นับถอยหลัง! สหรัฐปิดฉากสงครามอัฟกานิสถาน/บทความต่างประเทศ

บทความต่างประเทศ

 

นับถอยหลัง!

สหรัฐปิดฉากสงครามอัฟกานิสถาน

 

เป็นปฏิบัติการสุดเงียบเชียบของสหรัฐอเมริกาในการถอนกำลังทหารอเมริกันชุดสุดท้ายออกจากฐานทัพอากาศบากราม ที่มั่นสำคัญทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐในสมรภูมิรบอัฟกานิสถาน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงยามวิกาลของวันที่ 2 กรกฎาคม ตามเวลาท้องถิ่น ที่แม้กระทั่งอัฟกานิสถาน ผู้เป็นเจ้าบ้านเองยังไม่ล่วงรู้ กระทั่งไม่กี่ชั่วโมงต่อมา

การถอนทหารดังกล่าวได้รับการยืนยันจากนายพลมิราสซาดุลเลาะห์ โคฮีสตานี ผู้บัญชาการทหารคนใหม่ประจำฐานทัพบากราม ที่บัดนี้อยู่ภายใต้อำนาจควบคุมของกองทัพอัฟกานิสถาน ที่บอกว่าสหรัฐถอนทหารออกไปโดยไม่ได้แจ้งต่ออัฟกานิสถาน

นอกจากสิ่งปลูกสร้างที่อำนวยความสะดวกสบายและความบันเทิงเริงใจให้กับทหารอเมริกันและกองกำลังพันธมิตรในองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ที่ฐานทัพบากราม ตลอดจนข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ราว 3.5 ล้านรายการ รวมถึงรถพลเรือนหลายพันคันและยานยนต์หุ้มเกาะหลายร้อยคัน ซึ่งกองกำลังสหรัฐทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าแล้ว

ยังมีนักโทษทาลิบันอีกราว 5,000 คนที่ยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำที่นี่

ความเคลื่อนไหวนี้เป็นพัฒนาการล่าสุดตามแผนการถอนทหารของรัฐบาลสหรัฐที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ประกาศไว้อย่างแน่วแน่เมื่อช่วงต้นปีว่าจะถอนทหารอเมริกันออกจากอัฟกานิสถานให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 11 กันยายนปีนี้

ซึ่งจะถือเป็นการปิดฉากสงครามอัฟกานิสถานของสหรัฐที่ดำเนินมายาวนานถึง 20 ปีลงอย่างเป็นทางการ

หลังจากสหรัฐเปิดฉากทำสงครามกวาดล้างการก่อการร้ายขึ้นในดินแดนอัฟกานิสถาน เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐถูกกลุ่มก่อการร้ายก่อเหตุวินาศกรรมโจมตีสหรัฐเมื่อวันที่ 11 กันยายน ปี 2001 จนเป็นผลให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตมากถึงเกือบ 3,000 ราย

 

เหตุที่กองทัพสหรัฐทำสงครามบุกโจมตีอัฟกานิสถาน ภายใต้คำสั่งการของจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ประธานาธิบดีสหรัฐในขณะนั้น เพราะกลุ่มก่อการร้ายอัลเคด้าที่มีโอซามา บิน ลาเดน เป็นหัวหน้าใหญ่และเป็นจอมบงการแผนโจมตีสหรัฐ ได้หลบซ่อนตัวอยู่ที่นั่นภายใต้การคุ้มครองของกลุ่มทาลิบัน ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในเวลานี้ แต่ในเวลานั้นกลุ่มทาลิบันกุมอำนาจปกครองอยู่ในอัฟกานิสถานมาตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ก่อนจะถูกกองกำลังสหรัฐและนาโตทำสงครามกวาดล้าง จนรัฐบาลทาลิบันล่มสลายไป

การปลิดชีพบิน ลาเดน ที่หนีหัวซุกหัวซุนไปกบดานหลบอยู่แนวชายแดนปากีสถานได้เป็นผลสำเร็จของกองกำลังสหรัฐในปี 2011 เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่สหรัฐมีกำลังทหารประจำการสู้รบอยู่ในอัฟกานิสถานมากที่สุดถึงราว 100,000 นาย ในความพยายามกวาดล้างกลุ่มทาลิบันและกลุ่มติดอาวุธอื่นๆ ให้ราบคาบ

ก่อนที่ในวันที่ 27 พฤษภาคม ปี 2014 บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐในเวลานั้นจะเริ่มเผยแผนการถอนทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถานเกือบทั้งหมดภายในปลายปี 2014 โดยให้คงเหลือไว้ราว 9,800 นาย ก่อนจะมีการถอนกำลังทหารสหรัฐที่เหลือออกไปภายในปลายปี 2016

การเข้ามาของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ในภายหลัง ได้มีการประกาศยุทธศาสตร์สานต่อเกี่ยวกับการถอนทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถาน โดยมุ่งหมายที่จะบีบให้กลุ่มทาลิบันเข้ามาร่วมวงเจรจากับรัฐบาลอัฟกานิสถาน ที่เป็นอริศัตรูกัน ก่อนที่สหรัฐจะได้ลงนามในข้อตกลงถอนทหารกับกลุ่มทาลิบัน ที่กรุงโดฮาร์ ประเทศการ์ตา เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ ปี 2020 ที่ทำให้เกิดความคาดหวังว่าจะเกิดการเจรจาสันติภาพระหว่างรัฐบาลอัฟกานิสถานกับกลุ่มทาลิบันขึ้นได้

เป็นข้อตกลงที่สมประโยชน์ของสหรัฐที่ต้องการจะสละเรือออกจากสมรภูมิอัฟกานิสถานที่ทำให้สหรัฐต้องสูญเสียงบประมาณไปกับการทำสงครามที่แสนยาวนานครั้งนี้เป็นจำนวนมหาศาล

 

หากอ้างอิงข้อมูลจากโครงการวิจัยของมหาวิทยาลัยบราวน์และมหาวิทยาลัยบอสตันชี้ว่า งบประมาณในสงครามครั้งนี้ของสหรัฐอาจมีมูลค่าสูงถึง 2.261 ล้านล้านดอลลาร์เลยทีเดียว

ยังไม่นับรวมความสูญเสียชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้อีกมากของทหารอเมริกันจำนวน 2,442 นาย ผู้รับสัมปทานด้านความมั่นคงของสหรัฐกว่า 3,800 ราย ทหารจากกองกำลังชาติพันธมิตรอีก 1,144 ราย

ตลอดจนชีวิตของพลเรือนชาวอัฟกันอีกกว่า 47,000 ราย และทหารอัฟกานิสถานอีกเกือบ 70,000 นาย

และมีขึ้นภายใต้การให้คำมั่นของกลุ่มทาลิบันว่าจะไม่ให้นักรบติดอาวุธต่างชาติไม่ว่าจะอยู่สังกัดกลุ่มไหน เข้ามาเคลื่อนไหวก่อความไม่สงบในอัฟกานิสถานได้อีก

ความมุ่งมั่นปิดฉากทำสงครามโดยตรงในสมรภูมิอัฟกานิสถานของสหรัฐ เท่ากับเป็นการลอยแพอัฟกานิสถานให้ต้องเผชิญสุญญากาศด้านความมั่นคงปลอดภัย ที่กองกำลังรัฐบาลอัฟกานิสถานต้องสู้รบปรบมือกับกลุ่มติดอาวุธทาลิบันต่อไป ซึ่งตอนนี้กลุ่มทาลิบันได้รุกคืบยึดครองพื้นที่ในอัฟกานิสถานไปได้แล้วถึง 1 ใน 3 ของประเทศ

นี่กำลังเป็นความท้าทายยิ่งใหญ่ของรัฐบาลและกองทัพอัฟกานิสถานที่ถึงเวลาต้องพึ่งตนเองจริงๆ ท่ามกลางความเสี่ยงสูงยิ่งที่อัฟกานิสถานจะดำดิ่งลงสู่สงครามกลางเมือง!