ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16 - 22 กรกฎาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ท่าอากาศยานต่างความคิด |
เผยแพร่ |
In Books We Trust (21)
ชีวิตของนกนางนวลนั้นมี “สามัญสำนึก” ได้หรือไม่ นั่นคือคำถามที่ผมมีขึ้นตลอดเวลาของการอ่านนวนิยายเรื่อง โจนาธาน ลิฟวิงสตัน นางนวล หรือ โจนาธาน นางนวล
นกนางนวลนั้นสามารถคิดแตกต่างจากเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของมันได้หรือ
นกนางนวลนั้นสามารถแสวงหาความเป็นปัจเจกที่ไม่ข้องเกี่ยวกับกลุ่มได้หรือ
นกนางนวลนั้นสามารถละทิ้งสัญชาตญาณแห่งการหาอาหาร เอาตัวรอด ไปจนถึงขั้นละทิ้งการสืบพันธุ์หรือมีชีวิตปกติได้หรือ
และที่สำคัญ นกนางนวลนั้นสามารถสั่งสมปัญญาที่ได้มาจากการบินได้จริงหรือ?
คำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในความคิดของเด็กชายที่ผ่านเข้าสู่ชีวิตวัยรุ่นเป็นเวลาหลายต่อหลายคืนนับจากนาทีแรกที่ผมหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นอ่าน
เรื่องราวในนวนิยายโจนาธาน นางนวล เรียบง่ายมาก นกนางนวลตัวหนึ่งรู้สึกตนว่าชีวิตประจำวันที่มีแต่การโฉบหาอาหารที่เป็นปลาซึ่งถูกทิ้งเพราะไม่มีความต้องการจากชาวประมงนั้นเป็นชีวิตที่ไร้สาระ ไร้แก่นสาร
การเกิดมาเป็นนกนางนวลตัวหนึ่งนั้นจำเป็นต้องถูกกักขังไว้ในวิถีชีวิตแบบนี้หรือ
โจนาธาน นกนางนวลหนุ่มใฝ่ฝันถึงชีวิตที่ดีงาม ทรงคุณค่ากว่านั้น
และเขาพบว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าชีวิตที่มีการเรียนรู้เพื่อกระทำบางสิ่งที่แตกต่างออกไป
ทว่าบางสิ่งนั้นคืออะไรเล่า?
สําหรับสัตว์หรือสิ่งมีชีวิตอื่น บางสิ่งอาจเป็นสิ่งที่พวกเขาเหล่านั้นกระทำได้ เช่น เสืออาจฝึกการล่าเหยื่อ สุนัขอาจฝึกการดมกลิ่น
แต่การฝึกเหล่านั้นมักถูกฝึกด้วยผู้เลี้ยงหรือเกิดจากสถานการณ์ที่บังคับ
เสือที่หาเหยื่อในพื้นที่ที่ปกติไม่ได้ อาจต้องฝึกตนให้มีความสามารถพิเศษ
แต่ในกรณีของโจนาธาน นกนางนวลหนุ่มตัวนั้น เขาฝึกในสิ่งที่เรียกว่า “การบิน” เขาถือให้การเรียนรู้ในการบินเป็นเป้าหมายชีวิต และสิ่งที่เขาได้พบจากการบินคือ “ปัญญา” ที่งอกงามขึ้นในทุกวัน
ทุกเช้าตรู่ โจนาธานจะฝึกบินโดยลำพัง เขาต้องการค้นพบว่าตนเองจะสามารถบินให้เร็วขึ้นและเร็วขึ้นได้อย่างไร
เขาทดลองการบินในทุกรูปแบบ การแนบปีกไว้กับลำตัวเพื่อไม่เกิดการต้านลม การดิ่งลงอย่างรวดเร็วสู่ท้องทะเลก่อนจะเปลี่ยนทิศทางการบินไม่ให้ร่างกายกระแทกน้ำ
เขาทำในหลายสิ่งที่ก่อให้เกิดความประหลาดใจแก่หมู่นกนางนวล
ความประหลาดใจนั้นถูกสั่งสมขึ้นทุกทีในนกนางนวลตัวอื่น ก่อนจะลงความเห็นว่า โจนาธานกำลังทำในสิ่งที่เรียกว่าความเป็น “ขบถ” ต่อชีวิตของนกนางนวล
เขาถูกลงโทษด้วยการประณามให้อับอายก่อนจะถูกขับไล่ออกจากฝูงนกนางนวลในที่สุด
เรื่องราวในภาคแรกของนวนิยายดำเนินไปเช่นนี้
ผมเคยอ่านงานเขียนที่ตัวละครเป็นสัตว์และมีความรู้สึกนึกคิดมาก่อนหน้านั้น เรื่องราวที่ว่านั้นมักเป็นนิทานหรือเทพนิยายที่ขึ้นต้นว่า “ในอดีต เมื่อสัตว์ยังเข้าใจภาษามนุษย์และสามารถพูดกับมนุษย์ได้อย่างอิสระ”
ในเรื่องราวเช่นนี้ สัตว์มีความรู้สึกนึกคิดแต่ก็เป็นความรู้สึกนึกคิดที่ไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไป
สัตว์เหล่านั้นประพฤติตนดังมนุษย์ที่อยู่ในร่างของสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างออกไป
สุนัขจิ้งจอกที่ล่อลวงหนูน้อยหมวกแดงไม่ต่างจากชายชราหน้าซื่อใจคดคนหนึ่ง
แต่สำหรับโจนาธาน นางนวล แล้วผมรู้สึกได้ว่าเขาเป็นนกนางนวลตัวหนึ่งจริงๆ นกนางนวลที่กำลังก่อการขบถในชีวิตของเขา
ผู้เขียนเรื่องโจนาธาน นางนวล ได้รับคำอธิบายเพิ่มเติมในหมายเหตุท้ายเล่มว่า เขามีอาชีพนักบิน ด้วยเหตุนี้การเขียนเรื่องราวของการบินในนกนางนวลจึงมีความสมจริง
แต่ว่าในส่วนอื่นเล่า ทำไมผมถึงรู้สึกได้ว่า โจนาธาน นางนวล นกนางนวลตัวเอกของเรื่องจึงมีความคิดความอ่านที่สมจริงเช่นกัน
อะไรเล่าที่ทำให้ผมรู้สึกว่าโจนาธาน มีเลือดเนื้อและกำลังทำการบินอย่างโดดเดี่ยวเช่นนั้นจริงๆ
ความรู้สึกแปลกแยก เป็นเอกเทศ ไม่เข้ากลุ่มของโจนาธาน ส่งผลต่อผมเป็นครั้งแรกเมื่อวิชาวิทยาศาสตร์ในชั้นเรียนปีนั้นเปิดโอกาสให้นักเรียนนำเสนอโครงการด้านวิทยาศาสตร์ที่จะจัดแสดงในงานเทศกาลประจำปีของโรงเรียน
นักเรียนส่วนใหญ่ตัดสินใจเลือกงานกลุ่มที่จะนำเสนอ การทำงานกลุ่มนั้นแบ่งเบาภาระและทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย บางคนเสนอเรื่องการสาธิตวิธีการผ่ากบ บางคนนำเสนอเรื่องของการใช้พลังงานแสงแดดในการเพาะเมล็ดพันธุ์
ไม่มีใครตัดสินใจทำงานเดี่ยวเนื่องด้วยว่ามันเสี่ยงและกลายเป็นแกะดำเกินไป
การเสนอที่จะทำงานเดี่ยวนั้นไม่ใช่เพียงแค่การอวดอ้างความสามารถของตน แต่ยังหมายถึงการปฏิเสธที่จะรับคนอื่นเข้าไปในกลุ่มอีกด้วย
ซึ่งในด้านหนึ่งมันอาจหมายถึงการเห็นแก่ตัว หรือไม่สมาคมกับเพื่อนในชั้น
ทว่าหัวข้อที่ทุกคนนำเสนอไม่ดึงดูดใจของผมเลย
ในที่สุดสิ่งที่ผมนำเสนอคือการใช้หนูถีบจักรกับความสัมพันธ์ในการสร้างกระแสไฟฟ้าอย่างง่ายผ่านทางมอเตอร์จึงกลายเป็นภาระของผมเพียงคนเดียว
ผมกลายเป็นโจนาธาน นางนวล ที่ออกแสวงหาความรู้เพียงลำพังในที่สุด
ไม่มีทางเลือก ผมเริ่มต้นด้วยการหาข้อมูลเกี่ยวกับหนู การทดลองพันมอเตอร์ด้วยตนเอง การทดลองวัดกระแสไฟฟ้าด้วยเครื่องวัดกระแสไฟฟ้า
สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นความรู้ใหม่ แม้ว่าจะมีเขียนไว้ในตำรา แต่การลงมือทำด้วยตนเองนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
หนูตัวแรกที่ผมซื้อมาไม่มีความสามารถในการทำกิจกรรมดังกล่าว สายไฟที่ผมใช้มีขนาดเล็กเกินไป ตู้ทดลองเมื่อประกอบเองมีอาการแตกหัก
ปัญหาจำนวนมากที่เกิดขึ้นทำให้ผมนึกถึงเรื่องราวของการทดลองบินครั้งแล้วครั้งเล่าของโจนาธาน
เขาตัดทุกสิ่งออกจากชีวิต กินเพียงเล็กน้อยเพียงเพื่อให้มีชีวิตอยู่ก่อนจะกลับไปสู่การฝึกบิน นอนเพียงเล็กน้อยเพียงเพื่อไม่ให้ร่างกายอ่อนเพลียก่อนจะกลับไปสู่การบิน
เรื่องราวในหนังสือโจนาธาน นางนวล เติบโตเคียงคู่ไปกับการแสวงหาความรู้ของผมจนถึงวันแสดงงาน
ในวันแสดงงาน ผลงานของผมแม้ว่าจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่การที่มันสามารถเปลี่ยนการเคลื่อนที่ของหนูให้หลอดไฟดวงเล็กๆ สว่างขึ้นได้คือรางวัลล้ำค่า
คะแนนของผมในวิชาวิทยาศาสตร์นั้นไม่แตกต่างจากคนที่ทำงานกลุ่มเท่าใดนัก
แต่ผมรู้ดีว่างานที่ผมทำก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางประการในตน
ผมพบว่าเราสามารถเป็นใครคนหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องแอบอิงกับกลุ่มหรือบุคคลหนึ่ง เราสามารถเป็นใครบางคนที่แสวงหาความรู้ส่วนตนอย่างเดียวดายได้
ในขณะที่ภาคแรกของโจนาธาน นางนวล ให้แนวทางบางอย่างสำหรับผม
ภาคสองของมันกลับเป็นสิ่งที่ผมไม่อาจเข้าถึงได้ เรื่องราวภาคสองเล่าถึงการไปสู่สรวงสวรรค์ของโจนาธาน ภายหลังการฝึกบินอย่างเข้มงวด เขาสามารถผ่านข้อจำกัดเรื่องความเร็วที่นกนางนวลตัวอื่นไม่อาจกระทำได้
เขาไปถึงความเร็วสูงสุด ทว่าในความเร็วสูงสุด เขากลับไม่ได้รับรางวัลใดๆ
เขาเข้าสู่สภาวะที่คล้ายกับความตายและตื่นขึ้นในดินแดนแห่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยนกนางนวลอีกฝูง
นกนางนวลที่มีหัวหน้าเป็นนางนวลอาวุโสที่มีนามว่า เจียง
เจียงต้อนรับโจนาธานในฐานะผู้มาใหม่ ก่อนจะเล่าถึงนกนางนวลตัวอื่นที่อยู่ในที่แห่งนั้น พวกเขามาถึงที่นี่ได้ด้วยหนทางเดียวกับโจนาธาน โดยการละทิ้งความคิดที่หมกมุ่นแต่เรื่องราวของตนเอง
พวกเขามาถึงที่นี่ได้ผ่านทางการเรียนรู้และฝึกฝน พวกเขามาถึงที่นี่ได้ด้วยการพบว่าชีวิตมีอะไรให้แสวงหามากกว่าการบินเพื่อหาอาหาร กิน สืบพันธุ์และตายจากโลกนี้ไป
พวกเขามาถึงสถานที่ที่เรียกว่าสรวงสวรรค์ผ่านทางการฝึกฝน เรียนรู้ ไปจากโลกวิสัยและละทิ้งตัวตน
ในพื้นที่ที่เรียกว่าสวรรค์ โจนาธานได้รับการฝึกฝนว่าการเคลื่อนที่ทั้งหลายไม่ใช่การออกแรงทางกายภาพ แต่เป็นการเอาชนะกรอบของความคิด แค่คิดว่าจะบินด้วยความเร็วสูงสุด เขาก็สามารถกระทำเช่นนั้นได้แล้ว
บนสรวงสรรค์ “จิต” นั้นสำคัญกว่า “กาย” และ “จิต” นั้นเป็นตัวการในการกำหนดทุกสิ่ง
โจนาธานฝึกฝนทางจิตอย่างเข้มงวด หมายมั่นที่จะเดินทางต่อ เลื่อนชั้นต่อเพื่อไปสู่สรวงสวรรค์ที่สูงชั้นขึ้น
แต่แล้วเขากลับพบกับสิ่งที่ประหลาดใจเมื่อเจียงกล่าวกับเขาว่าหลังการฝึกฝนอันเข้มงวด หลังการบรรลุถึงสิ่งที่เขาต้องการ ไม่มีสถานที่ใดที่เขาควรไปมากเสียกว่า “การกลับไปสู่ที่ที่เขามา การกลับไปสู่ฝูงนกที่เขาจากมา”
ความหมายที่เกิดขึ้นในนวนิยายเรื่องนี้เต็มไปด้วยปริศนาที่ผมไม่อาจเข้าใจ
เพราะเหตุใดคนที่ประสบในสิ่งที่เหนือกว่าคนอื่นจึงจำต้องเดินทางกลับไปแบ่งปันประสบการณ์เช่นนั้นกับผู้คนที่ดูเหมือนจะไม่แยแสมัน
และเป็นเวลากว่าหกปีที่หนังสืออีกเล่มจะส่งภาคต่ออันสมบูรณ์ในคำถามนี้มาให้ ผมพบหนังสือเล่มนั้นในฐานะหนังสืออ่านประกอบวิชาภาษาไทยในชั้นเรียนปีหนึ่งของมหาวิทยาลัย
หนังสือเล่มนั้นมีชื่อว่า “สิทธารถะ” ของแฮร์มัน เฮสเส