เจาะสัมพันธ์ ‘โทนี่-3ป.-1ธ.’ ร้าวฉาน ‘ป้อม-ป๊อก’ แต่ยังหวานชื่น ‘ธรรมนัส’/เปลี่ยนผ่าน ปรัชญา นงนุช

เปลี่ยนผ่าน

ปรัชญา นงนุช

 

เจาะสัมพันธ์ ‘โทนี่-3ป.-1ธ.’

ร้าวฉาน ‘ป้อม-ป๊อก’

แต่ยังหวานชื่น ‘ธรรมนัส’

 

การเคลื่อนไหวของ “โทนี่-ทักษิณ ชินวัตร” (ตท.10) ผ่านคลับเฮาส์ ได้เปิดโอกาสให้ผู้ฟังเข้ามาไถ่ถามเรื่องการเมือง โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่าง “ทักษิณ” กับ “ขั้ว 3 ป. บูรพาพยัคฆ์” หลังมีกระแสข่าวลือสะพัดว่าจะเกิด “อภิมหาดีล” ทางการเมืองขึ้นหรือไม่?

เพราะ “พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์” อย่าง “บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” (ตท.6) ก็ได้ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ในยุครัฐบาลทักษิณ แม้แต่ “บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” (เพื่อน ตท.10) “พี่รองบูรพาพยัคฆ์” ก็เติบโตใน ทบ. จนขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในยุครัฐบาลไทยรักไทยเช่นกัน

ทั้งหมดล้วนปูทางมาสู่การขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ของ “น้องเล็กบูรพาพยัคฆ์” นั่นคือ “บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” (ตท.12)

อีกทั้งบรรดา “แกนนำพรรคพลังประชารัฐ” หลายคนก็ล้วนเคยอยู่กับทักษิณ สมัยพรรคไทยรักไทยมาก่อน โดยเฉพาะ “ผู้กองมนัส ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการ พปชร.คนล่าสุด (ตท.25) ที่กลายเป็น “คีย์แมน” ทำงานการเมืองให้ “3 ป.”

 

ทักษิณ รุ่นน้อง ตท.10 ได้กล่าวถึง “บิ๊กป้อม” รุ่นพี่ ตท.6 อย่างไม่เกรงใจ หลังเคยออกมาพูดเรื่อง “เกาะโต๊ะขอเป็น ผบ.ทบ.” เมื่อ 2 ปีก่อน โดยล่าสุด “โทนี่” ได้กล่าวในลักษณะ “ทวงบุญคุณ” จาก พล.อ.ประวิตร ในกรณีได้รับแต่งตั้งเป็น ผบ.ทบ. จนเขาถึงขั้นต้องโยก “บิ๊กตุ้ย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร” ญาติผู้พี่ จากเก้าอี้ ผบ.ทบ. ไปเกษียณในตำแหน่ง ผบ.ทหารสูงสุด

น่าสังเกตว่าอดีตนายกฯ เรียก พล.อ.ประวิตร ว่า “ป้อม” เฉยๆ แม้ฝ่ายหลังจะเป็นรุ่นพี่เตรียมทหาร อีกทั้งยังกล่าวว่าตนเอง “คิดผิด-ดูโหงวเฮ้งคนไม่เป็น” ที่ตั้ง “บิ๊กป้อม” ขึ้นเป็น ผบ.ทบ.

“ตอนนั้นผมเอาป้อมขึ้นเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ. ผมไม่อยากโดนครหา คนมาบ่นกันว่าเอาญาติบ้าง อะไรบ้าง จริงๆ แล้วเขาก็จบ จปร. เขาก็ผ่านการรบมาแล้ว ผมก็เลยให้เขาขึ้น ผบ.ทหารสูงสุด ตอนนั้น ก็เลยเอา พล.อ.ประวิตรขึ้นมา ตอนนั้นกับผมก็ดีกัน เพราะเขาเข้ามาที่ทำเนียบฯ บ่อย” ทักษิณกล่าว ก่อนพูดต่อว่า

“ผมคิดว่า ผมเองมันเป็นความดูโหงวเฮ้งไม่เป็น ถ้าฝึกดูโหงวเฮ้งหน่อย วันนั้นก็คงไม่ตั้ง แต่ว่าไม่ได้ฝึกดูโหงวเฮ้ง แล้วก็ดูเห็นท่าทางเป็นคนเรียบร้อยดี”

 

“โทนี่” ยังเท้าความถึงภูมิหลังก่อนจะผลักดัน พล.อ.ประวิตรขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในกองทัพบกว่า

“สมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ (เป็น ผบ.ทบ.) พล.อ.ประวิตรก็ถูกประจำ แล้วผมไปให้เขาจากประจำ มาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ตอนนั้นกองเชียร์เยอะมาก

“เช่น วัฒนา เมืองสุข เป็นรองเลขาฯ ผม สมัยนั้นเขาเป็น ส.ส.ปราจีนบุรี เขาก็เป็นพี่เป็นน้องกัน เขาก็เชียร์ อีกคนหนึ่งก็ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร ก็มาเชียร์ ผมไม่รู้จักเขาหรอก แต่ผมรู้ว่าเขาเป็นพี่ชายของรุ่นพี่ผม คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผมก็เลยว่า รู้จักกันดี ก็โอเค ก็เลยตั้งเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 จากนั้นก็ขึ้นผู้ช่วย ผบ.ทบ. และเป็น ผบ.ทบ.”

นอกจากนั้น กองเชียร์ที่ดัน “บิ๊กป้อม” ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. ยังมี “ป๋าเหนาะ เสนาะ เทียนทอง” เพราะต่างอยู่ในพื้นที่ “บูรพาพยัคฆ์” มาด้วยกัน ที่สำคัญคือพลังหนุนจาก “บ้านจันทร์ส่องหล้า” โดย “คุณหญิงอ้อ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์”

ว่ากันว่า พล.อ.ประวิตรเคยมีความใกล้ชิดกับบ้านใหญ่แห่งซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 ถึงขั้นจะมีการจับคู่แต่งงานให้ “พี่ใหญ่ 3 ป.” เพื่อสร้างความเกี่ยวดองกับ “จันทร์ส่องหล้าคอนเน็กชั่น” แต่สุดท้าย อดีตนายทหารใหญ่แห่งภาคตะวันออกกลับเลือกครองสถานะ “โสด” มาถึงปัจจุบัน

 

มากันที่ความสัมพันธ์ระหว่าง “เพื่อน ตท.10” อย่าง “ทักษิณ-บิ๊กป๊อก” ต้องอย่าลืมว่าแม้ พล.อ.อนุพงษ์จะไม่ได้อยู่ข้างทักษิณหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เพราะขณะนั้น ฝ่ายหลังดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 คุมขุมกำลังปฏิวัติ

แต่หากย้อนเส้นทางการเติบโตของ “บิ๊กป๊อก” ในยุครัฐบาลทักษิณ ก็จะพบว่าเขาได้ขึ้นเป็น ผบ.พล.ร.2 รอ. ก่อนโยกเข้ากรุงเทพฯ เป็น ผบ.พล.1 รอ. ถือเป็นการปาดหน้า “บิ๊กโอ๋ พล.อ.พฤณท์ สุวรรณทัต” เพื่อนร่วมรุ่นอีกรายที่จ่อขึ้นเป็น ผบ.พล.1 รอ. อยู่ก่อนแล้ว

จากนั้น พล.อ.อนุพงษ์ขึ้นเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 1 ตามลำดับ โดยเฉือนเพื่อน ตท. 10 ที่เป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งอีกราย คือ “บิ๊กต้น พล.อ.จิรสิทธิ์ เกษะโกมล”

หลังรัฐประหาร 2549 “บิ๊กป๊อก” จึงเติบโตเป็นผู้ช่วย ผบ.ทบ. และเลื่อนขึ้นเป็น ผบ.ทบ.ต่อจาก “พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน” ซึ่งทั้ง “บิ๊กป๊อก-บิ๊กบัง” ต่างเป็นทหารที่ทักษิณเลือกมาเองกับมือทั้งนั้น

ช่วงที่ พล.อ.อนุพงษ์นั่งเก้าอี้ ผบ.ทบ. ตรงกับยุครัฐบาล “สมัคร สุนทรเวช” และ “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ก่อนที่ “ขั้วทักษิณ” จะหมดอำนาจ เพราะดีลการจัดตั้ง “รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์” ในค่ายทหาร

นั่นทำให้สายสัมพันธ์ “บิ๊กป๊อก-ทักษิณ” กลายเป็นตำนาน “เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด” และด้วยบุคลิกของ พล.อ.อนุพงษ์ ที่มีทั้งบท “น้ำนิ่งไหลลึก” และ “บทบู๊” สลับกันไปมา จึงยากจะอ่านใจได้ง่ายๆ แต่ลักษณะเช่นนี้กลับทำให้เขาผ่านสถานการณ์การเป็น ผบ.ทบ.ในยุค “รัฐบาลนอมินีทักษิณ” และผ่านการกรำศึกกับ “คนเสื้อแดง” มาได้

อย่างไรก็ตาม กรณีของ “บิ๊กป๊อก” ได้ชี้ให้เห็นว่าทักษิณเคยเลือกคนผิดซ้ำกันเป็นครั้งที่สอง

 

แต่ที่มาแบบ “เอฟซีพี่โทนี่” ผิดคาด คือทักษิณกลับกล่าวถึง “ผู้กองมนัส” รุ่นน้อง ตท.25 ด้วยท่าทีที่ “ซอฟต์” และ “เป็นมิตร”

หลังจากที่ ร.อ.ธรรมนัสจบโรงเรียนนายร้อย จปร. รุ่น 36 ก็ได้มาประจำที่ ร.1 พัน 4 รอ. เป็น “ทหารมหาดเล็กฯ” และอยู่ในกลุ่มทหาร “18 อรหันต์”

โดยชีวิตในกองทัพของเขาถือว่าโลดโผนอย่างมาก และต้องเปลี่ยนชื่อหลายครั้ง ภายหลังออกจากราชการ “ผู้กองมนัส” ได้เดินเข้าสู่ถนนการเมืองเมื่อปี 2542 กับขั้วไทยรักไทย ผ่านการสนับสนุนของ “เสธ.ไอซ์ พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต” เพื่อน ตท.10 ของทักษิณ

แฟนๆ คลับเฮาส์ย่อมสังเกตได้ว่า “โทนี่” นั้นเรียกเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐว่า “ท่าน” และ “คุณ” อยู่เสมอ

“ก็รู้จักกัน เป็นเตรียมทหารรุ่นน้อง แต่ไม่เคยทำงานร่วมกัน นอกจากตอนที่ทราบว่าเขามาอยู่พรรคเพื่อไทย ช่วงหนึ่งก็มีการได้พูดคุยบ้างในฐานะรุ่นน้อง ก็เห็นเขาเป็นคนที่มุ่งมั่นทางการเมือง อยากจะเติบโตทางการเมือง นี่ก็เป็นเรื่องของส่วนบุคคล

“ท่านก็อยากจะเติบโตทางการเมือง ตอนที่ท่านออกไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ ผมก็ทราบว่าท่านออกไปอยู่ และวันนี้ก็ได้เป็นเลขาธิการพรรค ก็เป็นเรื่องภายในของพรรคพลังประชารัฐ เราจะไปวิจารณ์เขาก็ไม่ได้ เพราะพรรคการเมืองต่างมียุทธศาสตร์ กลยุทธ์ของตัวเอง”

“โทนี่” เล่าถึงสายสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับ ร.อ.ธรรมนัส ก่อนวิเคราะห์และฝากความปรารถนาดีต่อว่า

“ถ้าพรรคพลังประชารัฐอาจจะมองว่าท่านธรรมนัสเป็นคนใจถึง และคิดว่าเลือกตั้งงวดหน้า ก็คงคิดว่าต้องใช้เงินใช้ทอง ซึ่งความจริงแล้ว การเลือกตั้ง ถ้าเมื่อไหร่ต้องใช้เงินใช้ทองมากมาย มันไม่เป็นประโยชน์กับประเทศทั้งนั้น ไม่ว่าพรรคไหนทั้งสิ้น

“บางพรรค วันนี้ก็กำลังเร่งหาเงินหาทอง เตรียมใช้เงินใช้ทองเต็มที่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีกับประเทศ ก็อยากจะบอกน้องว่า อย่าไปทำแบบนั้น เราสร้างนโยบายดีๆ เราไปสัญญากับประชาชน แต่สัญญาแล้วต้องทำให้ได้ สัญญาในสิ่งที่ทำได้ แล้วก็ทำให้ได้ แล้วประชาชนก็จะสนับสนุนเราเอง

“แล้วคุณธรรมนัสเองก็ต้องคิดว่า วันนี้เมื่อมีเสียงวิจารณ์ทั้งหลาย ฟังแล้วก็ปรับปรุงตัวไป ก็จะเป็นนักการเมืองที่มีอนาคตที่ดี”

 

อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่าลึกๆ แล้ว ทั้ง “ทักษิณ-ธรรมนัส” ต่างมีความใกล้ชิดและมี “บุญคุณ” กันอยู่ อีกทั้งเลขาฯ พปชร.ยังใกล้ชิดกับ “เจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” เพราะต่างเคยดูแลพื้นที่ภาคเหนือมาด้วยกัน

จึงทำให้ “ผู้กองมนัส” ถูกจับตาหลังขึ้นดำรงตำแหน่งแม่บ้านพลังประชารัฐ ว่าจะทำหน้าที่เป็น “โซ่ข้อกลาง” ในการสร้าง “อภิมหาดีลทางการเมือง” ให้เกิดขึ้นได้สำเร็จหรือไม่?

แต่อย่างน้อยที่สุด การพลิกผันชะตาชีวิตของตนเองจากผู้มีรายชื่อลำดับต้นๆ ใน “แบล็กลิสต์ คสช.” จากคนที่ถูกสังคมมองว่าเป็น “บุคคลสีเทาๆ” มาสู่การมีบทบาทนำในรัฐบาล “3 ป.” ก็ทำให้หลายคนยังคงทึ่งว่า ร.อ.ธรรมนัสมาไกลขนาดนี้ได้อย่างไร?

นับแต่นี้ คอการเมืองคงต้องจับตาปฐมบทในแบบ “ศัตรูที่รัก” ระหว่าง “โทนี่” กับ “ธรรมนัส” ให้ดี!!