ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 9 - 15 กรกฎาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | จดหมาย |
เผยแพร่ |
จดหมาย
แรงงานต่างชาติ
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ
พบว่ามีแรงงานข้ามชาติติดเชื้อสะสมจำนวน 41,784 คน (ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2564)
แบ่งเป็น เมียนมา 35,377 คน กัมพูชา 4,707 คน และลาว 1,700 คน
การแพร่ระบาดในระลอกที่สาม รุนแรงและกระจายตัวออกเป็นวงกว้างของการระบาดมากกว่าทั้งสองระลอกที่ผ่านมา
มีแรงงานข้ามชาติติดเชื้อทั้งหมด 26,241 คน
เป็นเมียนมา 20,163 คน กัมพูชา 4,478 คน และลาว 1,600 คน
สาเหตุของการกระจายตัวส่วนหนึ่งมาจากถูกเลิกจ้าง เพราะนายจ้างปิดกิจการโดยเฉพาะในภาคบริการ เพราะวิกฤตโควิด หรือตามคำสั่งของ ศบค.
บีบให้แรงงานข้ามชาติต้องหางานอื่นเพื่อเลี้ยงตัวเอง
ทำให้แรงงานข้ามชาติที่ทำงานอย่างถูกกฎหมาย กลายเป็นผิดกฎหมายไป
เพราะทำงานผิดประเภท หรือเอกสารแรงงานไม่ตรงกับนายจ้างปัจจุบัน
แม้ทั้งตัวแรงงานและนายจ้างไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่กระทรวงแรงงานกลับตั้งชุดเฉพาะกิจ 6 ชุดขึ้นมากวาดล้างคนเหล่านี้
ทำให้มีความกังวล แรงงานยิ่งหลบซ่อน
ไม่สบายก็ไม่กล้าไปพบแพทย์ เพราะกลัวจะถูกจับ
ทำให้การควบคุมโรคติดต่อจะทำได้ยากขึ้น
ภาครัฐควรต้องทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
คือ ให้คนงานเข้าถึงการควบคุมโรค ทั้งการตรวจ และวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด
และจะต้องใช้หลัก 4 อ.ในการจัดการ คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย อาชีพ และมีการดูแลรักษาเมื่อมีอาการ
ซึ่งตอนนี้ไม่มีการใช้ 4 อ.เลย
ส่วนการเข้าถึงวัคซีน แรงงานข้ามชาติที่มีเอกสาร มีจำนวนประมาณ 2 ล้านคน
พบข้อจำกัดว่า ยังไม่มีภาษาประเทศต้นทางของแรงงาน และทั้งแอพพลิเคชั่น และเว็บไซต์สำหรับจองไม่เอื้อต่อการลงทะเบียน
ส่วนแรงงานที่เป็นผู้ประกันตนตาม ม.33 ที่มีจำนวนประมาณ 1 ล้านคนนั้น
แม้มีช่องทางจองวัคซีนผ่านสำนักงานประกันสังคม และระบบจองของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งนายจ้างจะต้องเป็นผู้ลงทะเบียนให้
แต่มีโอกาสตกหล่น และระยะเวลาในการลงทะเบียนจำกัด ไม่มีแผนขยายระยะเวลาการลงทะเบียน อีกทั้งไม่รับทราบข้อมูลนัดหมาย
ส่วน “ผู้ติดตามแรงงาน” ซึ่งมีประมาณ 1 แสนคน มีระบบจองหากอยู่ในพื้นที่เสี่ยง และมีวัคซีนทางเลือกที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง
แต่ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะฉีดในเด็กอย่างไร
และยังพบลูกแรงงานต่างชาติ ไม่มีเอกสารเพราะไม่ได้เกิดในไทย
ส่วนกลุ่มที่ไม่มีเอกสารเลย ซึ่งคาดว่ามีประมาณ 1-2 ล้านคนนั้น ไม่มีช่องทางในการเข้าถึงวัคซีน นอกจากวัคซีนทางเลือกที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเอง
ประเมินว่ากระทรวงแรงงานกลัวกระแสสังคมมากกว่าว่าเหตุใดถึงไม่จัดการแรงงานที่ผิดกฎหมาย
กระแสนี้มาพร้อมกับข่าวคนลักลอบเข้าประเทศ แต่เมื่อไม่สามารถจัดการคนลักลอบเข้าประเทศได้ ก็มาเข้มงวดกับคนที่อยู่ข้างในประเทศแทน
ดังนั้น ใน ศบค.จะต้องตัดสินใจในเรื่องนี้ และกล้าเสนอไปยังรัฐบาลว่าต้องการแบบไหน
เพราะส่งผลกระทบต่อการแพร่ระบาด
นายอดิศร เกิดมงคล
ผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ (Migrant Working Group)
เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ
Website : https://mwgthailand.org/
น่ารับฟัง
น่าห่วง
น่าเอาใจใส่ ถึงจะเป็น “คนนอก” แต่ก็อยู่ข้าง “ใน”
น่าแก้ไข รีบด่วน
ไทยในต่างแดน
ภาพเก่าเล่าเรื่อง
นายอรรณพ ตันติสุนทร (คนซ้าย) นักศึกษาแพทย์ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น พ.ศ.2502
เยี่ยมคำนับจอมพล ป.พิบูลสงคราม (คนกลาง) ที่พำนักอยู่ ณ กรุงโตเกียว
หลังจากจบแพทย์ที่ญี่ปุ่น นพ.อรรณพไปเรียนแพทย์เฉพาะทางที่สหรัฐอเมริกา
และทำงานเป็นแพทย์ที่รัฐแมรีแลนด์
มีครอบครัวอยู่สหรัฐนานกว่า 50 ปี
พ.ศ.2564 มีสถานการณ์โควิด-19 ที่ไทย
นพ.อรรณพ (อายุ 81 ปี) ได้บริจาคเงินให้โรงพยาบาลอำเภอ 9 แห่งใน จ.ตาก โรงพยาบาลละ 1 ล้านบาท
จัดซื้อครุภัณฑ์ทางการแพทย์ช่วยเหลือ รักษาประชาชนที่เจ็บป่วย
จาก
อุดร ตันติสุนทร
ดูจะเป็นภาพ-ข่าวสังคมไปบ้าง
แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีในร้าย
เงิน 9 ล้านคงช่วย 9 โรงพยาบาลได้ตามสมควร
ส่วนภาพเก่าเล่าเรื่องจอมพล ป.กับญี่ปุ่น
มีแง่มุมน่าสนใจ สมควรที่คนรุ่นหลังน่าเรียนรู้
ต้องไม่ลืม ญี่ปุ่นคือประเทศ “ลี้ภัย” ที่จอมพล ป.ไปถึงแก่อสัญกรรมที่นั่น
เมื่อ 11 มิถุนายน พ.ศ.2507 หลังหมออรรณพพบไม่กี่ปี