แค่เริ่ม ‘ภูก็ตแซนด์บอกซ์’ สู่ 120 วันเปิดประเทศ โควิดก็เยือนถึงถิ่น… ยอดติดเชื้อเร่งตัวเกินครึ่งหมื่น สอบผ่านคะแนนเต็ม 100…หรือแค่ปราสาททราย/บทความเศรษฐกิจ

บทความเศรษฐกิจ

 

แค่เริ่ม ‘ภูเก็ตแซนด์บอกซ์’

สู่ 120 วันเปิดประเทศ

โควิดก็เยือนถึงถิ่น…

ยอดติดเชื้อเร่งตัวเกินครึ่งหมื่น

สอบผ่านคะแนนเต็ม 100…หรือแค่ปราสาททราย

เริ่มต้นเดือนกรกฎาคม ด้วยความคึกคักและความหวังของผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยว หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำทีมคณะรัฐมนตรียืนต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติคณะแรกที่เดินทางมาเยือนประเทศไทย ภายใต้โครงการ ภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ได้สำเร็จตามแผนที่รัฐบาลตั้งใจ เพื่อไปสู่เป้าหมายของนายกฯ เปิดประเทศใน 120 วัน

นับเฉพาะการเปิดโครงการวันแรก 1 กรกฎาคม มีสายการบินมายังภูเก็ตรวม 5 เที่ยวบิน ซึ่งมีทั้งกลุ่มที่จะไม่ถูกกักตัวเพราะได้ใบซีโออีจากสถานทูตไทยในประเทศต้นทาง ยืนยันความปลอดภัยไร้เชื้อโควิด-19 ของนักท่องเที่ยว และผู้ที่ต้องถูกกักตัวอยู่แต่ในห้องพักที่เป็นสถานที่กักตัวทางเลือก หรือเอแอลคิว นาน 14 วัน รวมจำนวน 350 คน

การเปิดตัววันแรกถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาในรอบปฐมฤกษ์ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นนำร่องอย่างแท้จริง!

 

ล่าสุด ข้อมูล ณ วันที่ 5 กรกฎาคม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าภูเก็ตนับแต่วันที่ 1-4 กรกฎาคม สะสมแล้ว 1,755 คน โดยทั้งหมดได้รับผลตรวจยืนยัน ไม่พบเชื้อโควิด-19 และคาดว่าทั้งเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจองห้องพักในโรงแรมที่ได้รับมาตรฐานเอสเอชเอ พลัส จำนวน 100,000 คืน (รูมไนต์) ต่อทริป

สิ่งสำคัญที่ต้องจับตาคือ การพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มในภูเก็ต แต่เป็นผู้ติดเชื้อในประเทศ หรือเป็นคนไทยเอง จำนวน 2 ราย ทำให้ความกังวลในขณะนี้ไม่ได้เกิดจากต่างชาติที่เดินทางเข้ามา แต่เป็นการแพร่เชื้อจากคนไทยด้วยกัน

ต้องยอมรับว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามา มีความปลอดภัยสูงมาก พิจารณาจากเงื่อนไขที่กำหนดในการเปิดประเทศ ตั้งแต่ต้องเป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศความเสี่ยงต่ำ-ปานกลาง ได้รับวัคซีนครบโดสจนเกิดภูมิคุ้มกัน และวัคซีนที่ได้รับอยู่ในมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) ก่อนเดินทางเข้ามาจะต้องตรวจหาเชื้อโควิดไม่เกิน 72 ชั่วโมง พร้อมแสดงหลักฐานยืนยัน และเมื่อเข้ามาแล้วจะต้องตรวจหาเชื้อโควิดในสนามบินซ้ำอีก

หากผลตรวจเป็นบวก หรือมีเชื้อโควิด จะต้องถูกกักตัวทันที

 

หันมาดูสถานการณ์การระบาดโควิดในประเทศไทย ข้อมูล วันที่ 5 กรกฎาคม ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 6,166 ราย และช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อยังอยู่ในระดับ 5,000-6,000 คนต่อวัน เป็นจำนวนพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดต่อเนื่อง

สะท้อนให้เห็นว่าความเสี่ยงสูงในขณะนี้ อาจไม่ได้อยู่ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเหมือนที่กังวลกัน!

หลังเปิดภูเก็ตรับต่างชาติได้ 5 วัน ได้รับแจ้งจากศูนย์ข้อมูลโควิดจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ประกาศผ่านเฟซบุ๊กให้ผู้มีความเสี่ยงอาจติดเชื้อโควิด-19 รีบไปรายงานตัวที่โรงพยาบาลรัฐใกล้บ้าน หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตโดยด่วน โดยระบุพิกัดผู้มีความเสี่ยงคือผู้ที่ไปใช้บริการร้านสตาร์บัคส์ สาขาเซ็นทรัล ฟลอเรสต้า ภูเก็ต ชั้น G และสาขาเซ็นทรัล ภูเก็ต ชั้น 1 (ฝั่งเฟสติวัล) ช่วงวันที่ 26 มิถุนายน เป็นต้นมา อาจจะเกิดคลัสเตอร์ใหม่ขึ้นได้

ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรก อาจถือเป็นสุภาษิต-คำพังเพยที่ใช้ได้ดีในสถานการณ์นี้ เนื่องจากนายวีรศักดิ์ พิษณุวงศ์ ประธานหอการค้า จ.สุรินทร์ ได้เปิดเผยว่าติดเชื้อโควิด-19 หลังกลับจากร่วมงานภูเก็ตแซนด์บอกซ์ พร้อมแจ้งไทม์ไลน์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว

ใช้เวลาเพียงไม่นาน ภาพนายวีรศักดิ์ถ่ายรูปร่วมกับนายกฯ วันเปิดงานภูเก็ตแซนด์บอกซ์ ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ว่อนไปทั่วสังคมออนไลน์ จากเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม โลกโซเชียลช่วยแชร์ภาพนั่งชิลๆ ของคณะรัฐบาลร่วมกันบนโต๊ะกินข้าวริมทะเล หลังเสร็จงานเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์ โดยไม่มีใครสวมหน้ากากอนามัย ตามข้อกำหนดของ ศบค.

เกิดการตั้งคำถาม “อย่างนี้ก็ได้ด้วยเหรอ?”

 

ภาพที่เกิดขึ้นสวนทางกับความพร้อมในการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่นำร่องผ่านจังหวัดภูเก็ต เพราะสถานการณ์การระบาดโควิดในประเทศขณะนี้เข้าสู่ภาวะวิกฤตอีกครั้ง หลังตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้นไม่หยุด ทำให้บุคลากรด้านสาธารณสุขต้องรับมือกับผู้ป่วยที่มีจำนวนมากจนเกินขีดความสามารถอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังมีการตั้งคำถามเรื่องคุณภาพของวัคซีนที่ควรฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ถือเป็นด่านหน้าในการรับมือกับโรคระบาดด้วย

ทำให้นโยบายการเปิดประเทศใน 120 วัน นับตั้งแต่ที่นายกฯ ประกาศเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา ดูท่าจะเป็นภาพฝันที่ไกลเกินจริงหรือไม่

แม้ภาพรวมการระบาดในประเทศไทยจะยังไม่สามารถควบคุมได้ หรือคลายความรุนแรงลง แต่หากประเมินเฉพาะภูเก็ตแซนด์บอกซ์จากมุมมองของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ยังมองบวก

“ภูเก็ตแซนด์บอกซ์ถือเป็นการเปิดประเทศครั้งแรกในรอบ 1 ปีครึ่ง และทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมแล้ว 100% ทั้งผู้ประกอบการ แหล่งท่องเที่ยว และระบบการทำงานเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้กับคนในพื้นที่ โดยสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้คือ การติดตามและประเมินผลว่า หลังเปิดภูเก็ตรับต่างชาติแล้ว ผลจะเป็นอย่างไร ส่วนตัวมองว่าวัคซีนจะเป็นคำตอบในการแก้ไขความกังวลที่มีอยู่ หากคนไทยได้รับวัคซีนมากจนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ จะสร้างความเชื่อมั่นให้ทั้งกับคนไทยและต่างชาติมากขึ้น รวมถึงต้องเร่งควบคุมการระบาดโควิดให้ได้ด้วย” นายพิพัฒน์กล่าว พร้อมเทคะแนนให้เต็ม 100 ในการเปิดภูเก็ตแซนด์บอกซ์ครั้งนี้

คะแนนจะเต็ม 100 หรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องติดตามกันต่อไปว่าจะเกิดขึ้นได้จริง

หรือจะเป็น “ปราสาททราย” อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์แปลความ “ภูเก็ตแซนด์บอกซ์”