ครัวอยู่ที่ใจ l ทางรอดอยู่ในครัว : หาคนช่วยกินแกง / อุรุดา โควินท์

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: หาคนช่วยกินแกง

 

เขาชอบกินแกงกะหรี่มาก ทั้งแบบใส่กะทิเหมือนที่เรากินตอนเด็ก และกะหรี่ญี่ปุ่น เสียดายที่ฉันไม่ค่อยได้ทำ เพราะทุกครั้งที่ทำ แกงก็เหลือ มันฝรั่งเป็นวัตถุดิบที่อุ่นซ้ำไม่ค่อยอร่อย และหากจับแช่แข็ง คือจบข่าว เอาออกมากินอีกทีมันฝรั่งจะเละแทบเป็นน้ำ

เป็นเมนูที่บริหารวัตถุดิบยาก อยากแกงแต่น้อยให้พอมื้อ แต่เหลือมากมายทุกที

นึกอยากกินมาหลายวัน และกำลังคิด ถ้าแกง จะตักแบ่งใคร ไม่ค่อยมีคนอยากออกจากบ้าน ไม่ค่อยมีใครอยากเจอหน้ากัน

ชาวเชียงรายเท่าที่ฉันเห็น ระมัดระวังตัวมาก ใส่หน้ากากร้อยเปอร์เซ็นต์ ถนนหนทางเงียบเหงา ร้านอาหารแทบไม่มีคนนั่ง เราเองก็ไม่อยากนั่ง ฉันทำอาหารกินทุกมื้อ เพราะนอกจากประหยัด ปลอดภัย งานครัวยังช่วยชุบชูจิตใจฉันด้วย

ฉันหลับตา พยายามจินตนาการแผงตลาดใกล้บ้าน ฉันทำอย่างนี้ทุกครั้ง เพื่อลดเวลาในการเดินตลาดลง ต่อให้ไม่มีของที่หมายตาไว้ ก็ยังดีกว่าไม่ได้คิดอะไรไปเลย

ด้วยวิธีนี้ ฉันใช้เวลาในตลาดไม่เกิน 15 นาที แผงไหนคนแน่น ฉันไม่ซื้อ

“ช่างไฟว่า น่าจะใช้เวลาสองวัน” เขาบอกฉัน

ช่างไฟมาเหรอนี่ “ช่างมีกี่คนอ่ะ”

“สามคนนะ”

“คิดว่าช่างจะกินแกงกะหรี่ญี่ปุ่นมั้ย”

เขาหัวเราะ “วัยรุ่นต้องชอบแกงกะหรี่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว”

แหม จะบอกว่าตัวเองเป็นวัยรุ่นสินะ โอเค มีคนช่วยกิน เราทำแกงกะหรี่แบบไม่ต้องเก็บได้แน่ วัยรุ่นกินจุด้วยสิ

“บอกช่างว่าไม่ต้องออกไปกินข้าวกลางวันนะ มีแกงกะหรี่ญี่ปุ่น ยกเว้นไม่อยากกิน ก็ตามใจ” ฉันบอกเขา หยิบกระเป๋าผ้า เตรียมไปตลาด

 

แกงกะหรี่ญี่ปุ่นต้องการมันฝรั่ง แคร์รอต หอมหัวใหญ่ ฉันตรงไปตลาดก่อน ได้ผักมาครบ ไม่ลืมแอปเปิลเขียว และกล้วยหอม จากนั้นค่อยไปซื้อหมู ใช้สันคอ และใส่เยอะหน่อย เพราะวัยรุ่นต้องการโปรตีน (ฉันก็ด้วย)

ร้านขายหมูเริ่มมีตู้แช่มากขึ้น จากเดิมที่ขายแต่หมูกับไข่ ตอนนี้ขายเนื้อวัวแบบแช่แข็ง กุ้งสด และวัตถุดิบอื่นอีกมาก

เจ้าของร้านจำฉันแม่น อุดหนุนกันมาตั้งแต่เป็นร้านเล็กๆ ฉันไม่ชอบหมูแช่แข็ง และไม่อยากซื้อหมูที่วางไว้ในอุณหภูมิห้อง (ตลาด) ร้านของเธอจึงลงตัว เธอมีหมูแต่ละส่วนแช่ตู้เย็นไว้ หั่นให้ตามน้ำหนักที่ฉันต้องการ บางวันฉันขี้เกียจสับหมูเอง ฉันจะขอเธอหั่นสันคอ และบดหยาบให้

“ช่วงนี้ไข่เบอร์ใหญ่มาน้อยนะคะ” เธอบอก “พอร้อน มันเสียง่าย ไม่ค่อยสดค่ะ”

เธอรู้ว่าฉันชอบกินไข่ฟองโต แต่นั่นล่ะ ถ้าให้เลือกระหว่างไข่ฟองเล็กกับไข่สด ฉันเลือกไข่สดอยู่แล้ว

กินไข่เบอร์หนึ่งไปก่อนได้ ฉันคิด หยิบไข่เบอร์หนึ่งสิบฟองก่อนกลับบ้าน

ล้างผักทั้งหมดให้สะอาดเกลี้ยงเกลา ปอกมันฝรั่งแล้วหั่นเป็นชิ้น บางคนชอบชิ้นใหญ่ก็หั่นชิ้นใหญ่ แต่ฉันชอบหั่นทุกอย่างเป็นชิ้นเต๋าเล็ก เท่ากันบ้าง ไม่เท่ากันบ้าง ไม่เป็นไร

ใช้มันฝรั่งเยอะที่สุด ราวสี่หัวเล็ก แคร์รอตหนึ่งหัวใหญ่ และหอมหัวใหญ่หนึ่งหัวยักษ์ หั่นแยกไว้ชนิดละจาน

แอปเปิลเขียวกับกล้วยหอมเป็นเครื่องปรุงที่สำคัญมาก ฉันใช้กล้วยหอมหนึ่งลูกเล็ก แอปเปิลครึ่งลูก หั่นเป็นเป็นชิ้น ปั่นรวมกันให้ละเอียด

สันคอหมูได้มาหกขีด ฉันใส่ทั้งหมด โดยหั่นเต๋าเช่นกัน

 

เตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว ฉันเปิดเตาตั้งกระทะ ใช้น้ำมันนิดหน่อย ผัดหอมใหญ่กับหมูให้สุกก่อน จากนั้นค่อยใส่มันฝรั่งและแคร์รอต ผัดพอให้ผักทั้งสองอย่างสะดุ้ง แล้วเททั้งหมดลงหม้อ เติมน้ำแค่พอท่วม เปิดเตา ใช้ไฟกลาง

เมื่อน้ำแกงเดือด เบาไฟเป็นไฟอ่อน ใส่กล้วยหอมกับแอปเปิลเขียวลงหม้อ ตามด้วยเกลือราวครึ่งช้อนชา

เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผักนุ่ม จะเคี่ยวนานแค่ไหนขึ้นอยู่กับความชอบ เวลาในการเคี่ยวจึงต่างกัน

เมื่อผักสุกได้ที่ น้ำจะงวดลง ทีนี้ก็ใส่เครื่องแกงกะหรี่ลงไป ฉันใช้สามก้อน คนให้ละลาย น้ำแกงจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล กลิ่นแกงกะหรี่หอมไปทั้งครัว

ตักชิมแล้ว ฉันว่ายังขาดเกลือ เติมเกลือหน่อย แอบเยาะพริกป่นครึ่งช้อนชาลงหม้อด้วย ไม่ถึงกับเผ็ด แต่สำหรับฉัน มันชูรสขึ้นอีก

ให้เครื่องแกงละลาย และน้ำแกงข้นๆ เดือดปุดๆ ก็ปิดเตา

ใจความสำคัญของแกงกะหรี่คือต้องกินตอนร้อน ฉันหยิบจานมาตักข้าว ข้าวเพิ่งสุกยังร้อนอยู่ อย่างนี้ต้องอร่อยแน่ ไม่ได้ข้าวญี่ปุ่นก็ไม่เป็นไร หอมมะลิใหม่ทำแทนได้

ตักแกงลงจานเยอะๆ รีบจัดลงถาด ไปเสิร์ฟให้ช่างไฟ วางจานบนโต๊ะในสวน ตอนเดินกลับมาค่อยโทรศัพท์บอกพวกเขาว่า อาหารอยู่บนโต๊ะรอแล้ว

 

ฉันล้างมือ แล้วกลับมากินแกงกะหรี่ของเรา

เขากินเอา กินเอา ไม่พูดสักคำ คงเพราะไม่ได้ทำให้กินนานนั่นล่ะ

“ยังมีอีกนะ” ฉันบอก

เขาส่ายหัว “อร่อยมาก แต่ไม่ไหว นี่ก็เยอะมากแล้ว”

ดูสิ มีคนช่วยกินสามจาน แกงยังไม่หมดหม้อ คราวหน้าฉันต้องหาทางแกงหม้อน้อยให้จงได้