เผยแพร่ |
---|
สถานีคิดเลขที่ 12 / สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร
——————-
เหล็ก ทราย และรักชวนเชื่อ
——————–
รอบสัปดาห์ ที่ผ่านมา อ่านข่าว “รัก” ใน “ไทย”และ”เทศ”ด้วยอารมณ์ที่แตกต่าง ระหว่าง “เชื่อ”กับ ไม่เชื่อ”
ในไทย คนที่พูดเรื่อง”รัก”บ่อย คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ตั้งแต่ ” ผมรักประชาชน รักอย่างเจตนารมณ์อันบริสุทธิ์”
ไปจนถึงล่าสุด กล่าว ในพิธีเปิด”ภูเก็ต” เมื่อ 1 กรกฏาคม
“โครงการนี้ เป็นการส่งต่อกำลังใจ โอบกอดคนไทยด้วยความรัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลานี้ คนไทยต้องการความรักและกำลังใจ…”
ไม่ทราบว่า ในนาทีนี้ คนไทยรู้สึกอย่างไร กับเรื่อง”รัก”ที่พล.อ.ประยุทธ์ เอ่ยออกมา
มีความหวัง หรือฟังแล้วช่างย้อนแย้ง
เพราะยิ่งพูดเรื่องรักมากเพียงใด ภาพแห่งความเป็นจริงจากการเผชิญวิกฤตโควิด-19 หลายคนกลับรู้สึกว่า เป็นรัก “ประหาร”มากกว่า
คือ ยิ่งรัก ยิ่งแย่ ยิ่งรู้สึกถูกทำร้าย
ทั้งในเชิงรูปธรรมคือ มีคนตายจากโควิด-19อย่างอนาถมากขึ้นเรื่อยๆ
ในเชิงนามธรรม คือตายจากภาวะล่มสลายของการทำมาหากิน ที่ไร้การเยียวยาที่เพียงพอและตรงเป้า
นโยบายและการปฏิบัติ สับสนเปลี่ยนไปมา
คำพูดของพล.อ.ประยุทธ์เป็นตัวอย่าง ที่สะท้อนปัญหาชัดดี
“โครงการภูเก็ตแซนด์บอกซ์เป็นโครงการสำคัญของรัฐบาล…อยากให้ภูเก็ตเป็นปราสาท เขาตั้งชื่อว่าแซนด์บอกซ์ เป็นปราสาททราย เราต้องเติมหินเติมปูนไปอีกเยอะ เพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง…”
เป็นที่รู้กันทั่วไป ปราสาททราย คือตัวแทนของ ความไม่มั่นคง ตั้งแต่ฐานรากไปกระทั่งถึงยอด
ถึงจะเติมหิน เติมปูน เข้าไปอย่างไร ก็ไม่น่า จะมั่งคงขึ้นได้ มีแต่เหนื่อยเปล่า และสูญเปล่า
ต้องเปลี่ยนหรือรื้อ แนวคิดและปฏิบัติใหม่ทั้งหมด
มีการเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ ลาออก แต่เจ้าตัวไม่เห็นด้วย แถมยังท้าทาย ยิ่งไล่ ยิ่งสู้
ซึ่งก็น่าห่วงใย เพราะหากยังขืนไปงมอยู่กับการเสริมความแข็งแกร่งให้ปราสาททราย
ไม่ใช่แค่ 120 วันเท่านั้นที่จะเปิดประเทศไม่ได้
สุดท้าย เรา “จะไม่เหลืออะไรเลย” อย่างเพลงปราสาททรายว่าไว้
มองไปข้างนอก ขณะที่ผู้นำไทย กล่าวถึงปราสาททราย เราเห็นผู้นำต่างชาติพูดถึงสิ่งที่ตรงข้าม
” เราจะไม่ยอมให้กองกำลังต่างชาติหรือใครหน้าไหนก็ตาม มาพร่ำพรรณนาคำสอนอันศักดิ์สิทธิ์ หรือมาข่มเหงรังแกได้ ไม่เช่นนั้นจะต้องพบว่าตัวเองชนเข้าอย่างจังกับกำแพงเหล็กกล้าที่หลอมด้วยชีวิตประชาชน 1.4 พันล้านคน”
คือคำกล่าวของนายสีจิ้นผิง เมื่อ วันที่ 1 กรกฎาคม ระหว่างฉลองครบ100 ปี พรรคคอมมิวนิสต์จีน
เปรียบเทียบ ระหว่าง ปราสาททราย ของผู้นำไทย กับ กำแพงเหล็ก ของผู้นำจีน เป็นคนละเรื่อง
จะชอบหรือไม่ชอบจีน แต่การที่ผู้นำประกาศหลอมตัวเองกับประชาชนเป็นกำแพงเหล็กได้ ต้องมาจาก “ศรัทธาอันแข็งแกร่ง”ของประชาชนที่มีต่อผู้นำ
ซึ่ง นายสีจิ้นผิง ก็ได้แสดงให้เห็นชัดเจน จากประเทศที่เป็นจุดเริ่มต้นของโควิด-19 แต่วันนี้คนจีนออกมาร่วมฉลอง100ปีพรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างฮึกเหิม
ต่างจากคนไทยที่นับวัน ยิ่งจะมีวิกฤตศรัทธาต่อผู้นำ ผู้ขยันขันแข็งกับการเสริมปราสาททรายจน”พี่ป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวอย่างเห็นอกเห็นใจ ว่า “นายกฯ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”
ทั้งที่เหล่า”ป”ทั้งหลายควรจับเข่าคุยกันว่า เหนื่อยเพื่อ”ปราสาททราย”คุ้มค่าหรือไม่
หวังว่าคงไม่หลงดีใจ กับข่าวต่างประเทศ อีกชิ้น ที่ ระบุว่า ชาวบ้านเกาหลีเหนือรายหนึ่งให้สัมภาษณ์ หลังจากชมภาพข่าวนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ที่ตอนนี้น้ำหนักลดลงอย่างมาก
“ประชาชน(เกาหลีเหนือ)ใจสลายอย่างที่สุดที่เห็นท่านเลขาธิการที่เคารพดูผอมลง ทุกคนกำลังพูดว่า ทำให้พวกเขาน้ำตาไหล”
เพราะ”รัก”จนน้ำตาไหลที่ว่า
มีกลิ่น ของ “รักโฆษณาชวนเชื่อ”แรงเหลือเกิน