ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 2 - 8 กรกฎาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ
วรมน สินสุวรรณ
นักการทูตชำนาญการพิเศษ
กระทรวงการต่างประเทศ
โซเชียลมีเดีย
: การรวมกลุ่มรูปแบบใหม่
ในชุมชนไทยในเยอรมนี
ชุมชนไทยแตกต่างจากชุมชนผู้พลัดถิ่นอื่นๆ ในเยอรมนีในหลายด้าน คนไทยส่วนใหญ่ย้ายถิ่นฐานโดยลำพัง (individually migrated) โดยกว่า 99 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้ย้ายถิ่นเป็นคนรุ่นแรกที่เกิดนอกเยอรมนี
ผู้ย้ายถิ่นส่วนใหญ่ไม่มีเครือญาติขนาดใหญ่อาศัยอยู่ในเยอรมนี อาจมีเพียงพี่-น้อง หรือแม่ที่เคยย้ายถิ่นไปตั้งรกรากในเยอรมนีก่อน
ประชากรไทยในชุมชนจึงไม่มีความสัมพันธ์ในเชิงเครือญาติที่ใกล้ชิด
นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับชนกลุ่มน้อยชาวตุรกีในเยอรมนีที่มักแต่งงานกันเองเนื่องจากเงื่อนไขทางศาสนาและเชื้อชาติ คนไทยแต่งงานกับ “คนอื่น” ที่แตกต่างทั้งเชื้อชาติ ศาสนาและวัฒนธรรม ชาวไทยมีถิ่นที่อยู่กระจายอยู่ทั่วไปในเยอรมนี ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ทำงานและที่อาศัยของคู่สมรสชาวเยอรมัน
นอกจากนี้ ชาวไทยยังไม่มีความรู้สึกกลัวหรือจำเป็นต้องรวมตัวกันเพื่อความอยู่รอด เนื่องจากไม่ได้โยกย้ายถิ่นฐานจากการถูกบังคับ ลี้ภัยการเมืองสงครามหรือเผชิญภัยต่อชีวิตร่วมกันในลักษณะเดียวกับผู้ลี้ภัยอื่นๆ
คนไทยส่วนใหญ่มีฐานะรอง (subordinate position) ทั้งในครัวเรือนและในสังคมเยอรมัน
ในบ้านพวกเขามีฐานะเป็นผู้พึ่งพิงของคู่สมรสชาวเยอรมันทั้งในด้านการเงินและสิทธิพำนักในเยอรมนี
สามีเยอรมันส่วนใหญ่มีเงินเดือนที่สูงกว่าภริยาไทยและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ในบ้านรวมทั้งค่าใช้จ่ายของบุตร
กรณีที่ภริยาไทยทำงานและมีรายได้ เงินรายได้มักถูกใช้ไปกับค่าใช้จ่ายส่วนตัวและการส่งเงินกลับบ้าน
ในสังคม ชาวไทยย้ายถิ่นต้องประสบกับระเบียบสังคมที่เข้มงวด มีข้อจำกัดด้านสื่อสารภาษาเยอรมันและไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ
ผู้หญิงส่วนใหญ่แม้จะมีการศึกษาสูงก็มักประสบความยากลำบากในการหางานในเยอรมนี
สำหรับผู้หญิงที่มีภาระเป็นเสาหลักของครอบครัวในไทยและจำเป็นต้องหารายได้ส่งกลับไปเลี้ยงพ่อ-แม่และบุตร มักนิยมประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนวดและสปา เนื่องจากมีการลงทุนต่ำและกฎระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องน้อยกว่าการเปิดร้านอาหาร มีความต้องการหาพนักงานสูงและไม่จำเป็นต้องมีทักษะฝีมือด้านการนวดมาก่อนก็สามารถสมัครเข้าทำงานได้
นอกจากนี้ ชาวไทยย้ายถิ่นส่วนใหญ่ยังมีข้อจำกัดด้านการเงินและความรู้ในการทำธุรกิจในต่างแดน
ทำให้โอกาสที่ภริยาไทยจะกลายเป็นเจ้าของกิจการหรือผู้ประกอบการโดยปราศจากการสนับสนุนจากสามีเป็นไปได้ยาก
รวมทั้งไม่มีศักยภาพที่จะให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่คนไทยอื่นๆ เนื่องจากการตัดสินใจทางการเงินส่วนใหญ่จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากสามี
ปัจจุบันมีสมาคมไทยทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับศาสนาในเยอรมนีมากกว่า 100 สมาคม ทั้งสมาคมทางวัฒนธรรม เช่น ดนตรีไทยและรำไทย สอนภาษาไทยให้แก่เด็กรุ่นที่สอง มวยไทย ศิลปะไทย สมาคมที่ดูแลให้ความช่วยเหลือคนไทยตกทุกข์ได้ยาก สมาคมทางเศรษฐกิจและการพัฒนาฝีมือ เช่น การนวดแผนไทย การเป็นล่าม
การขยายตัวของจำนวนสมาคมชาวไทยในเยอรมนีเหล่านี้มีส่วนสำคัญมาจากความขัดแย้งระหว่างสมาชิกในสมาคม อันนำไปสู่การแยกตัวและก่อตั้งสมาคมใหม่ๆ
อย่างไรก็ตาม การรวมกลุ่มของคนไทยรุ่นใหม่ในเยอรมนีมีความแตกต่างจากคนไทยรุ่นก่อน พวกเขาใช้โซเชียลมีเดียในการก่อตั้งสมาคมออนไลน์รูปแบบใหม่บนเฟซบุ๊ก
ข้อดีของการใช้สังคมออนไลน์เป็นพื้นที่ (platform) ในการรวมกลุ่มแทนรูปแบบสมาคมคนไทยย้ายถิ่นแบบดั้งเดิม คือ
(1) ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าและข้อบังคับด้านกฎหมายน้อยกว่า
(2) สามารถขยายจำนวนสมาชิกได้ไม่จำกัด
(3) แอดมิน (administrator) สามารถโต้ตอบกับสมาชิกได้ตลอด 24 ชั่วโมงต่อวัน และ 7 วันต่อสัปดาห์ และสิ่งสำคัญคือ
(4) ชีวิตส่วนตัวของแอดมินและสมาชิกแยกออกจากกันและไม่จำเป็นต้องพบปะกันจริงๆ
ปัจจุบันมีกลุ่มสังคมออนไลน์ของคนไทยย้ายถิ่นในเยอรมนีจำนวนมาก
และอย่างน้อย 5-6 เพจที่มีสมาชิกมากกว่าหนึ่งพันบัญชีผู้ใช้
ยกตัวอย่างเช่น เฟซบุ๊กเพจชื่อ แชร์ประสบการณ์เรียน Berufsausbildung in Deutschland มีสมาชิกกว่า 10,000 บัญชี
สมาชิกในเพจนี้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำงานและการฝึกงานสายวิชาชีพ (Ausbildung) รวมทั้งการให้กำลังใจซึ่งกันและกันในการทำงานและฝึกงาน
อีกเพจหนึ่งชื่อว่า หางาน-หาคนทำงานในเยอรมนี (Arbeitsplatz f?r Thai in Deutschland) มีสมาชิกกว่า 6,700 บัญชี เพจเปิดโอกาสให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างสามารถลงโฆษณาหางานและหาพนักงาน
นอกจากนี้ ยังมีเพจเกี่ยวข้องกับการเรียนภาษาเยอรมันและสอบภาษาระดับ B1 ให้สำเร็จ เช่น Keine Angst vor der Pr?fung A1-B2 ซึ่งมีสมาชิก 4,500 กว่าบัญชี หรือ Wir Lernen Jeden Tag ein Neues Deutsches Wort ซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 9,100 บัญชี
ทั้งสองเพจให้ความรู้เกี่ยวกับเกร็ดการทำข้อสอบและตัวอย่างข้อสอบ
ขณะเดียวกันการรวมกลุ่มออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสปาก็มีจำนวนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น เพจชื่อเถ้าแก่เนี้ยมือใหม่ (นวดไทยในเยอรมนี+ยุโรป) มีสมาชิกมากกว่า 4,000 บัญชี
ส่วนเพจชื่อ ภาษาเยอรมันทางหัตถเวช มีสมาชิกราว 2,300 บัญชี เน้นให้ความรู้แก่สมาชิกเกี่ยวกับคำศัพท์และภาษาเยอรมันทางการนวด
เพจที่มีชื่อเสียงและมีสมาชิกมากที่สุดเพจหนึ่งชื่อ พ่อบ้านเยอรมัน ซึ่งให้ข้อมูลข่าวสารและสาระน่ารู้ในการใช้ชีวิตในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมีผู้ติดตามมากว่า 90,000 บัญชี
โดยหญิงและชายไทยย้ายถิ่นใช้เป็นช่องทางในการหารือกับสมาชิก สอบถามหรือเล่าประสบการณ์การใช้ชีวิตในต่างแดน ประสบการณ์ก่อนและหลังสมรส กฎหมายและระเบียบสังคม รวมทั้งประชาสัมพันธ์ธุรกิจ
เป็นที่น่าสังเกตว่า เพจของกลุ่มคนไทยย้ายถิ่นบนเฟซบุ๊กมักเป็นกลุ่มปิด (closed group) ที่มีคนไทยรุ่นใหม่ทำหน้าที่ “แอดมิน”
โดยเพจที่ได้รับความสนใจและมีผู้ติดตามจำนวนมากมักเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตที่สำคัญของคนไทยในเยอรมนี เช่น การสอบให้ผ่านระดับภาษาเยอรมัน B1 เพื่อขอสิทธิพำนักถาวรและการขอสัญขาติ การฝึกวิชาชีพในระบบเยอรมนี การหางานทำ การใช้ชีวิตต่างแดนในฐานะแม่บ้านหรือพ่อบ้านต่างแดน
ในทางกลับกัน เทคโนโลยีสมัยใหม่ช่วยเชื่อมโยงคนไทยข้ามพรมแดน อาจมีส่วนทำให้ชุมชนไทยในเยอรมนีแยกห่างออกจากกัน
หรืออาจทำให้คนไทยรุ่นใหม่มีช่องทางที่หลากหลายขึ้นและเป็นทางเลือกในการติดต่อสัมพันธ์กับกลุ่มคนไทยในเยอรมนี
เพราะ Chat App และโซเชียลมีเดียทำให้เกิด “จุดนัดพบทางเลือก” ที่สมาชิกของกลุ่มไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่เดียวกันด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องมาพบปะเจอกันแบบพบหน้า
กลุ่มในเฟซบุ๊กอนุญาตให้คนที่ไม่รู้จักกันหรือไม่เคยเป็นเพื่อนกันมาก่อนสามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับหัวข้อต่างๆ ซึ่งหลายครั้งนำไปสู่การโต้แย้งระหว่างกันท่ามกลางสายตาผู้อ่านคนอีกหลายพันคน
บางคนใช้พื้นที่สาธารณะนี้เป็นช่องทางในการแก้แค้น ป้ายสี หรือสร้างความเสื่อมเสียแก่บุคคลอื่น
บางคนสามารถสร้างความนิยมและความเป็นผู้นำชุมชน เช่น การเป็นแอดมินในเฟซบุ๊กเพจชื่อดัง เป็นต้น
ในภาพรวมแล้ว อินเตอร์เน็ต เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตผู้ย้ายถิ่นในหลายด้าน เริ่มตั้งแต่การใช้อินเตอร์เน็ตและเว็บไซต์หาคู่เพื่อเปิดโอกาสในการพบปะชาวต่างชาติ การสร้างความรู้จักคุ้นเคย (dating) ก่อนสมรสและย้ายถิ่น
ปัจจุบันคนไทยในเยอรมนีส่วนใหญ่ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีทันสมัยและราคาถูกในการติดต่อ เชื่อมโยงและรักษาสัมพันธ์ของตนเองกับครอบครัว เครือญาติ เพื่อนฝูงในประเทศบ้านเกิด
ในขณะเดียวกันก็สร้างเครือข่ายในกลุ่มคนไทยย้ายถิ่นในเยอรมนี จากแนวคิดการย้ายถิ่นข้ามรัฐชาติ (transnationalism) ผู้โยกย้ายถิ่นฐานยังคงรักษาความสัมพันธ์กับประเทศต้นทาง
ในขณะเดียวกันก็พยายามเข้าสู่สังคมในประเทศปลายทางและสร้างเครือข่ายสังคม (social networks) ภายในกลุ่มของผู้โยกย้ายถิ่นฐานด้วย
ผู้โยกย้ายถิ่นฐานรุ่นใหม่ชาวไทยสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศสมัยใหม่ โดยเฉพาะแอพพลิเคชั่นไลน์ (Line) Whatsapp เพื่อเป็นเครื่องมือในการปฏิสัมพันธ์และสร้างเครือข่ายภายในชุมชนไทย โดยสมาชิกไม่จำเป็นต้องพบปะกันทางกายภาพ
โซเชียลมีเดีย Facebook กลายเป็นพื้นที่การก่อตั้งสมาคมออนไลน์รูปแบบใหม่ซึ่งแตกต่างจากการรวมกลุ่มกันของกลุ่มคนไทยรุ่นก่อนที่นิยมการพบปะพูดคุย รับประทานอาหาร และทำกิจกรรมร่วมกันตามบ้าน สวนสาธารณะ หรือวัดไทย เป็นต้น