‘จตุพร บุรุษพัฒน์’ ข้าม ‘ห้วย’ หรือ ‘แห้ว’ เฟ้นแคนดิเดตปลัดมหาดไทย จัดทัพคลองหลอดรับเลือกตั้ง/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

‘จตุพร บุรุษพัฒน์’

ข้าม ‘ห้วย’ หรือ ‘แห้ว’

เฟ้นแคนดิเดตปลัดมหาดไทย

จัดทัพคลองหลอดรับเลือกตั้ง

ใกล้ถึงฤดูกาลแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีของกระทรวงคลองหลอดเข้ามาทุกขณะ เพราะในปีนี้ ‘ฉัตรชัย พรหมเลิศ’ หรือ ‘บิ๊กฉิ่ง’ ปลัดกระทรวงมหายไทย ถึงคราวเกษียณอายุราชการ หลังจากที่อยู่ในตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยมานานถึง 5 ปีเต็ม

ดังนั้น จึงถึงเวลาที่จะต้องเฟ้นชื่อปลัดกระทรวงคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทน

แต่อย่างที่รู้ๆ กันว่า บิ๊กเนมในกระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ปลักระทรวง รองปลัดกระทรวง ทั้ง 4 คน อธิบดีทั้ง 6 กรม ทั้งกรมการปกครอง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมที่ดิน กรมโยธาธิการและผังเมือง และกรมพัฒนาชุมชน ล้วนเป็นสิงห์ดำ (จบการศึกษาจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ทั้งสิ้น

จึงไม่แปลกที่การแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยในครั้งนี้จะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่สิงห์ดำ

 

แต่ไม่เพียงแคนดิเดตสิงห์ดำที่อยู่ในกระทรวงคลองหลอดเท่านั้น ล่าสุดมีการปล่อยชื่อ ‘จตุพร บุรุษพัฒน์’ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ข้ามห้วยมาทำหน้าที่ปลัดกระทรวงแทน ‘บิ๊กฉิ่ง’

โดยมีการระบุว่า ‘จตุพร’ ก็เป็นหนึ่งในรุ่นน้องสิงห์ดำ ที่ได้รับการสนับสนุนจาก ‘บิ๊กฉิ่ง’ รวมไปถึง ‘บิ๊กป๊อก’ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่จะเป็นผู้นำชื่อ ‘จตุพร บุรุษพัฒน์’ เข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา

สุดท้ายก็ไม่มีวาระแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยเข้า ครม.ในวันที่ 13 กรกฎาคม แต่อย่างใด…

ต้องรอลุ้นใหม่ว่าสัปดาห์ต่อไปจะมีชื่ออีกหรือไม่?? หรือจะ ‘แห้ว’

 

ว่ากันว่างานนี้มีการจงใจปล่อยชื่อ ‘จตุพร’ ออกมาก่อน เพื่อให้ลูกหม้อมหาดไทยทั้งหลายออกมาคัดค้าน

เพราะหาก ‘จตุพร’ ข้ามห้วยมาจริง จะถือเป็นประวัติศาสตร์ครั้งแรกในรอบ 100 ปีของการก่อตั้งกระทรวงมหาดไทย ที่ไม่ได้เอาลูกหม้อขึ้นมาดำรงตำแหน่ง

โดยมีการระบุถึงความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นของ ‘บิ๊กฉิ่ง’ เมื่อครั้งรับราชการใหม่ๆ เคยเป็นหน้าห้องของนายวิชัย ธรรมชอบ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร และอดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไปพร้อมกับ ‘จตุพร’ น้องรัก

ซึ่งปัจจุบัน ‘จตุพร’ ยังเหลืออายุราชการอีก 3 ปี

ในขณะที่ ‘สุทธิพงษ์ จุลเจริญ’ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมขน เป็นผู้ที่มีความอาวุโสสูงสุดในการเข้าสู่ตำแหน่ง และยังเหลืออายุราชการ 3 ปี

รองลงมาคือ ‘ธนาคม จงจิระ’ อธิบดีกรมการปกครอง เหลืออายุราชการเพียง 1 ปี แม้จะเกิดในปี 2504 แต่เกิดในเดือนธันวาคม จึงได้อยู่ต่ออีก 1 ปี

ในขณะที่ ‘นิสิต จันทร์สมวงศ์’ อธิบดีกรมที่ดิน อาวุโสอันดับที่ 3 เหลืออายุราชการอยู่เพียง 1 ปีเช่นกัน

โดยล่าสุดมีรายงานจากแหล่งข่าวระดับสูงแห่งกระทรวงคลองหลอด ว่าชื่อปลัดกระทรวงนั้นลงตัวแล้ว และไม่ใช่ชื่อ ‘จตุพร’ อย่างที่เป็นข่าว

แต่เป็นชื่อของ ‘ธนาคม จงจิระ’ อธิบดีกรมการปกครอง ทำหน้าที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยแทน เพราะ ‘ธนาคม’ เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับ ‘บิ๊กฉิ่ง’ และเหลืออายุราชการเพียงปีเดียว

และคาดว่าจะมีการแต่งตั้ง ‘สมคิด จันทมฤก’ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ทำหน้าที่อธิบดีกรมการปกครองแทน

 

ดังนั้น ถ้าวิเคราะห์ในเชิงการเมือง หาก ‘บิ๊กฉิ่ง’ ตั้งพรรคสำรองให้กับพรรคพลังประชารัฐ ที่มีชื่อว่าพรรคเศรษฐกิจไทย ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องย้าย ‘จตุพร’ น้องรัก มานั่งตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทย และปล่อยให้ทำหน้าที่ปลัดกระทรวงทรัพย์ต่อไป ‘บิ๊กฉิ่ง’ ก็จะมีทั้งน้องรัก และเพื่อนรัก ทำหน้าที่ปลัดกระทรวง 2 กระทรวงในมือ

ในขณะที่ตำแหน่งเกษียณตำแหน่งอื่น ประกอบไปด้วยผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย 1 ตำแหน่ง และผู้ว่าราชการจังหวัด 18 ตำแหน่ง 1.พ.ต.ท.ม.ล.กิตติบดี ประวิตร ผู้ว่าฯ กระบี่ 2.นายสมบูรณ์ ศิริเวช ผู้ว่าฯ ชัยนาท 3.นายกอบชัย บุญอรณะ ผู้ว่าฯ นครราชสีมา 4.นายธีระ อนันตเสรีวิทยา ผู้ว่าฯ ชุมพร 5.นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ 6.นายภิญโญ ประกอบผล ผู้ว่าฯ ตราด 7.นายสิริรัฐ ชมอุปการ ผู้ว่าฯ นครสวรรค์ 8.นายพัลลพ สิงหเสนีย์ ผู้ว่าฯ ประจวบคีรีขันธ์

9.นายราชิต สุดพุ่ม ผู้ว่าฯ ปัตตานี 10.นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าฯ พระนครศรีอยุธยา 11.นายภัคพงษ์ ทวิพัฒน์ ผู้ว่าฯ เพชรบุรี 12.นานชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าฯ ยะลา 13.นายจารุวัฒน์ เกลี้ยงเกลา ผู้ว่าฯ สงขลา 14.นายชรัส บุญณสะ ผู้ว่าฯ สมุทรสงคราม 15.นายเกียรติศักด์ จันทรา ผู้ว่าฯ สระแก้ว 16.นายประเสริฐ ลือชาธนานนท์ ผู้ว่าฯ หนองคาย 17.นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี และ 18.นายโชคดี อมรวัฒน์ ผู้ว่าฯ พะเยา

สำหรับการเกษียณในหัวเมืองใหญ่ อาทิ เชียงใหม่ นครสวรรค์ พระนครศรีอยุธยา สงขลา และอุบลราชธานี

โดยจังหวัดเหล่านี้จะต้องมีการย้ายผู้ว่าฯ ที่มีความอาวุโสมาดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่

ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า จะมีการเสนอแต่งตั้งโยกย้ายผู้ว่าฯ ในส่วนนี้ และอาจจะมีการเกลี่ยจังหวัดในระนาบเดียวกัน ในคราวเดียวกันกับการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ จ.ยะลา และ จ.ปัตตานี รวมอยู่ด้วย

เมื่อแต่งตั้งหัวเมืองใหญ่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงจะมีการเปิดสอบรองผู้ว่าฯ ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ แทนตำแหน่งที่ว่างอยู่

 

อย่างไรก็ตาม หากมีการปรับทัพรับมือเลือกตั้ง จะต้องมีการขยับหัวเมืองใหญ่เพิ่ม โดยเฉพาะในภาคอีกสาน ที่ ‘ผู้กองมนัส’ ร.อ.ธรรมนุส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แม่บ้านพลังประชารัฐคนใหม่ ที่ประกาศตัวหลังรับตำแหน่งเลขาธิการพรรค ว่าจะเป็นพรรคอันดับ 1 ในการเลือกตั้งครั้งหน้า และจะกวาดพื้นที่ภาคอีสานที่เป็นพื้นที่เดิมของพรรคเพื่อไทยเพิ่ม ก็จะต้องมีการวางหมากตามหัวเมืองสำคัญ ที่อุบลราชธานี และนครราชสีมา ที่เป็นพื้นที่แย่งชิงกันหลายพรรค ไม่มีพรรคไหนยกไปทั้งจังหวัด เป็นการกระจายแต้มไปตามเขตต่างๆ

ขณะที่อุดรธานี เมืองหลวงเสื้อแดง และขอนแก่น ที่โดนพลังประชารัฐเจาะเมื่อครั้งเลือกตั้งซ่อม ก็ต้องมาวางพ่อเมืองให้เข้ากับเกมที่ ‘ผู้กองมนัส’ วางหมากเอาไว้

แต่คงไม่แตะ จ.บุรีรัมย์ หัวเมืองใหญ่ของพรรคภูมิใจไทย ส่วนศรีสะเกษกับสุรินทร์ ก็ต้องสู้กันไปตามเนื้อผ้า แต่เป็นที่รู้กันอยู่ว่า 2 จังหวัดนี้พ่อเมืองเป็นของภูมิใจไทยเช่นกัน

แต่งานนี้ก็ขึ้นอยู่กับ ‘บ๊กป๊อก’ มท.1 จะปล่อย ให้ ‘ผู้กองมนัส’ มาล้วงลูกหรือไม่ เพราะต้องไม่ลืมว่า ยังมีพรรคเศรษฐกิจไทยของ ‘บิ๊กฉิ่ง’ อยู่อีกหนึ่งพรรค

 

หากการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 83 และ 91 ร่างของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าด้วยการเลือกตั้งด้วยบัตร 2 ใบ แล้วเสร็จก่อนการเลือกตั้ง ทีนี้พรรคเล็กพรรคน้อยจะต้องหนาวๆ ร้อนๆ ทันที เพราะคะแนนปัดเศษจะหายไปทั้งหมด และจะไปเติมคะแนนให้กับพรรคใหญ่ อาจจะทำให้พรรคใหม่ของ ‘บิ๊กฉิ่ง’ ตัดคะแนนกันเองกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าติดตาม

หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญล้มพับไปก่อน ก็จะเป็นผลดีกับพรรคเล็ก รวมไปถึงพรรคภูมิใจไทย และพรรคก้าวไกล ที่ไม่เห็นด้วยกับการกาบัตร 2 ใบ

ดังนั้น ต้องจับตาดูการแต่งตั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย และการโยกย้ายผู้ว่าฯ ที่กำลังจะมีขึ้นอย่างช้าไม่เกินสิ้นเดือนสิงหาคม ว่าหน้าตาพ่อเมืองที่ถูกขยับไปแทนที่คนเดิมจะออกมาแบบไหนกัน เพื่อรับการเลือกตั้ง