มองเส้นทางโผทหาร ‘บ้านป่ารอยต่อฯ-พระราม 5-นรสิงห์’ ‘ทรงวิทย์’ แรง! ‘คอแดง’ จ่อ จับตา ‘บิ๊กอุ้ย’ เลิฟ ‘เสธ.โต้ง’ ‘แอร์บูล’ ดัน ‘บิ๊กตั้ว’ วัดสัญญาณ-พลัง ‘บิ๊กตู่’/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

มองเส้นทางโผทหาร

‘บ้านป่ารอยต่อฯ-พระราม 5-นรสิงห์’

‘ทรงวิทย์’ แรง!

‘คอแดง’ จ่อ

จับตา ‘บิ๊กอุ้ย’ เลิฟ ‘เสธ.โต้ง’

‘แอร์บูล’ ดัน ‘บิ๊กตั้ว’

วัดสัญญาณ-พลัง ‘บิ๊กตู่’

 

แม้ว่าอำนาจการแต่งตั้งโยกย้ายทหาร ท้ายที่สุดแล้วจะอยู่ที่บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมก็ตาม

แต่เป็นที่รู้กันดีว่า กว่าที่โผทหารจะลงตัวได้ ก็ต้องผ่านการกลั่นกรองจาก ผบ.เหล่าทัพ มายังสนามไชย ต้องผ่านมือของบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ที่ พล.อ.ประยุทธ์มอบหมายให้เป็นคนกลางเชื่อมประสานตำแหน่งระหว่าง ผบ.เหล่าทัพ

และจะต้องผ่านด่านบ้านป่ารอยต่อ 5 จังหวัดฯ ผ่านมือบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง พี่ใหญ่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ยังเกรงใจ แล้วจึงส่งมายังบ้านนรสิงห์ ทำเนียบรัฐบาล ให้ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้าฯ

แต่ในบางตำแหน่งสำคัญในส่วนของกองทัพบก โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 1 และ ผบ.พล.1 รอ. ที่เกี่ยวข้องกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ 904 (ฉก.ทม.รอ.904) ที่เป็นทหารคอแดง ก็จะต้องผ่านบ้านพระราม 5 ใน บก.ที่ตั้ง กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ (ทม.รอ.) พื้นที่ มทบ.11 และ ร.1พัน 3 รอ.เดิม

รวมถึงบทบาทของบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ รองราชเลขาธิการ อดีต ผบ.ทบ. ที่ก่อตั้ง ฉก.ทม.รอ.904 และเป็นทหารคอแดงใน ทบ.คนแรก และให้กำเนิด “ทหารคอแดง” ใน ทบ.ตามมา

แม้จะพ้นจาก ทบ.ไปแล้ว แต่บารมีของ พล.อ.อภิรัชต์ในกองทัพ โดยเฉพาะใน ทบ.ยังคงมีอยู่ แม้ว่ากับบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. และ ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 จะไม่ค่อยแน่นแฟ้นแนบสนิทเหมือนเดิมก็ตาม

แต่ยังมีการไปพบปะหารือกันที่ พล.1 รอ. ที่ พล.อ.อภิรัชต์มักจะขอมาใช้สถานที่ในการพบปะ หรือนัดหารือสำคัญ อีกทั้งใกล้พระราชวังดุสิต

ดังนั้น กว่าที่ตำแหน่งสำคัญใน ทบ.จะออกมาได้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็ปรึกษา พล.อ.อภิรัชต์ด้วยเช่นกัน

โดยเฉพาะตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 ที่ถูกจับตามองอย่างมาก ท่ามกลางกระแสข่าวต่างๆ นานา

แต่ในที่สุด มีแนวโน้มสูงว่า บิ๊กอ๊อบ พล.ท.ทรงวิทย์ หนุนภักดี รองเสธ.ทบ. จะได้ไฟเขียวให้คัมแบ๊กข้ามจาก บก.ทบ.กลับมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 หลังจากที่เกิดการวัดพลังกันมาระยะหนึ่ง

ด้วยแรงหนุนของ พล.อ.ณรงค์พันธ์สุดตัวเพราะเรียกได้ว่าเป็น “ทีมคอแดงพระราม 5” ด้วยกัน

ที่ผ่านมา เวลาลงพื้นที่ พล.อ.ณรงค์พันธ์มักจะให้ พล.ท.ทรงวิทย์ร่วมคณะไปด้วยเสมอ จนเป็นที่รู้ว่า เป็นน้องรักบิ๊กบี้

รวมถึงการที่ส่ง พล.ท.ทรงวิทย์ไปควบคุมการฝึกโดดร่มทางยุทธศาสตร์ Airborne Operations ของทหาร ร.31 รอ. กับทหารสหรัฐที่ Fort Bragg, North Carolina ด้วยตนเอง เพราะมีทั้งนายทหาร จ่า นายสิบ พลทหาร และนักเรียนนายร้อย จปร. รวม 114 นายไปร่วมฝึก ตั้งแต่ 11-26 กรกฎาคม 2564

ในฐานะที่ พล.ท.ทรงวิทย์จบจาก รร.นายร้อย Virginia Military Institute (VMI) มีความสามารถด้านภาษา และมีประสบการณ์ และยังเป็นรองเสธ.ทบ.ที่ดูแลงานสายยุทธการ ทั้งของ ทบ. และ ฉก.ทม.รอ.904 อีกด้วย

ก็ยิ่งทำให้ถูกจับตามองว่าจะได้ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในโผนี้ แล้วเข้าสู่ไลน์การขึ้น 5 เสือ ทบ. และชิง ผบ.ทบ.ในอนาคตด้วย

พล.ท.ทรงวิทย์ หนุนภักดี

หลังจากที่ประเด็นการจบนอก ไม่ได้จบ จปร. ที่เคยเป็นม่านประเพณีกางกั้นไม่ให้นายทหารที่จบนายร้อยต่างประเทศ ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

แต่ทว่า ในขั้นต้นนี้ นายทหารที่จบต่างประเทศ เคยเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 มาแล้วอย่างบิ๊กเสือ พล.อ.พิจิตร กุลละวณิชย์ ที่จบจาก รร.นายร้อยทหารบกสหรัฐ หรือนายร้อย WestPoint

แม้ว่าท้ายที่สุด จากแม่ทัพภาคที่ 1 เมื่อขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทบ.แล้ว จะไม่ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. แต่ถูกส่งข้ามไปเป็นรอง ผบ.ทหารสูงสุดก็ตาม

ดังนั้น ย่างก้าวของ พล.ท.ทรงวิทย์จึงน่าจับตามองยิ่ง ว่าจะสามารถปลดแอกม่านประเพณีนี้ได้หรือไม่ เพราะแม้จะไม่ได้เรียน รร.นายร้อย จปร. แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นเตรียมทหารรุ่น 24 ซึ่งเป็นรุ่นที่กำลังขยับขึ้นมาคุมอำนาจในกองทัพ

โดยเฉพาะในสายทหารคอแดง รองหนุ่ย พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ที่คาดว่าจะขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 ในโผนี้ และเข้าไลน์ชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.ในอนาคตด้วย เพราะมีอายุราชการถึง 2569

ในภาพรวมในเวลานี้ แม่ทัพต่อ พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่ 1 จะต้องขยับขึ้นเป็นพลเอก ผช.ผบ.ทบ.ในโผนี้ นำหน้าไปก่อน จ่อเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ที่จะเกษียณกันยายน 2566

พล.ท.เจริญชัยเป็นทหารเสือราชินีที่โตมาจาก ร.21 รอ. ได้ชื่อว่าเป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ และพี่น้อง 3 ป. ที่ก็กำเนิดมาจาก ร.21 รอ.ด้วยกัน

หากทุกอย่างลงตัวแบบไร้ความขัดแย้ง พล.ท.เจริญชัยจะขึ้นเป็น ผบ.ทบ.คอแดงคนที่ 3 ต่อจาก พล.อ.อภิรัชต์ และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ โดยจะเกษียณกันยายน 2567

จากนั้น หาก พล.ท.ทรงวิทย์ฝ่าด่านม่านประเพณีได้ ก็จะเป็น ผบ.ทบ.ต่ออีก 1 ปี เพราะเกษียณกันยายน 2568 และต่อด้วย พล.ต.ธราพงษ์ที่เกษียณ 2569 และต่อด้วย ผบ.เนี้ยว พล.ต.ทรงพล สาดเสาเงิน ผบ.พล.1 รอ. ที่คาดว่าโผนี้จะขึ้นรองแม่ทัพภาคที่ 1 เข้าไลน์ไว้ก่อน ที่ล้วนเป็นทหารคอแดง

พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์

แต่หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง พล.ท.ทรงวิทย์จากแม่ทัพภาคที่ 1 ขึ้น 5 เสือ ทบ. แล้วเป็น ผบ.ทบ.ไม่ได้ ก็คงต้องข้ามฟากไป บก.ทัพไทย เสียบยอดเป็น ผบ.ทหารสูงสุด

แต่ในอีกสถานการณ์หนึ่ง เมื่อ พล.ท.เจริญชัยขึ้นไปเป็นพลเอก ผช.ผบ.ทบ. อยู่แล้วตั้งแต่โผนี้ แล้วโยกย้ายกันยายน 2565 พล.ท.ทรงวิทย์ที่หากขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 ในโผนี้แล้ว ก็จะขึ้น 5 เสือ ทบ.ไปชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.กับ พล.ท.เจริญชัย รุ่นพี่ ตท.23 ได้เช่นกัน และในเวลานั้นอาจต้องมีคนหนึ่งอยู่ และอีกคนหนึ่งไป บก.ทัพไทย

ดังนั้น โผโยกย้ายทหารครั้งนี้ ทุกสายตาในกองทัพจึงจับจ้องไปที่ พล.ท.ทรงวิทย์ในย่างก้าวนี้ก่อนว่าจะขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1 หรือไม่ แม้จะมีสัญญาณชัดเจนออกมา เพราะได้รับการสนับสนุนทั้งจาก พล.อ.ณรงค์พันธ์ และ พล.อ.อภิรัชต์ เพราะถึงอย่างไรก็เติบโตใน ร.11 รอ.มาด้วยกัน

แล้วทั้งบิ๊กจ๊อด พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด บิดา พล.อ.อภิรัชต์ กับบิ๊กตุ๋ย พล.อ.อิสระพงศ์ หนุนภักดี อดีต ผบ.ทบ. บิดา พล.ท.ทรงวิทย์ ที่ต่างลาโลกไปแล้ว ก็ล้วนสนิทสนมกัน

เส้นทางเดินของโผกองทัพบก โดยเฉพาะในส่วนทหารคอแดง จึงต้องผ่านหลายด่าน ก่อนจะถึงมือนายกฯ ที่บ้านนรสิงห์ ที่ถือว่าจบแล้ว

พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์

แต่ของเหล่าทัพอื่น เส้นทางอาจแตกต่างกัน เช่น ตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เหล่าทัพเสนอชื่อนายทหารมาให้ พล.อ.ประยุทธ์เลือก

บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทหารสูงสุด เสนอชื่อ เสธ.ไก่ พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม ทหารม้ารุ่นน้อง ตท.22 เสธ.ทหาร อดีตเจ้ากรมยุทธการทหาร นักรบเหรียญรามา และเสธ.โจ้ พล.อ.ณตฐพล บุญงาม เพื่อน ตท.21 ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักปลัดกลาโหม อดีต ผช.ทูตทหาร ประจำสหรัฐ และเจ้ากรมข่าวทหาร

ที่คาดกันว่า นายกฯ จะเลือก พล.อ.สุพจน์ที่มีอายุราชการ 2566 นั่งได้ยาว 2 ปี กองทัพไทยจะได้ว่าง จัดวางใหม่ได้สะดวกขึ้น แล้วให้ พล.อ.ณตฐพลที่เคยถูกวางตัวเป็นเลขาฯ สมช.มา 2 ปีแล้ว กลับไปเป็น เสธ.ทหาร

แต่หากดูที่เนื้องาน มากกว่าการแก้ปัญหาการโยกย้ายที่ไม่ลงตัว พล.อ.ประยุทธ์อาจพิจารณาชื่อเสธ.โป๊ป พล.อ.ชัชชัย ภัทรนาวิก ตท.21 ที่ปรึกษา สมช. อดีต ผช.ทูต รัสเซีย ที่ทำงานการข่าว และการทำงานกับมิตรประเทศมายาวนาน แต่ก็มีโอกาสน้อยกว่า พล.อ.สุพจน์ ที่เป็นอำนาจนายกฯ จะจิ้มเลือก

รวมทั้งกองทัพเรือ เส้นทางโผทหารเรือนั้นมีข่าวว่า บิ๊กอุ้ย พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. เสนอชื่อแคนดิเดตคนใน ทร.อย่างเสธ.โต้ง พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ เสธ.ทร. ที่ทำงานใกล้ชิดสนิทสนมกันมา มอบหมายงานสำคัญมาตลอด ขึ้นไปตามหน้าที่และตามธรรมเนียม ที่จะไม่เสนอชื่อคนนอก ทร.

หากจะมีการเปลี่ยนแปลง ก็จะเป็นในระดับกลาโหม เพราะ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกลาโหม จะเป็นคนเสนอชื่อบิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย รองปลัดกลาโหม ให้ ทร.พิจารณาเป็น ผบ.ทร. เพื่อทำให้ตำแหน่งในกลาโหมไหลลื่น ในการวางตัวบิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ เสธ.ทบ. ข้ามมาเป็นปลัดกลาโหมได้ ไม่ติดเรื่องอาวุโสของ พล.ร.อ.สมประสงค์ ที่เป็นพลเรือเอกพิเศษ ในตำแหน่งรองปลัดกลาโหมมา 2 ปี

แน่นอนว่า สายใยความเป็นเพื่อน ตท.20 ของ พล.อ.ณัฐ พล.อ.วรเกียรติ พล.ร.อ.ชาติชาย และ พล.ร.อ.สมประสงค์ แล้ว ก็ไม่น่าจะมีอะไรขัดข้อง

แต่ พล.อ.ณัฐที่เป็นน้องรัก พล.อ.ประวิตร ก็คงต้องอาศัยอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะ รมว.กลาโหม ที่เป็นประธานบอร์ด 7 เสือกลาโหม ร่วมด้วย

แต่หาก พล.ร.อ.ชาติชายยืนกรานชื่อ พล.ร.อ.ธีรกุลเป็น ผบ.ทร. หรือยืนยันชื่อคนใน ทร. หรือมีสัญญาณบางอย่างให้บิ๊กปู พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ แคนดิเดตใน ทร.อีกคนเป็น ผบ.ทร.

ทางออกคือ พล.ร.อ.สมประสงค์อาจจะตัองนั่งจเรทหารทั่วไป ที่กลาโหมในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ

เพราะหากสำรวจกระแสใน ทร.แล้ว ทั้ง พล.ร.อ.ธีรกุล และ พล.ร.อ. สุทธินันท์ ก็ยังมีความหวัง และความมั่นใจ แม้ว่ากระแสข่าวทางหน้าสื่อจะเทน้ำหนักไปทาง พล.ร.อ.สมประสงค์ก็ตามที

จึงคาดกันว่า โผทหารเรือจะต้องรอ พล.อ.ประยุทธ์ร่วมพิจารณา ที่จะเป็นการประนีประนอมให้ พล.ร.อ.สมประสงค์เป็น ผบ.ทร. 1 ปี แล้วให้ พล.ร.อ.ธีรกุลขึ้นรอง ผบ.ทร. ส่วน พล.ร.อ.สุทธินันท์เป็น ผช.ผบ.ทร. รอชิงกันในกันยายน 2565 ก็ได้ เพราะทั้งคู่เกษียณ 2566

เว้นเสียแต่ว่ามีสัญญาณมาแรงให้ พล.ร.อ.สุทธินันท์ขึ้นแม่ทัพเรือเลย

พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ,พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์ วัฒนวรางกูร

เช่นเดียวกับโผทหารอากาศที่มีข่าวยืนยันว่า บิ๊กแอร์ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ. เสนอชื่อแคนดิเดตคนใน ทอ.เป็น ผบ.ทอ.คนใหม่

แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีโผหลุด และเกิดกระแสข่าวสะพัดแรงว่า บิ๊กต่วย พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ ต่ายทอง รอง ผบ.ทหารสูงสุด จะได้คัมแบ๊ก กลับมาเป็น ผบ.ทอ. ด้วยแรงหนุนของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่เคยจะหนุนบิ๊กต่วยมาครั้งหนึ่ง แต่ไม่สำเร็จ เพราะคราวนั้น พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ ผบ.ทอ. ยืนกรานที่จะให้ พล.อ.อ.แอร์บูลเป็น ผบ.ทอ.

โดยมีแนวโน้มว่า พล.อ.อ.แอร์บูลจะเสนอชื่อเพื่อนรัก ตท.21 อย่างบิ๊กตั้ว พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์ วัฒนวรางกูร ผบ.คปอ. ขึ้นมาแทนตนเอง แม้ว่า ผบ.คปอ.จะไม่ได้อยู่ใน 5 เสืออากาศก็ตาม

เพราะหากดูที่ความสนิทสนม วางใจแล้ว พล.อ.อ.แอร์บูลใกล้ชิด พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์มากกว่าเพื่อนคนอื่น ทั้งบิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ประธานที่ปรึกษา ทอ. และ พล.อ.อ.สุทธิพันธ์

ดังนั้น หาก พล.อ.อ.แอร์บูลเสนอชื่อ พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์เป็น ผบ.ทอ. และยืนยันตามนั้น ก็ยากที่ พล.อ.ประยุทธ์จะแทรกแซง แม้กระแสข่าวใน ทอ.จะระบุว่า พล.อ.อ.สุทธิพันธ์มีสายสัมพันธ์รู้จักกับครอบครัวจันทร์โอชาก็ตาม

เพราะหากเทียบประวัติแล้ว พล.อ.อ.สุทธิพันธ์อาจเสียเปรียบ เพราะธรรมเนียม ทอ.นั้น ผบ.ทอ.ต้องเป็นนักบิน แต่ก็จะมองกันที่การเป็นนักบินลำเลียง นักบินขับไล่ และตระกูลเอฟ และที่สำคัญ ต้องเป็น ผช.ทูตทหารมาด้วย

แม้ พล.อ.อ.สุทธิพันธ์เป็นนักบิน A-37 แต่ไม่ได้เป็น ผช.ทูตทหาร

ขณะที่ พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์เป็นอดีต ผบ.กองบิน 1 อดีต ผช.ทูตทหารอากาศประจำกรุงลอนดอน ส่วน พล.อ.อ.นภาเดชเป็นอดีตผู้การกองบิน 23 และอดีต ผช.ทูตทหารอากาศประจำปักกิ่ง

ส่วนเสธ.หนึ่ง พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา เสธ.ทอ. เป็นอดีตนักบินเอฟ และอดีตผู้การกองบิน 4 และอดีต ผช.ทูตทหารอากาศประจำสวีเดน

อีกทั้งรู้กันดีว่า พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์เป็นทหารอากาศสายบ้านป่ารอยต่อฯ คุ้นเคยกับ พล.อ.ประวิตร และมีอดีตบิ๊ก ทอ.ช่วยสนับสนุนด้วย

แม้ในยุคของ พล.อ.อ.มานัตยอมเสียเพื่อน ไม่เอาบิ๊กจ้อ พล.อ.อ.ธเรศ ปุณศรี เพื่อน ตท.20 ขึ้นเป็น ผบ.ทอ. เพราะคิดว่า รุ่นหนึ่งควรเป็น ผบ.ทอ.แค่คนเดียวพอ จึงเลือก พล.อ.อ.แอร์บูล รุ่นน้อง ตท.21 ขึ้นมาก็ตาม แต่ ตท.21 มีเค้าที่จะได้เป็น ผบ.ทอ.อีกคน

มากกว่าที่จะให้ พล.อ.อ.ชานนท์ แคนดิเดตรุ่นน้อง ตท.23 ที่มีอายุราชการอีก 3 ปี สามารถที่จะเป็น ผบ.ทอ.ต่อจาก พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์ที่นั่งแค่ 1 ปี

พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ

เส้นทางโผทหารแต่ละเหล่าทัพในการโยกย้ายทหารคราวนี้ จึงแตกต่างกันไป ท่ามกลางอำนาจการต่อรองของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ลดลงจากสถานการณ์โควิด และการเมืองที่หนักหน่วงในห้วงเกิดวิกฤตศรัทธาและขาลง

ขณะที่กองทัพและ ผบ.เหล่าทัพ มีระยะห่างกับพี่น้อง 3 ป.มากขึ้น แต่ทำหน้าที่สนับสนุนงานตามกลไก และทำหน้าที่กองทัพเช่นทหารอาชีพมากขึ้น แต่ยึดมั่นในการถวายงาน และความจงรักภักดี

จึงทำให้โผทหารคราวนี้ วัดพลังอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ได้ด้วยเช่นกัน ว่ายังแข็งแกร่งอยู่หรือไม่