ควันหลงหลังการหยุดยิง อิสราเอล-ฮามาส (3)/มุมมุสลิม จรัญ มะลูลีม

จรัญ มะลูลีม

มุมมุสลิม

จรัญ มะลูลีม

 

ควันหลงหลังการหยุดยิง

อิสราเอล-ฮามาส (3)

 

ความขัดแย้งฮามาส-อิสราเอลในปี 2014 ใช้เวลา 51 วัน ที่อยู่อาศัยของชาวปาเลสไตน์ถูกทำลายย่อยยับและเป็นผลให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตไปถึง 2,000 คน ทั้งนี้เช่นเคยผู้เสียชีวิตเป็นพลเรือน

จากรายงานของสหประชาชาติครอบครัวชาวปาเลสไตน์ถูกทำลายไป 142 ครอบครัวและในการบุกถล่มกาซาครั้งนั้นมีเด็กเสียชีวิตไป 147 คน

การโจมตีในปี 2014 เช่นเดียวกับการโจมตีครั้งล่าสุดโดยอิสราเอล โดยอิสราเอลได้มุ่งโจมตีโครงสร้างทางด้านสาธารณสุข สถานีอนามัย บ้านเรือนที่อยู่อาศัย โรงพยาบาลและค่ายผู้สนับสนุนในกาซา รวมทั้งตึกรามบ้านช่อง โรงพยาบาลและโรงเรียน

ในปี 2006 พื้นที่ของกาซาตกอยู่ภายใต้การปิดล้อมของอิสราเอลทำให้ชีวิตของผู้คนสุดที่จะทนทานได้ และเป็นช่วงๆ ที่อิสราเอลทำให้ประชาชนของกาซาตกอยู่ภายใต้สงครามที่โหดร้ายที่สุด

การรุกรานกาซาของอิสราเอลในปี 2008-2009 และ 2012 ได้สังหารชาวปาเลสไตน์ไปแล้วนับพันคน โดยอิสราเอลจะถล่มด้วยความรุนแรงทุกครั้งเพื่อมั่นใจว่ารัฐบาลฮามาสจะไม่สามารถทำให้ชีวิตในฉนวนกาซามีชีวิตที่ สุขสงบได้และไม่มีความหวังใดๆ ในอนาคต

ในปี 2014 ครอบครัวชาวปาเลสไตน์และบ้านของพวกเขาถูกทำลาย รูปแบบการกระทำดังกล่าวถูกกระทำซ้ำในเวลานี้ด้วยเช่นกัน

 

การเข้าทำลายบ้านเรือน

ของชาวชาวปาเลสไตน์

โดยกองกำลังอิสราเอล

รายงานจากเจ้าหน้าที่ของกาซาพบว่าจากการสำรวจเบื้องต้นพบว่าบ้านอันเป็นที่อยู่อาศัยจำนวน 15,000 หลังถูกทำลาย โรงงานอุตสาหกรรมและมัสญิดอีก 4 หลังก็ถูกทำลายเช่นกัน

เจ้าหน้าที่สหประชาชาติรายงานว่าร้อยละ 50 ของน้ำดื่มที่ใช้กันอยู่ในฉนวนกาซาได้รับผลกระทบจากการโจมตีของอิสราเอล

ประชาชน 248 คนในฉนวนกาซา รวมทั้งเด็ก 66 คน ถูกสังหารอันเนื่องมาจากการถล่มทางอากาศ การใช้ขีปนาวุธและการยิงที่มาจากรถถัง มีประชาชนของกาซาได้รับบาดเจ็บ 19,000 คน

ในเวลาเดียวกันมีชาวอิสราเอลเพียง 12 คนเท่านั้นที่เสียชีวิตอันเนื่องมาจากการโจมตีจากจรวดที่มาจากกาซาโดยสามคนเป็นคนต่างชาติคนหนึ่งเป็นนางพยาบาลที่มาจากเมืองเกรละของอินเดีย และอีกสองคนเป็นแรงงานจากประเทศไทย

มีทหารอิสราเอลเพียง 1 คนที่เสียชีวิต หากเปรียบเทียบอัตราความสูญเสียที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าอิสราเอลใช้ความรุนแรงของพลังอาวุธที่เหนือกว่าอีกครั้งหนึ่งกับประชาชนของกาซาที่ขาดความสำราญในชีวิต

ฝ่ายความมั่นคงของอิสราเอลได้กล่าวถึงความเข้มแข็งทางทหารของตัวเองที่ถูกนำมาใช้ในกาซาว่าเหมือนกับการ “ตัดต้นหญ้า” ในสวนของอิสราเอล

การโจมตีที่มีเป็นช่วงๆ นี้ส่งผลให้ทหารอิสราเอลได้ทดลองใช้อาวุธใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากโดรนของพวกเขาและเทคโนโลยีขีปนาวุธ ซึ่งอิสราเอลได้ปรากฏตัวขึ้นมาในฐานะคู่แข่งกับประเทศใหญ่ๆ ที่ขายอาวุธ

ในปี 2019 อิสราเอลได้ขายอาวุธออกไปมีมูลค่าถึง 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งนับเป็นสัดส่วนสำคัญของรายได้ที่เป็นผลิตภัณฑ์มวลรวม

ตลาดอาวุธจะให้ความสนใจเมื่อได้เห็นการใช้อาวุธจริงๆ

โดรนที่ทำจากอิสราเอลได้ถูกนำมาใช้ในความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อน (2020) ที่ Nagorno-Karabakh ระหว่าง Azerbaijan และ Armenia ชัยชนะของชาว Azeri ที่มีอยู่เหนือ Amenia นั้นส่วนหนึ่ง มาจากโดรนพิฆาตของอิสราเอล

ในความขัดแย้งที่กาซาก็เช่นกันมีการใช้โดรนเพื่อถล่มเป้าหมายทางพลเรือนอย่างเต็มที่ รวมทั้งการฆาตรกรรมทหารและผู้นำทางการเมืองของฮามาสด้วย

 

กระบวนการเปลี่ยนผ่านของสงคราม

ในบทความของศูนย์กลางศึกษายุทธศาสตร์ Begin-Sadat (Begin-Sadat Centre for Strategic Studies) ของปี 2014 Efrains Inbar และ Eitan Shamir นักยุทธศาสตร์ทางทหารเขียนว่าอิสราเอลต้องการเพียงแค่ “ตัดหญ้า” อีกครั้งในชั่วขณะหนึ่ง

พวกเขาสรุปว่าสงครามแห่งการลดทอนจะยังคงกระทำต่อไปเพื่อต่อต้านฮามาสอีกยาวนาน

อย่างไรก็ตาม ในหนังสือพิมพ์ Haaretz ของอิสราเอล Zehava Gal-On นักกฎหมายฝ่ายซ้ายของอิสราเอลได้เตือนว่า “ยุทธศาสตร์การทำสงครามชั่วนิรันดร์” ซึ่งอิสราเอลกระทำอยู่นั้นดูเหมือนจะลืมไปว่ามนุษยชาตินั้นมีความสามารถจะพูดมิได้มีแค่กระบองอย่างเดียว

ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลต่อกาซายังถูกพูดถึงว่ามีความคล้ายคลึงกับ “การยิงปลาในถัง” อันเป็นคำอุปมาที่แสดงให้เห็นว่าผู้คนที่ไม่มีเครื่องป้องกันและยากไร้ของกาซาต้องเผชิญกับกองทหารที่มีพลังในพื้นที่ได้อย่างไร

จุดหนึ่งของการโจมตีทางอากาศในช่วงนี้จะพบว่าเครื่องบินของอิสราเอล 60 ลำเรียงตัวโดยพร้อมเพรียงกันในการมุ่งเป้าไปที่กาซา ประเทศที่สนับสนุนอิสราเอลมาโดยต่อเนื่องอย่างสหรัฐได้ยอมให้ Natanyahu ถล่มกาซาได้ติดต่อกัน 9 วันเต็ม

แม้แต่ตึกซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักข่าวของสหรัฐเองอย่าง Associated Press และสำนักข่าวของกาตาร์อย่าง Al-Jazeera ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผู้วางนโยบายของตะวันตกให้หยุดยั้งการถล่มประชาชานที่ไร้การปกป้องได้

ทั้งนี้ บ้านเรือนจำนวน 184 หลังและทรัพย์สินทางการพาณิชย์ได้ถูกทำลายไปพร้อมๆ กับตึกรามบ้านช่องที่มีผู้สื่อข่าวประจำอยู่

การโจมตีของอิสราเอลได้มุ่งตรงไปที่ชีวิตของยูสุฟ อะบู ฮุซเซน ซึ่งเป็นนักหนังสือพิมพ์ชาวปาเลสไตน์ที่ทำงานให้กับ Voice of Al-Aqsa Radio เขาถูกสังหารโดยจรวดอิสราเอลที่บ้านของเขาเอง

สหพันธ์นักหนังสือพิมพ์นานาชาติ (International Federation of Journalists) ได้ออกแถลงการณ์ว่าอิสราเอลจะต้องรับผิดชอบสำหรับการสังหารครั้งนี้ อันเป็นส่วนหนึ่งของอิสราเอลที่จะปิดปากนักหนังสือพิมพ์และสื่อ

 

การร่วมหัวจมท้ายกับอิสราเอลของสหรัฐ

ฝ่ายบริหารของ Biden แสดงให้เห็นว่าอยู่เคียงข้างกับอิสราเอลโดยกล่าวว่าอิสราเอล “มีสิทธิที่จะป้องกันตัวเอง”

ผู้สังเกตการณ์ส่วนใหญ่ของพื้นที่และผู้มีบ้านเรือนอยู่ในกาซากล่าวว่าการพุ่งเป้าไปที่พลเรือนครั้งนี้โดยทหารอิสราเอลนั้นรุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ ที่ผ่านมา ในหลายๆ กรณีพลเรือนไม่ได้รับคำเตือนให้ออกมาจากบ้านของพวกเขาก่อนมีการทิ้งระเบิดแต่อย่างใด

จากมุมมองของอิสราเอล การถล่มตึกสูงในกาซาเป็นภาพที่ตระการตา โทรทัศน์อิสราเอลได้นำเอาภาพการถล่มดังกล่าวมานำเสนอครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวและแขกที่มาออกรายการต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ไปในแนวยกย่องความกล้าหาญของทหารอิสราเอล

ก่อนการโจมตีกาซาหนึ่งอาทิตย์ ฝ่ายบริหารของ Biden ได้ประกาศขายอาวุธที่มีมูลค่า 735 ล้านเหรียญสหรัฐให้อิสราเอล

สหรัฐให้เงินช่วยเหลืออิสราเอล 3.8 พันล้านเหรียญสหรัฐทุกปีซึ่งเป็นการสนับสนุนทางการทหารให้กับอิสราเอล

ในสมัยที่เป็น ส.ว.ของสหรัฐ Biden อ้างว่าการช่วยเหลือทางทหารให้กับรัฐยิวเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดของสหรัฐที่มีต่อภูมิภาคและไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกมาแก้ตัวแต่อย่างใด