ครัวอยู่ที่ใจ l ทางรอดอยู่ในครัว : บ้านเรามีเส้น / อุรุดา โควินท์

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: บ้านเรามีเส้น

 

ฉันแทบเป็นลม เมื่อช่างไฟส่งบิลค่าสายไฟและอุปกรณ์ต่างๆ ให้

“ค่าแรงไม่แพงครับพี่” ช่างรีบบอก เขาคงเห็นสีหน้าฉัน

ตกใจจริงๆ ฉันไม่คิดว่าสายไฟ ท่อไฟ อุปกรณ์เดินไฟจะแพงขนาดนี้

“ถ้าเป็นบ้านหลังใหญ่ เฉพาะเดินไฟ ไม่ปาไปเป็นแสน-สองแสนเหรอนี่” ฉันถาม

เขาพยักหน้า “ประมาณนั้นครับพี่ ทองแดงในตลาดโลกแพงขึ้น สายไฟแพงขึ้นมาก และอุปกรณ์ทุกอย่างที่เกี่ยวกับไฟก็แพงขึ้น”

ฉันยิ้ม ยิ้มซึ่งเหือดแห้งเต็มที

“ช่างไฟที่รับเหมางานใหญ่ แล้วไม่ได้ซื้อของเก็บ ขาดทุนกันทั่วหน้าครับ”

ฉันบวกตัวเลขในใบเสร็จ บวกค่าแรงของช่าง แล้วโอนเงินเข้าบัญชีช่าง

กลับมาถึงบ้านได้อย่างไร ยังไม่รู้ตัว ฉันเหม่อตั้งแต่รู้ตัวเลข คิดวนเวียนแต่ว่า พรุ่งนี้ต้องโอนค่าวัคซีนทางเลือก วันมะรืนต้องจ่ายค่าแรงช่างยกงวดสุดท้าย

คะเนคร่าวๆ ในใจฉันเชื่อว่าพอ พอดิบพอดี

…แต่หลังจากนั้นเล่า

 

โอเค เราจะไม่เรียกช่างน้ำมา ทยอยย้ายของเข้าไปก่อน หาเงินอีกก้อน(จากที่ไหน) แล้วค่อยโทร.หาช่างน้ำ

เขาว่า “สร้างบ้านน่ะ มีเท่าไรก็หมด”

“กับบ้าน พอทำใจได้ แต่จ่ายค่าวัคซีนทางเลือกนี่สิ ถามตัวเองไม่หยุด ทำไมต้องจ่าย สองโดสมันไม่น้อยเลยนะ”

เขาบีบไหล่ฉัน

ฉันยิ้ม “ไม่เป็นไร เราต้องหาทางออกได้”

เราอยากย้ายบ้าน เรารับปากเจ้าของบ้านไว้ว่า อย่างช้า-เราจะย้ายในเดือนกรกฎาคม แต่ถ้าไม่มีน้ำ เราย้ายไม่ได้ และการขนย้ายต้องใช้เงิน เรายกที่นอนสองคนไม่ไหว ยกตู้ไม่ไหว เราไม่มีรถขนของ

ฉันหยิบกุญแจมอเตอร์ไซค์ “อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย”

เขาหยุดคิด แล้วว่า “อยากกินเส้น ก๋วยเตี๋ยว หรืออะไรก็ได้”

นาทีนี้ ถ้าถามว่ามีอะไรที่ฉันทำได้ คำตอบคืออาหาร

ไม่จำเป็นต้องเริ่ดหรู แต่เป็นอาหารดี สะอาด ถูกปากเรา

 

เขาอยากกินเส้น ฉันก็จะทำเมนูเส้น เส้นที่เขาชอบที่สุดไม่ใช่ก๋วยเตี๋ยว แต่เป็นพาสต้า

ทำพาสต้าได้อยู่แล้ว แค่ไปร้านใกล้บ้านซื้อเบคอนมาทำพาสต้าเบคอนกรอบ หรือถ้าไม่คิดอะไรมาก หาโหระพามาสักมัด มีเนื้อสัตว์ มีพริกและใบโหระพา เราก็อาจเรียกมันว่าพาสต้าผัดขี้เมา

ฉันอยากทำอะไรที่ต่างออกไป เคยกินพาสต้าผัดหอยจากร้านของคนอิตาลี เรียบง่าย รสไม่จัด แต่อร่อยมาก

หอยไม่มีหรอกแถวนี้ กุ้งควรทำแทนได้ หยิบพาสลีย์มาด้วยหนึ่งถุง

เส้นมีแล้ว กระเทียมก็มี

ระหว่างแกะกุ้ง ฉันต้มเส้น โดยใส่เกลือนิดหน่อย

ฉันต้องการเส้นที่สุกราว 80 เปอร์เซ็นต์ ตอนผัด เส้นได้เจอไฟอีกหน่อย เราจะได้พาสต้าหนึบๆ อย่างฝัน

บางคนชอบกินหัวกุ้ง แต่ทั้งฉันและเขาไม่ชอบ เราแกะกุ้งแบบเอาหัวออกทั้งหมด ผ่าหลังดึงเส้นดำทิ้ง แล้วล้างให้สะอาด

เส้นพาสต้าได้ที่แล้ว ฉันเทน้ำร้อนออก ใส่น้ำเย็นลงไป ล้างเส้นให้เย็น แล้วพักในกระชอนให้สะเด็ดน้ำ

ใช้กระเทียมจีนปอก หั่นบางๆ กระเทียมควรเยอะเป็นพิเศษ พอผัดให้สุกแล้วอร่อยมาก ใส่พริกจินดานิดหน่อย โดยหั่นเป็นแว่นเล็ก

สุดท้ายคือพาสลีย์ สับให้ละเอียดยิบ ใส่ถ้วยใบเล็กรอ

 

เขาอาบน้ำเสร็จ ฉันจึงเปิดเตา ใช้เนยกับน้ำมันอย่างละครึ่ง ผัดกระเทียมกับพริกให้สุก ใส่กุ้ง เร่งไฟแรง แล้วเทไวน์ขาวลงกระทะ ปรุงรสด้วยเกลือ พอกุ้งสุก ก็เอาเส้นลง คลุกเส้นให้ร้อนฉ่า ปิดเตา เหยาะน้ำมันมะกอก แล้วโรยพาสลีย์

ไม่ถึงสิบนาทีอาหารเส้นก็พร้อมเสิร์ฟ

เรามีผักใบเขียว มีมะเขือเทศ และหอมใหญ่ เป็นสลัดอย่างง่ายๆ

โรยเกลือ ราดน้ำมันมะกอกลงชามสลัด

เขาบีบไหล่ฉัน “โอเคมั้ย”

ฉันพยักหน้า “โอเคหลังชิมพาสต้า” หัวเราะ “มั่วๆ ทำเอาน่ะ ลองชิมสิ อร่อยจริงมั้ย หรือแม่ครัวเข้าข้างตัวเอง”

ม้วนพาสต้าใส่จานให้เขา

เขาเคี้ยวตุ้ยๆ “มันดูไม่มีอะไร แต่อร่อยมากเลย”

“รสคล้ายของร้านซาซ่ามั้ย เขาใส่พริกแห้งกับหอย จำได้มั้ย ที่เราเคยกิน”

เขาพยักหน้า “ใช่ๆ คล้ายกันมาก มีกลิ่นอาหารทะเล กับอะไรอีกสักอย่าง บอกไม่ถูก”

ฉันอมยิ้ม “ให้ทาย”

“ไวน์เหรอ…”

เขานับเป็นคนช่างกิน เขาแยกแยะรสชาติเก่ง และแสดงความเห็นในอาหารอย่างตรงไปตรงมา

ส่วนฉัน นับวันก็ยิ่งชอบทำอาหาร กล้าทำบางจานที่ไม่เคยทำ ไม่ต้องเปิดตำรา แถมยังมั่นอกมั่นใจว่าต้องกินได้

ก็…ตั้งแต่เราใช้ชีวิตด้วยกันนั่นล่ะ