เรื่องที่ ‘หนุ่มเมืองจันท์’ อยากเล่า

หนุ่มเมืองจันท์facebook.com/boycitychanFC

 

ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ

หนุ่มเมืองจันท์ / www.facebook.com/boycitychanFC

 

เรื่องอยากเล่า

 

สัปดาห์ที่ผ่านมามี 2 เรื่องที่ประทับใจ

เรื่องแรก เป็นประสบการณ์ฉีดวัคซีนของผม

เพิ่งได้ฉีด “แอสตร้าเซนเนก้า” เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ก่อนวันฉีด ผมเตรียมพร้อมอย่างดี

สั่งข้าวต้มเจ้าอร่อยมาตุนในตู้เย็น

เตรียมเสื้อกันหนาว ยาพาราเซตามอล เจลเย็นแปะหัว ฯลฯ

ตามประสาคนทำมาหากินกับการเขียน

ตั้งใจเลยว่าจะเอาประสบการณ์เรื่องฉีดวัคซีนมาเขียนสักตอนหนึ่ง

ผมมีคิวฉีดตอนบ่าย

ฉีดเสร็จ กลับบ้าน

ผมทำตามคำแนะนำของ “คุณหมอ-ยง” ผู้เชี่ยวชาญเรื่องวัคซีน

ท่านให้กินพาราฯ ดักไว้เลย

เพราะส่วนใหญ่จะเป็นไข้หลังฉีด

มีอาการปวดที่แขนนิดนึงตรงจุดที่ฉีดวัคซีน

ยังไม่มีอะไร

รีบอาบน้ำเร็วหน่อย กะนอนยาว

ยังไงตอนค่ำต้องมาแน่

ไม่มีอะไร

ดูบอลจบ เข้านอน หลับสนิทถึงเช้า

ไม่มีอะไร

ผ่านไปอีก 1 วัน

ไม่มีอะไรเลยยยยยครับ

ไม่มีไข้ ไม่มีผื่น ไม่เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว หัวใจเต้นปกติ ฯลฯ

และไม่มีอะไรจะเขียนสักย่อหน้า

ผมโทร.ถามน้องที่เป็นหมอว่าทำไมไม่เป็นอะไรเลย

“อายุพี่ได้ครับ” น้องตอบสั้นๆ

“แอสตร้าฯ เขาเอาไว้ฉีดคนแก่”

ฟังจบรู้สึกร้อนวูบวาบ

หูแดง หน้าแดง

สงสัยเป็นอาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนครับ

 

เรื่องที่สอง เป็นเรื่องวอลเลย์บอลหญิงไทย

ผมติดตาม “ดรีมทีม” ชุดนี้มาตั้งแต่แรกๆ

ไปดูที่สนามจริงก็เคยไป

ผมได้ดูการแข่งขันนัดสุดท้ายในนามทีมชาติของเธอ

รู้สึกเลยว่าทุกคนเล่นอย่างมีความสุข

ทะลุออกมานอกจอเลยครับ

หลังจบการแข่งขัน ผมเขียนเรื่องนี้ลงในเพจของผม

เริ่มต้นด้วยการเล่าในเรื่องที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อน

“รู้ไหมครับว่าทีมวอลเลย์หญิงไทยชุดนี้เคยคิดจะเลิกเล่นทีมชาติเมื่อประมาณ 9 ปีที่แล้ว”

เรื่องนี้ผมเคยสัมภาษณ์ “โค้ชอ๊อด” และเขียนเล่าในคอลัมน์นี้มาแล้วครั้งหนึ่ง

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2012 ครับ

การคัดเลือกไปแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ญี่ปุ่น

หลังจากลงเล่นจนแมตช์สุดท้าย

ทีมไทยชนะ “คิวบา” ได้

ทุกคนในทีมคิดว่าไทยได้ไปโอลิมปิกแน่

เพราะคู่ต่อไปคือ “ญี่ปุ่น” กับ “เซอร์เบีย”

เราแพ้ “ญี่ปุ่น” 3:0

แต่ชนะ “เซอร์เบีย” 3:0

เห็นผลการแข่งขันแล้ว ทายไม่ยากว่า “ญี่ปุ่น” ต้องชนะ “เซอร์เบีย” แน่นอน

วันนั้น “ญี่ปุ่น” จะชนะเท่าไรก็ตาม

“ไทย” ก็จะได้เข้ารอบ

ยกเว้นอย่างเดียวคือ “ญี่ปุ่น” แพ้

ถ้าแพ้เยอะ “ญี่ปุ่น” ก็ไม่ได้ไป

ต้องแพ้ 2:3 เท่านั้น

ที่ “ญี่ปุ่น” และ “เซอร์เบีย” จะได้ไปโอลิมปิก

ส่วน”ไทย” จะตกจากบันไดแห่ง “ความฝัน”

 

คืนนั้น ทีมไทยนั่งเชียร์อยู่หน้าจอโทรทัศน์ในห้องพัก

ฝันว่า “ญี่ปุ่น” ชนะเมื่อไร

จะฉลองใหญ่กันเต็มที่

จากเสียงเฮดังลั่นใน 2 เซ็ตแรกที่ “ญี่ปุ่น” ชนะ

เสียงเชียร์เริ่มเงียบลง

เมื่อ “ญี่ปุ่น” แพ้ในเซ็ตที่ 3

แล้วเสียงสะอื้นก็แทรกขึ้นมาแทนในช่วงเซ็ตสุดท้าย ก่อนทุกคนจะซบหน้าร้องไห้

ครับ “ญี่ปุ่น” แพ้ “เซอร์เบีย” 2:3

คำถามที่ผมอยากรู้คือ คืนนั้น “โค้ชอ๊อด” คุยอะไรกับนักวอลเลย์หญิงไทย

เขาปลุกปลอบใจคนที่ฝันสลายเช่นนี้อย่างไร

“เด็กทุกคนร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ผมอยู่กับเขาทั้งคืน” โค้ชอ๊อดเล่า

ที่ทุกคนไม่เคยรู้มาก่อนก็คือ นักกีฬาเกือบทั้งทีมจะขอเลิกเล่นทีมชาติ

ทุกคนหมดกำลังใจ

ทั้งที่อีก 10 กว่าวัน ทีมนี้ต้องไปแข่ง “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” ต่อ

ประโยคหนึ่งที่ “โค้ชอ๊อด” พูดกับทุกคนก็คือ เรื่อง “ความฝัน”

เขาย้อนเวลากลับไปยังวันที่ทุกคนยังเป็นเด็กน้อย

ซ้อมกันอยู่ที่ยะลา

“จำกันได้ไหม พวกเอ็งเคยเขียนอะไรเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว”

วันนั้น “โค้ชอ๊อด” ให้เด็กกลุ่มนี้เขียนว่าทุกคนเป็นใคร

“เอ็งมีความฝันอะไรในวันนั้น อยากไปถึงตรงไหน” เขาถาม

“จำได้ไหม”

จำได้ไหมว่าทุกคนบอกว่ารักกีฬานี้

อยากเล่นวอลเลย์บอล

เป็น “คำถาม” ย้อนเวลา ที่กลายเป็น “จุดเปลี่ยน” สำคัญของทีมวอลเลย์หญิงไทย

เมื่อทุกคนพยักหน้า

“โค้ชอ๊อด” ตบท้ายสั้นๆ

“ถ้าเรารักวอลเลย์บอลจริง ก็อย่าให้ใครมาทำลายเรา ทำให้เราเลิกเล่นวอลเลย์บอลเด็ดขาด”

“โค้ชอ๊อด” บอกให้ทุกคนกลับไปลงสนามอีกครั้ง ไปเล่นเวิลด์ กรังด์ปรีซ์อย่างเต็มที่

“ตีชนะให้หมดทุกทีม แล้วค่อยกลับไปร้องไห้ที่บ้านเรา”

เด็กทุกคนกลับลงไปสนามอีกครั้งด้วยหัวใจที่บอบช้ำ

แต่สู้เหมือนเดิม

“เราได้ที่ 4 ตีชนะทุกทีมที่ได้ไปโอลิมปิก”

แต่ “เราไม่ได้ไปโอลิมปิก”

 

ผ่านไป 9 ปี ด้วยอายุที่มากขึ้น

มากที่สุด คือ 40 ปี

น้อยที่สุด 35 ปี

ถึงเวลาที่ทุกคนตัดสินใจวางมือจากทีมชาติ

ส่งไม้ให้กับรุ่นน้อง

แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ทีมชาติชุดปัจจุบันติดโควิด

ทั้ง 6 คนได้รับการร้องขอจากสมาคมวอลเลย์บอลฯ ให้ช่วยลงแข่งในนามทีมชาติอีกครั้ง

เป็นครั้งสุดท้าย

แม้จะไม่ได้ซ้อม ไม่ได้เตรียมตัว แต่ไม่มีใครลังเลใจ

ทุกคนตอบตกลงทันที

ถามว่าทำไม “ตำนาน” ทั้ง 6 คนจึงยอมกลับมาเล่นทั้งที่ร่างกายไม่พร้อม

คำตอบอาจอยู่ที่วันแรกที่ทุกคนเขียนถึง “ความฝัน” ของตัวเอง

เมื่อ “วอลเลย์บอล” คือ “ความฝัน”

คือ “ความรัก”

ทำในสิ่งที่เรารัก

ทำในสิ่งที่เราฝัน

…ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้