ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 3 - 9 มิถุนายน 2559 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
สมัยเรียนวิชาศิลปการละครในมหาวิทยาลัย อาจารย์ฝรั่งท่านหนึ่งตั้งประเด็นคำถาม “สมมติว่าฉันตาย ใครจะร้องไห้บ้าง” นิสิตแต่ละคนถูกบังคับให้ต้องคิดหาคำตอบของตัวเองอย่างที่อาจไม่นึกอยากเผชิญ หรืออยากหลบเลี่ยงไปก่อนจนถึงเวลาจำเป็นจริงๆ และเมื่อเป็นงานในชั้นเรียน ต่างคนต่างก็ต้องเผชิญหน้ากับชีวิตและความตายในสมมติของตัวเอง โดยตอบคำถามด้วยจินตนาการเป็นเรื่องเป็นราว ฉาดฉานเป็นฉากๆ อันประกอบด้วยตัวละครพร้อมพรั่ง และมีการพัฒนาเรื่อง
นี่คือคำถามประเภทที่สรรหามาถามกันในชั้นเรียนการเขียนบท ให้เป็นรากฐานสำหรับความคิดสร้างสรรค์
เป็นหนึ่งในบรรดาคำถามกระตุ้นจินตนาการสร้างสรรค์ “What if?” หรือ “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสมมติว่า…”
หนังที่มีชื่อเรื่องแปลเป็นไทยว่า “สมมติว่าแมวหายไปหมดจากโลก” มีรากฐานจากความพยายามหาคำตอบต่อคำถามนี้
ผนวกด้วยสมมติฐานตามตำนานของเฟาสต์ ผู้ทำสัญญากับเมฟิสโตฟิลีส แลกชีวิต 24 ปีบนโลกที่จะได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนต้องการ-แบบที่ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้-แลกกับการตกนรกหมกไหม้ตลอดกาล
หนังเรื่องนี้ก็มี “เมฟิสโตฟิลีส” มายื่นข้อเสนอแลกเปลี่ยนให้ ถึงแม้จะไม่ได้เป็นสัญญา “ขายวิญญาณ” ในลักษณะเดียวกัน
บุรุษไปรษณีย์วัยสามสิบคนหนึ่ง (ทาเครุ ซาโตะ) ใช้ชีวิตอยู่ลำพังกับแมวชื่อ “แค้บเบจ” หลังจากแม่ตาย ใกล้ๆ กับร้านของพ่อที่เขายังถีบจักรยานผ่านอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเวลาส่งจดหมาย แต่ไม่เคยแวะเข้าไปหา
วันหนึ่งขณะถีบจักรยานอยู่ เขาหน้ามืดหมดสติล้มลงกับถนน มาฟื้นขึ้นในโรงพยาบาล ซึ่งหมอตรวจเช็กอาการอย่างละเอียด และพบว่าเขามีเนื้องอกในสมอง ซึ่งอาจเป็นมะเร็งในขั้นสุดท้ายแล้ว
เขามีเวลาเหลืออยู่บนโลกนี้เพียงชั่วเป็นวันเท่านั้น ไม่ใช่เป็นเดือนเป็นปี
ค่ำวันนั้นเขากลับบ้านตามปกติ และต้องตกใจแทบสิ้นสติ เมื่อได้พบกับบุคคลที่มีหน้าตาเหมือนเขาไม่มีผิดเพี้ยนนั่งอยู่ที่โต๊ะ ต่อคำถามว่าเขาเป็นใคร เขาบอกว่าจะเรียกเขาว่า ยมทูต ก็ไม่ผิด นี่คือ “เมฟิสโตฟิลีส” ในตำนานเฟาสต์ ที่มายื่นข้อเสนอแลกเปลี่ยนสำหรับความตาย โดยจะต่อชีวิตให้อีกหนึ่งวัน แลกกับการที่ของบางอย่างหายไปจากโลก
นี่คือเรื่องราวของบุรุษไปรษณีย์คนนี้ ซึ่งเล่าโดยโยงอดีตเข้ากับปัจจุบัน เมื่อมีสิ่งของบางอย่างหายไปจากชีวิตเขา และทำให้เขาเข้าใจความหมายของชีวิตตนดีขึ้น
สิ่งแรกคือ โทรศัพท์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้จักกับแฟน (อาโออิ มิยาซากิ) ที่เลิกรากันไปแล้ว แต่เป็นคนที่มีความหมายแก่ชีวิตเขามาก
สิ่งที่สองคือ ภาพยนตร์ ซึ่งมีความหมายต่อเขาในลักษณะของหนังแผ่นที่เขาดูอยู่กับบ้านคนเดียวทุกเมื่อเชื่อวัน จากคำแนะนำของเพื่อนคนเดียวที่เขามีขณะนี้ ซึ่งทำงานอยู่ที่ร้านให้เช่าดีวีดี (กากุ ฮามาดะ)
สิ่งที่สามคือ แมว ซึ่งเป็นจุดเชื่อมโยงเขากับแม่ที่ตายไปและพ่อยังมีชีวิตอยู่ และรอทักทายคลอเคลียกับเขาเวลาเขากลับบ้าน
สรุปได้ว่า ถ้าของทั้งสามสิ่งหมดไปจากโลกแล้ว ชีวิตเขาก็จะไม่ใช่ชีวิตเขาอย่างที่เขาเป็นอยู่นี้เลย
ซึ่งนำไปสู่ความคิดคำนึงว่า ชีวิตของเราคืออะไรเล่าถ้าไม่ได้มีองค์ประกอบของสิ่งต่างๆ ที่สร้างความหมายหรือความทรงจำดีๆ ให้แก่เรา
ช่วงกลางๆ หนัง เมื่อพระเอกของเรากับแฟนไปเที่ยวต่างประเทศ และได้เจอเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเผอิญตายจากไปอย่างปุบปับ แฟนเขาตั้งคำถามอย่างที่ไม่ต้องการคำตอบจริงๆ จังๆ เป็นทำนองว่า ชีวิตก็เท่านี้ละหรือ คนคนหนึ่งล้มตายหายจากไปจากโลก แต่โลกก็ยังหมุนอยู่ตามปกติ ไม่ได้สะทกสะเทือนหรือมีอะไรเปลี่ยนไปเลย
ย้อนมาสู่คำถามที่ผู้เขียนเล่าไว้ข้างต้นซึ่งอาจซ่อนลึกอยู่ในใจของคนทุกคน ว่า “ถ้าฉันตาย ใครจะร้องไห้บ้าง”
ถึงจะร้อง ก็จะร้องอยู่ได้นานสักแค่ไหน คนเราตายไป หายหน้าไปจากโลกนี้โดยโลกไม่ได้ก้าวสะดุดเลยสักจังหวะเดียวด้วยซ้ำ
ชีวิตทั้งชีวิตดับสูญไป เหลือไว้แต่เพียงความทรงจำอันแสนสั้น หรือในบางกรณีก็อาจไม่เหลืออะไรทิ้งไว้เลยละหรือ
เนื้อหาและคำถามเชิงปรัชญานี้เป็นจุดเด่นของหนังเรื่องนี้ค่ะ มันทำให้เราคิดต่อ ได้คิดและคิดได้ในหลายๆ เรื่อง ซึ่งล้วนเป็นคำถามใหญ่ของชีวิตและมีความหมายต่อเราทั้งนั้น
แต่ที่ทำให้ผู้เขียนนึกเสียดายมากๆ กับหนังที่มีศักยภาพสูงเรื่องนี้ คือ ด้วยสมมติฐานดีๆ แบบนี้ การดำเนินเรื่องของหนังค่อนข้างยืดยาด อืดอาด และเชื่องช้า แบบไม่ได้ดังใจ จนทำให้หนังขาดรสชาติและไม่สนุกเท่าที่ควร
หนังพยายามสอดแทรกมุขต่างๆ ซึ่งบางฉากก็ตลกแบบหัวเราะกันครืนเลย อย่างเช่น ปฏิกิริยาของบุรุษไปรษณีย์คนนี้ที่เพิ่งได้รับรู้ว่าตนเป็นโรคร้ายแรงในขั้นสุดท้าย หรือเมื่อยมทูตบอกให้เขาแลกบางสิ่งกับเวลาอีกหนึ่งวันในชีวิต สิ่งแรกที่เขาเสนอให้หมดไปจากโลก คือ ผักชี (ซึ่งเราเพิ่งเห็นเขาเขี่ยออกจากออมเล็ตต์ที่เขากำลังจะกิน)
เสียแต่ว่าการปล่อยมุขเหล่านี้ทำให้สไตล์โดด กระตุก สะดุด และไม่สม่ำเสมอ
แต่ไม่ใช่หนังประเภทที่ทำให้เรารู้สึกว่าเสียเวลาไปดูหรอกค่ะ ต้องนับว่าหนังมีความคิดดีๆ แฝงอยู่มากทีเดียว น่าจะทำให้กลุ่มคนดูที่ยังอายุไม่มากได้อะไรไปไม่มากก็น้อย
IF CATS DISAPPEARED FROM THE WORLD
กำกับการแสดง
อากิระ นากาอินำแสดง
ทาเครุ ซาโตะ
อาโออิ มิยาซากิ
มิเอโกะ ฮาราดะ
กากุ ฮามาดะ