เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ /ชักม้าชมดอกไม้

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

ชักม้าชมดอกไม้

 

เมื่อขุนแผนพาวันทองจากเรือนขุนช้างจะเข้าป่าไปนั้น ขุนแผนปักคำท้าขุนช้างไว้ดังนี้

เอาดาบถากต้นไม้ถ่านไฟเขียน

ไอ้หัวเลี่ยนตามมาจะฉิบหาย

ให้มึงซ้อนกันมาตาขี่ยาย

กูจะป่ายลงให้ใจริกริก

เรียกว่า ท้าทั้งโคตรกันเลยนะนี่…โควิดก็โควิดเถอะ

เสภาช่วงนี้อ่านสนุก ด้วยมีบทชวนให้รำลึกความหลัง ความรักเสน่หาของทั้งคู่ ตั้งแต่ครั้งขุนแผนยังเป็นพลายแก้วและเณรแก้ว วันทองยังเป็นนางพิมหรือพิมพิลาไล

กำเนิดพลายแก้วนี่ก็น่าสนใจว่าทำไมจึงได้ชื่อว่า “พลายแก้ว”

ปีขาลวันอังคารเดือนห้า

ตกฟากเวลาสามชั้นฉาย

เจ้ากรุงจีนเอาแก้วอันแพรวพราย

มาถวายพระเจ้ากรุงอยุธยา

ให้ใส่ไว้บนยอดเจดีย์ใหญ่

สร้างไว้แต่เมื่อครั้งกรุงหงสา

ชื่อวัดเจ้าพระยาไทยแต่ไรมา

ให้ชื่อว่าพลายแก้วผู้แววไว

ตระกูลพลายนี้ว่าเป็นตระกูลมอญ ก็ดูสมจริงด้วย ขุนไกรพ่อพลายแก้วมีพงศ์เผ่าอยู่บ้านลาดหญ้า ท่าเสา เขาชนไก่ เมืองกาญจน์ ซึ่งก่อนนั้นเป็นถิ่น “เจ็ดหัวเมืองมอญ” อันมีเมืองสิงห์ เมืองท่าตะกั่ว เมืองลุ่มสุม เมืองไทรโยค เมืองท่ากระดาน เมืองท่าขนุน เมืองทองผาภูมิ

แค่ชื่อพลายแก้วก็สืบประวัติสืบเชื้อได้รู้พื้นภูมิสำคัญของความเป็นเมืองด่านกาญจนบุรีมากมายนัก เมืองกาญจน์จึงสมเป็นเมืองขุนแผนโดยแท้

 

ส่วนนางพิมนั้นเคยเจรจากับพลายแก้วไว้เมื่อเริ่มรักใคร่กันใหม่ๆ เมื่อพลายแก้วถามพิมว่าเกิดเมื่อไร นางพิมตอบว่า

“หม่อมฉันปีชวดนะหม่อมพี่

สิบหกปีปีนี้เพิ่งปริปริ่ม”

พลายแก้วจึงเปรยว่า

“อ่อนกว่าพี่สองปีเจียวนะพิม…”

ตามบทนี้ก็แปลว่า พลายแก้วแก่กว่าพิมสองปี คือพลายแก้วอายุสิบแปดปี พิมสิบหก

อ้าว…แล้วพลายแก้วจะเกิดปีขาลตามต้นกำเนิดที่ว่า “ปีขาลวันอังคารเดือนห้า” ได้อย่างไร

พิมปีชวด พลายแก้วปีขาล พลายแก้วก็ต้องอ่อนกว่าสองปีซี ถ้าอย่างนั้น พลายแก้วก็ต้องอายุเพิ่งสิบสี่ ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้

นี่ก็ต้องยกให้เป็นความสับสนของผู้แต่งบทเสภา ซึ่งว่ามีหลายคนอยู่ ถ้านางพิมอ่อนกว่าพลายแก้วสองปีจริง พลายแก้วก็ต้องเกิดปีจอโน่น ไม่ใช่ “ปีขาลวันอังคารเดือนห้า” แน่

ช่างเถิด ข้อนั้นเป็นรายละเอียดด้าน “อรรถ” ซึ่งไม่ถึงกับทำให้เสีย “รส”

 

อรรถรสตอนเดินป่าชักม้าชมไพรอันประมวลความรักความเสน่หาของคู่รักคู่นี้คือตอนขุนแผนชมไพรว่า

พระจันทรจรแจ่มกระจ่างแจ้ง

ส่องแสงช่อชูดูไสว

นางแย้มแย้มยิ้มอยู่ริมไพร

เหมือนที่ไร่ฝ้ายพิมเจ้ายิ้มแย้ม

ถึงตอนนี้ต้องกลับไปอ่านเมื่อเณรแก้วแอบสึกเณรมาพบกับพิมที่ไร่ฝ้าย

แทบต้นกระทุ่มพุ่มชัฏ

หลีกลัดเริงรามหนามไหน่

ค่อยย่องตามช่องพนมไม้

เข้าใกล้เห็นพิมผู้ดวงตา

นั่งร้อยบุปผชาติสะอาดโฉม

งามประโลมน่ารักเป็นหนักหนา

จะดูไหนเปล่งปลั่งทั้งกายา

ดังนางฟ้าลอยฟ้อนฉะอ้อนงาม

จะใคร่ทักด้วยรักกำเริบทรวง

ยังหนักหน่วงไม่เคยก็คิดขาม

ปากสั่นหวั่นจิตแต่คิดความ

ขยับฝากแล้วก็คร้ามประหม่าใจ…

ไม่สมชื่อ “พลายแก้วผู้แววไว” เลยนะ

แต่ลีลาก็ออกลายตรงนี้

อดข้าวดอกนะเจ้าชีวิตวาย

ไม่ตายดอกพระอดเสน่หา

นางก้มอยู่กับตักซบพักตรา

เฝ้าวอนว่าไหว้พลางพ่อวางพิม

เล่นบทเจ้าชู้ยักษ์สมชื่อ “พลายแก้วผู้แววไว” แล้วล่ะ

 

บทรักบทเสน่หาในไร่ฝ้ายนี้ยังปรากฏอีกในตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง ใช้มนต์สะกดหลับไปทั้งเรือน เมื่อขุนแผนฟันม่านแล้วเห็น “ขุนช้างกางกอดอยู่กำยำ” ขุนแผนหวนถึงความหลังในไร่ฝ้ายอีกว่า

นิจจาเจ้าวันทองน้องพี่อา

พี่จำหน้าเนื้อน้องได้ทุกแห่ง

นิจจาใจช่างกระไรมาแปลกแปลง

ต่อมือคลำแล้วยังแคลงอยู่คลับคล้าย

เจ้าลืมนอนซ่อนพุ่มกระทุ่มต่ำ

เด็ดใบบอนช้อนน้ำในไร่ฝ้าย

พี่เคี้ยวหมากเจ้าอยากพี่ยังคาย

แขนซ้ายคอดแล้วเพราะหนุนนอน

นึกไม่ออกเหมือนกันภาพวัยรุ่นโบราณรุ่นเคี้ยวหมากนี่

แค่ไม้ดอกแรก “นางแย้มแย้มยิ้มอยู่ริมไพร” ก็ชวนให้เตลิดย้อนไปไกลไม่รู้จบแล้ว

ไม้ดอกต่อไปคือ

“ซ่อนชู้ชูช่ออรชร

เหมือนเราซ่อนเป็นชู้คู่แฉล้ม…”

เณรแก้วแอบสึกมาเข้าหาพิมพิลาไลถึงเรือนแน่ะ หลังบทพิศวาสแล้วชวนมาอาบน้ำกลางชานเรือนนี่ก็งามนัก

พระจันทร์ลอยลีลาศเวหาสห้อง

สาดส่องต้องเต้าดูขาวช่วง

น้ำกระทั่งหลั่งไหลกระทบทรวง

ดังเพชรร่วงหรุบต้องกระจายพราย

“ร่วงหรุบ” นี่ให้ภาพได้เพริดดีจัง

บทชมดอกไม้ชมไพรนี่นับชื่อทั้งดอกไม้และต้นไม้ได้ถึงสิบเจ็ดชื่อ แต่ละชื่อดอกชื่อไม้ใครได้อ่านบทเสภาขุนช้างขุนแผน ก็เหมือนจะได้พลังใจสู้วิกฤตภัยยามนี้ดีกว่าออกไปไหน

จริงนะเอ้า

 

พระจันทรจรแจ่มกระจ่างแจ้ง

ส่องแสงช่อชูดูไสว

นางแย้มแย้มยิ้มอยู่ริมไพร

เหมือนที่ไร่ฝ้ายพิมเจ้ายิ้มแย้ม

 

ซ่อนชู้ชูช่ออรชร

เหมือนเราซ่อนเป็นชู้คู่แฉล้ม

ซ่อนกลิ่นส่งกลิ่นประทิ่นแกม

เหมือนกลิ่นแก้มโฉมยงเมื่อส่งตัว

 

เล็บมือนางกางกลีบกะทัดรัด

เหมือนมือเจ้าปรนนิบัติพัดวีผัว

บานเย็นบานสะพรั่งฝั่งสระบัว

เหมือนเย็นเช้าเย้ายั่วอยู่กับน้อง

 

มะลิวัลย์พันระกำขึ้นแกมจาก

ได้สามวันกรรมพรากไปจากห้อง

จำปีเคียงโศกระย้าผกากรอง

พี่โศกเศร้าเฝ้าตรองกว่าสองปี

 

อบเชยเผยกลิ่นกลั้วสุกรม

วันนี้ได้เชยชมสมสุขพี่

สายหยุดกุหลาบอาบอวลดี

ขอหยุดชม จูบที เถิดสาวน้อย ฯ

จากเสภาขุนช้าง-ขุนแผน