วิรัตน์ แสงทองคำ/เมืองหลวง กับหัวเมืองและชนบท

วิรัตน์ แสงทองคำ/viratts.WordPress.com

เมืองหลวง

กับหัวเมืองและชนบท

 

เคยเสนอภาพความสัมพันธ์ระหว่างเมืองหลวง กับ “หัวเมืองและชนบท” มาหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะช่วงคาบเกี่ยวน้ำท่วมครั้งใหญ่เมื่อทศวรรษที่แล้ว ผลพวงวิกฤตการณ์ COVID-19 ภาพนั้นคงจะเปลี่ยนไป

“…การศึกษาและการเรียนรู้ใหม่ๆ เข้าถึงหัวเมืองและชนบทมากขึ้น…เป็นชุมชนซึ่งผู้คนสามารถเคลื่อนย้าย อพยพอย่างคล่องตัว แสวงหาโอกาสต่างๆ อย่างหลากหลายมากขึ้น อีกทางหัวเมืองและชนบทมีแรงดึงดูดให้ผู้คนเมืองหลวงเคลื่อนย้ายมากขึ้นด้วย กระบวนการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้และทักษะระหว่างเมืองใหญ่ หัวเมืองและชนบทจะมีมากขึ้น…”

บทสรุปกว้างๆ ข้างต้น ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเมืองหลวง หัวเมืองและชนบท

ความเป็นไปจากวิกฤตการณ์กำลังเผชิญหน้าปัจจุบัน

มีภาพหนึ่งเกิดขึ้น ขบวนเคลื่อนย้ายจากเมืองหลวงสู่หัวเมืองและชนบท เชื่อว่าเป็นระลอกใหม่ใหญ่กว่าครั้งใดๆ เป็น “ชิ้นส่วน” ว่าด้วยความสัมพันธ์ที่ว่าไว้ข้างต้น กำลังขยับเขยื้อน เป็นฉากหนึ่งแห่งพัฒนาการไม่หยุดนิ่ง

 

เกษตรกรรายใหญ่

กับ plantation และฟาร์มเล็กๆ สมัยใหม่

เป็นไปอย่างสร้างสรรค์

ระบบเศรษฐกิจในชุมชนเกษตรดั้งเดิม ปะทะกับปรากฏการณ์ใหม่ช่วงท้ายๆ ยุคสงครามเวียดนาม เป็นการเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ เมื่อเปรียบเทียบกับอาณาบริเวณอันกว้างใหญ่

ระบบเศรษฐกิจเกษตรดั้งเดิม ยุคหลังสังคมโลกครั้งที่สอง ข้าวเป็นสินค้าส่งออกสำคัญ มีความพยายามพัฒนา ด้วยการขยายพื้นที่เพาะปลูกและระบบชลประทาน เมื่อมีแรงปะทะกรณี Contract farming เป็นจุดเริ่มต้นขยายจินตนาการเกษตรกรรมให้กว้างขวางออกไปจากเดิม แต่ก็เป็นไปอย่างค่อนข้างจำกัด

ราวๆ ทศวรรษที่ผ่านมา Contract farming มีบทบาทและยกระดับขึ้น ไม่ว่าเป็นรายใหม่ การขยายพื้นที่เกษตรกรรมรายเก่าที่เกี่ยวข้องกว้างขึ้น รวมทั้งการเคลื่อนย้ายอุตสาหกรรมเก่าไปยังพื้นที่ใหม่ กรณีอุตสาหกรรมน้ำตาลกับชุมชนเกษตรกรชาวไร่อ้อยอยู่แวดล้อม จากพื้นที่ภาคกลางสู่ภาคอีสาน

จนกระทั่งการปรากฏตัวเครือข่ายธุรกิจใหญ่ๆ ฐานในกรุงเทพฯ กลายเป็นเกษตรกรหน้าใหม่ รายใหญ่ กับโครงการเกษตรกรรมแปลงใหญ่ (Plantation)

ชิ้นส่วนข้างต้นสะท้อนภาพรวมสถานการณ์หัวเมืองและชนบท เดินหน้าเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจพื้นฐานซับซ้อนขึ้น และแล้วมี “ตัวแปร” เกษตรกรรายใหม่รายย่อยค่อยๆ ปรากฏตัวขึ้น กับการเกษตรสมัยใหม่อย่างหลากหลายและผสมผสาน เป็นสีสันอย่างแท้จริง

 

ผลึกความรู้และประสบการณ์

จากโรงงานในกรุงเทพฯ

กับนิคมอุตสาหกรรมในต่างจังหวัด

การเคลื่อนย้ายแรงงานจากภาคเกษตรในชนบทมาสู่โรงงานในกรุงเทพฯ และชานเมืองยุคนั้นมาจากขบวนการโยกย้ายอุตสาหกรรมเก่าจากประเทศอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสิ่งทอ ได้สร้างโอกาสใหม่ให้แรงงานภาคเกษตรทั้งในแง่เศรษฐกิจและการพัฒนาทักษะใหม่

ประสบการณ์แรงงานภาคเกษตรแตกต่างออกไปจากเดิม คุ้นชินกับการทำงานเป็นระบบมากขึ้น ถือเป็นกระบวนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากเกษตรกรรมดั้งเดิม สู่ภาคผลิต จนถึงภาคบริการซึ่งขยายตัวอย่างมากในกรุงเทพฯ ช่วง 1-2 ทศวรรษที่ผ่านมา

จากนิคมอุตสาหกรรมชายฝั่งทะเลภาคตะวันออก เกิดขึ้นและขยายตัวตั้งแต่ปี 2525 นับเป็นว่าภาคการผลิตขยายตัวสู่หัวเมืองและชนบทอย่างเป็นกระบวนการ ต่อเนื่องมาถึงการขยายเขตการส่งเสริมการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมโดยรัฐตามภูมิภาค ตามมาด้วยนิคมอุตสาหกรรมเอกชนตลอด 2-3 ทศวรรษที่ผ่านมา

กึ่งศตวรรษแห่งการเปลี่ยนแปลงหัวเมืองและชนบท ผู้คนในภาคเกษตรกรรมเคลื่อนย้ายสู่โรงงานในช่วงสงครามเวียดนามเข้าสู่เมืองหลวง จากนั้นทางเลือกมีมากขึ้น เคลื่อนย้ายไปสู่หัวเมือง หรือแม้กระทั่งอยู่ในชนบทเอง

ประสบการณ์ ทักษะ และระบบการจ้างงานแบบอุตสาหกรรม บางมิติได้ประยุกต์อย่างผสมผสานเข้ากับระบบการผลิตและบริการในสังคมเกษตรกรรมสมัยใหม่

 

จากเอเย่นต์

สู่เครือข่ายค้าปลีกยักษ์ใหญ่

และการค้าออนไลน์รายย่อย

ธุรกิจหัวเมืองส่วนใหญ่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ ส่วนใหญ่เป็นเครือข่ายธุรกิจใหญ่จากเมืองหลวง เป็นมาแต่ไหนแต่ไรมา

ธุรกิจนายหน้าหรือตัวแทนจำหน่ายสินค้าหลักๆ ที่มาจากกลุ่มธุรกิจอิทธิพลในหัวเมือง ไม่ว่าเอเย่นต์ปูนซีเมนต์หรือสุรา ในยุคเมื่อ 5-6 ทศวรรษที่แล้ว สลับฉากบางส่วน มีลักษณะภูมิภาค ผลิต-ขายสินค้าหรือบริการสำหรับในท้องถิ่น เป็นธุรกิจรายย่อยๆ ธุรกิจหัวเมืองเวลานั้น ดำรงอยู่ค่อนข้างอิสระด้วยระบบสื่อสารระหว่างเมืองหลวงกับหัวเมืองและชนบทไม่สะดวก

มีธุรกิจครอบครัวในหัวเมืองไม่น้อยสามารถสะสมความมั่งคั่ง ยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง สามารถพัฒนาเป็นธุรกิจระดับชาติได้ แต่กลายเป็นอดีตไปแล้ว หลายทศวรรษที่ผ่านมาโอกาสน้อยลงอย่างมากๆ ดูเหมือนความพยายามนั้นคงอยู่

อีกฉากเกิดขึ้นราวๆ 3 ทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อเมืองหลวง หัวเมืองและชนบท เชื่อมโยงกันสะดวกขึ้น

เครือข่ายธุรกิจใหญ่จากเมืองหลวง ขยายเครือข่ายด้วยตนเอง ขณะเดียวกันฐานลูกค้าหัวเมืองและชนบทขยายตัวมากขึ้น จนมาถึงกระบวนการคืบคลาน ขยายวงอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว โดยเครือข่ายการค้าสมัยใหม่

โดยเฉพาะเครือข่ายการค้าปลีกขยายตัวทั่วประเทศ เป็นตัวเร่งที่สำคัญมาก ระบบการค้าดั้งเดิมของผู้ประกอบการรายย่อยในท้องถิ่น ต้องเผชิญแรงบีบคั้นในการปรับตัว

ผู้ประกอบการทั้งรายกลาง รายเล็ก ในหัวเมืองและชนบทจำเป็นต้องปรับตัวอย่างมาก อย่างซับซ้อน โดยเฉพาะความจำเป็นเข้าไปอยู่ในห่วงโซ่การค้าสมัยแบบใหม่ ว่าไปแล้วมีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วและซับซ้อนในช่วงไม่กี่ปีมานี้

โดยเฉพาะการเกิดขึ้นและขยายวงอย่างรวดเร็วของระบบการค้าออนไลน์ ทั้งพึ่งพิงและอิสระ ทั้งรายเก่าและรายใหม่ รายใหญ่ รายกลางและรายย่อย ในพื้นที่แห่งโอกาสเปิดกว้างขึ้นหลอมรวมไร้ร่อยต่อไม่ว่าเมืองหลวง หัวเมืองและชนบท

 

จากถนนชนบท

สู่โทรศัพท์ไร้สาย-อินเตอร์เน็ต

และแพลตฟอร์ม

ถนนเชื่อมหัวเมืองกับชนบทสร้างและพัฒนาขึ้นอย่างมากในช่วง 2 ทศวรรษมานี้

คู่ขนานกับการเติบโตเครือข่ายธุรกิจจากเมืองหลวง

ตามมาด้วยระบบสื่อสารสมัยใหม่ โดยเฉพาะไร้สายและเครือข่ายอินเตอร์เน็ต มีบทบาทสำคัญให้สังคมหัวเมืองและชนบทกำลังเปลี่ยนแปลง สร้างความสัมพันธ์กับเมืองใหญ่อย่างแตกต่าง อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

โดยเฉพาะเปิดโอกาสอย่างทัดเทียมกันมากขึ้น ในการเรียนรู้ เข้าถึงข้อมูล เป็นพื้นฐานในการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ ภาพนั้นค่อยๆ ชัดขึ้น

 

ยังจำภาพปี 2544 ได้ดี เมื่อน้ำเข้าทะลักกรุงเทพฯ ด้านเหนือ มีแนวโน้มเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน มีสถานการณ์และพฤติกรรมบางอย่างเปลี่ยนไป

คนกรุงเทพฯ หนีภัยไปอยู่ศูนย์พักพิงที่ทางการจัดให้ในพื้นที่นอกกรุงเทพฯ บางส่วนมีทางเลือกมากกว่า พาเหรดกันไปอยู่ตามที่พักตากอากาศโดยเฉพาะชายทะเล เวลาเดียวกันธุรกิจใหญ่ปรับตัวอย่างทันกาล ย้ายฐานบัญชาการไปอยู่ต่างจังหวัด สามารถดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่องไม่ติดขัด

มีอีกบางเรื่องราวสะท้อนถึงความสัมพันธ์อย่างเป็นจริง กรณีมีความพยายามจับคู่เขตใน กทม.กับจังหวัดสำคัญๆ ที่ไม่ได้ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อ “ส่งอาหารสำเร็จหรือตั้งโรงครัวประกอบอาหาร เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมใน กทม.”

ผ่านมาแค่ทศวรรษเดียว สังคมไทยเผชิญวิกฤตการณ์ใหญ่ครั้งใหม่ โดยเฉพาะกรุงเทพฯ หนักหนากว่าที่อื่นๆ หลายคนคงไม่รู้ว่าภาระและความรับผิดชอบไม่ได้จำกัดเฉพาะที่เท่านั้น ความสัมพันธ์เป็นไปอย่างแตกต่างและซับซ้อนกว่าที่ผ่านมา ขณะแรงกระเพื่อมจากกรุงเทพฯ ย่อมสั่นสะเทือนไปถึงที่อื่นๆ อย่างซับซ้อนด้วยเช่นกัน

หลังวิกฤตการณ์ครั้งนี้ ความสัมพันธ์ที่ว่า จะเปลี่ยนไปอีกขั้น