให้พี่น้องประชาชนกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข

 

สุดท้ายนี้ “นุ้ย เชิญยิ้ม” ได้ฝากข้อความไปถึงรัฐบาลและผู้ใหญ่ในบ้านเมืองว่า ในฐานะประชาชนไม่อยากจะใช้คำว่า “วอนขอ” เพราะเราเป็นคนเลือกพวกเขาเข้าไป เราเป็นคนส่งเสริมผลักดันให้เขาทำงานให้กับประเทศ

เพราะฉะนั้น เขาต้องรู้อยู่แก่ใจว่าเขาควรทำอะไร ไม่ต้องรอให้ประชาชนมาอ้อนวอนขอ เขาต้องทำต้องนำประเทศ

ด้วยเหตุนี้ ประชาชนจึงไม่ควรจะต้องมาคอยวิงวอนรัฐบาลว่า “ได้โปรดเถอะนะ ช่วยทำให้หน่อย” เพราะย้อนกลับไป เวลาคุณมาหาเสียง คุณโค้งหัวแทบจรดพื้น แต่ตอนนี้ ประชาชนตะโกนไปหาคุณ ร้องเรียกไปถึงคุณ คุณจะทำหูดับไม่ได้ยินอะไร มันเป็นไปไม่ได้

“ผมจึงไม่วอน แต่ผมอยากบอกว่าท่านต้องทำ แล้วก็ทำให้จริงๆ ด้วย ทำจริงๆ จังๆ แล้วก็รักประชาชนด้วยใจจริง กับสิ่งที่ท่านบอกว่าจะทำให้ประชาชนมีความสุข

“เดี๋ยวถ้าเลือกตั้งครั้งนู้น ก็เดินมาไหว้กันอีก ขอคะแนนกันอีก เขาถึงมีคำว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ไม่ยุบสภาก็ไม่เข้าหาประชาชน”