‘บิ๊กปั๊ด’ จัดทัพนายพลสีกากี ว่าง 157 เก้าอี้-ยึดหลักอาวุโส ‘บิ๊กอุ้ย’ จ่อ น.1-‘บิ๊กก้อง’ อัพ บช.ก./โล่เงิน

โล่เงิน

 

‘บิ๊กปั๊ด’ จัดทัพนายพลสีกากี

ว่าง 157 เก้าอี้-ยึดหลักอาวุโส

‘บิ๊กอุ้ย’ จ่อ น.1-‘บิ๊กก้อง’ อัพ บช.ก.

ระฆังบอกสัญญาณถึงฤดูกาลแต่งตั้งนายพลสีกากี วาระ 2564 กำลังเริ่มขึ้น

เมื่อ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ประกาศลำดับอาวุโสข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับการ (ผบก.) ถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.)

ปีนี้น่าจับตามอง เพราะเป็นครั้งแรกที่ “บิ๊กปั๊ด” ได้จัดทัพนายพลด้วยตนเอง ตั้งแต่ก้าวมารับตำแหน่งผู้นำกรมปทุมวัน

การแต่งตั้งระดับนายพลวาระประจำปี 2564 ยังคงยึดตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องหลักเกณฑ์การแต่งตั้งและโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามหลักอาวุโส กำหนดว่าการแต่งตั้งตามหลักอาวุโส ให้ถือว่าผู้ที่มีคุณสมบัติและมีรายชื่อในประกาศลำดับอาวุโสของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ถือว่ามีความอาวุโส สามารถเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นได้

โดยการแต่งตั้งต้องเป็นไปตามอาวุโสในสัดส่วนร้อยละ 33

 

ทั้งนี้ ตามกฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งระดับ ผบก. ถึง จตช. และรอง ผบ.ตร. จะต้องเสร็จภายในวันที่ 31 สิงหาคมของทุกปี

โดยปีนี้มีเก้าอี้ว่างระดับรอง ผบ.ตร. 2 ตำแหน่ง, ผู้ช่วย ผบ.ตร. 9 ตำแหน่ง, ผบช. 20 ตำแหน่ง, รอง ผบช. 42 ตำแหน่ง, และ ผบก. 84 ตำแหน่ง

สำหรับผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่คาดหมายกันว่าจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรอง ผบ.ตร. 2 ตำแหน่ง มี พล.ต.ท.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. อาวุโสลำดับที่ 1 เกษียณราชการปี 2567 เป็นตัวเต็ง “บิ๊กรอย” เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 40 ที่ผ่านมาได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ ทำหน้าที่หัวหน้าคณะทำงานสื่อ-สร้าง-สาร รับผิดชอบงานประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ข่าวสารองค์กร และยังสวมหมวกอีกใบในตำแหน่งรักษาราชการแทน ผบช.ภ.2 แก้ปัญหาบ่อนการพนันในพื้นที่ ต้นตอแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกที่ 2

อีกราย พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง ผู้ช่วย ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 5 เกษียณราชการปี 2565 โปรไฟล์โดดเด่น เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 37 เคยนั่งตำแหน่ง ผบก.ป. เมื่อปี 2559 ก่อนขยับนั่ง ผบช.ก. เมื่อปี 2561 ขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. เมื่อวาระ 2563 ช่วยดูแลงานด้านสืบสวนสอบสวน เป็นผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพล มือปืนรับจ้างและผู้ร้ายสำคัญ

และขับเคลื่อนนโยบายกวาดล้างจับกุมโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ที่ทุจริต ฉ้อโกงเงินของรัฐจากโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน”

พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร

ในระดับผู้บัญชาการ ที่มองกันว่าเป็นตัวเต็งขึ้นผู้ช่วย ผบ.ตร. ตามหลักเกณฑ์อาวุโสร้อยละ 33 ได้แก่ 1.พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. 2.พล.ต.ท.ธนา ชูวงษ์ ผบช.ภ.7 3.พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1

นอกจากนี้ ยังมีผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมจ่อนั่งผู้ช่วย ผบ.ตร. อาทิ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบช.ก. อาวุโสลำดับ 27 เกษียณอายุราชการ 2567 พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผบช.ภ.8 อาวุโสลำดับ 8 เกษียณอายุราชการ 2569 เป็นต้น

ระดับรอง ผบช. ที่เตรียมอัพตำแหน่งเป็น ผบช. ตามหลักเกณฑ์อาวุโสร้อยละ 33 ด้วยเช่นกัน ได้แก่

1. พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย รอง ผบช.ภ.1

2. พล.ต.ต.อภิชาติ เพชรประสิทธิ์ รอง ผบช.ส.

3. พล.ต.ต.นพปฎล อินทอง รอง ผบช.สง.ก.ตร.

4. พล.ต.ต.กฤษฎา สุรเชษฐพงษ์ รอง ผบช.สกบ.

5. พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.

6. พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.กมค.

ส่วนเก้าอี้ผู้บัญชาการหลัก อย่างกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มี “บิ๊กอุ้ย” พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จเรตำรวจ (สบ8) ปฏิบัติราชการ บช.น. ว่ากันว่าตีตราจองมาตั้งแต่ไก่โห่ โดย พล.ต.ท.จิรพัฒน์เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 38 เพื่อนร่วมรุ่น “บิ๊กอู๊ด” พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.คนปัจจุบัน ที่กำลังจะเกษียณราชการ 30 กันยายนนี้ และยังเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 22 เช่นเดียวกับ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.

ที่ผ่านมา บิ๊กอุ้ยถือเป็นลูกหม้อนครบาล เคยดำรง ผบก.น.9 ก่อนขยับเป็นรอง ผบช.น. มีความรู้ความเชี่ยวชาญแก้ไขปัญหาการจราจรในกรุงเทพมหานคร ก่อนที่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์จะมอบให้รับผิดชอบงานสืบสวน ผลงานเข้าตาจนได้รับแรงหนุนจากหลายฝ่าย

ขยับเป็นจเรตำรวจ (สบ8) เทียบเท่าผู้บัญชาการ เมื่อวาระการแต่งตั้งเมษายน 2564 ที่ผ่านมา แม้เป็น ผบช. ยังคงทำหน้าที่ปฏิบัติราชการ บช.น. สานต่องานดูแลคดีที่เกี่ยวกับม็อบไม่ให้สะดุด

ปูทางเตรียมนั่งเก้าอี้แม่ทัพนครบาล แบบไร้คู่แข่ง และเกษียณปี 2566

พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช

ฟากเก้าอี้ ผบช.ก. กูรูหลายสำนักฟันธงต้องเป็นบิ๊กก้อง พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. อาวุโสลำดับ 125 เป็นนายพลหนุ่มไฟแรงอนาคตไกล ที่ยังเหลืออายุราชการอีก 15 ปี

เปิดวาร์ปบิ๊กก้องนักเรียนนายร้อยรุ่นที่ 50 จบปริญญาโทด้านการบริหารข้อมูลสารสนเทศ จากมหาวิทยาลัยเซ็นทรัลมิชิแกน สหรัฐอเมริกา

จบปริญญาเอกวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาธุรกิจเทคโนโลยีและการจัดการนวัตกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบหลักสูตรเอฟบีไอรุ่นที่ 271 จากสหรัฐอเมริกา

เคยดำรงตำแหน่ง ผบก.ป. หรือผู้การประเทศไทย เมื่อตุลาคม 2561

และเป็นผู้ก่อตั้งชุดปฏิบัติการพิเศษหนุมานกองปราบฯ ที่มีผลงานทำภารกิจสำคัญๆ

อาทิ ปฏิบัติการสยบคลั่ง จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา ทหารสังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ กราดยิงประชาชนในพื้นที่และหลบหนีเข้าไปในศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 นครราชสีมา เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 เป็นต้น

 

ส่วนเก้าอี้ ผบช.ภ.2 อาจต้องมีการปรับเปลี่ยน เพราะหลังเกิดคลัสเตอร์บ่อนภาคตะวันออก ใน จ.ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ผบ.ตร.ได้สั่งย้าย พล.ต.ท.วีระ จิระวีระ ผบช.ภ.2 และ ผบก.ทั้ง 4 จังหวัดเข้ากรุ และส่งผู้มีความเหมาะสมมารักษาราชการแทน สำหรับ จ.ชลบุรี ได้ส่ง “บิ๊กจ้าว” พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช. ประจำสำนักงาน ผบ.ตร. (ทำหน้าที่นายตำรวจผู้ประสานงานรัฐสภา) มาทำหน้าที่รักษาราชการแทน ภ.จว.ชลบุรี อีกหน้าที่หนึ่ง เพื่อสะสางปัญหาในพื้นที่

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ธิติเป็นนักเรียนนายร้อยรุ่น 40 มีสายสัมพันธ์แนบแน่นยาวนานกับบิ๊กปั๊ด ทำให้ พล.ต.ท.ธิติที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเป็น ผบช. เมื่อวาระเมษายนที่ผ่านมา ถูกจับตามองว่ามีสิทธิ์สไลด์นั่งเก้าอี้ ผบช.ภ.2 มากที่สุด

แม้การแต่งตั้งมีกฎต้องยึดหลักอาวุโส แต่ทุกครั้งผู้มีความรู้ความสามารถจากบัญชีพิเศษ มักได้รับเลือกก่อนเสมอ

ดังนั้น ในยุคที่บิ๊กปั๊ดเป็นผู้นำองค์กร จะคืนความชอบธรรมให้กับบรรดาผู้อยู่ในบัญชีอาวุโสที่ถูกมองข้ามมาทุกยุคได้หรือไม่ ต้องรอลุ้นกัน