หลังเลนส์ในดงลึก : ‘หล่มกับทางเบี่ยง’ / ปริญญากร วรวรรณ

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ
นกแก๊ก - นกแก๊กหนึ่งในนกเงือกที่มีอยู่ในประเทศไทย พวกมันเป็นนกเงือกขนาดเล็กที่สุด ปรับตัวอยู่กับสถาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้เก่งกว่านกเงือกตัวอื่นๆ

 

‘หล่มกับทางเบี่ยง’

 

นอกจากจะใช้เวลาอยู่ข้างกองไฟมากกว่าเวลาในการกดชัตเตอร์แล้ว เวลาที่ผมใช้มากไม่น้อยกว่าการอยู่ข้างกองไฟ คือเวลาที่รถติดอยู่ในหล่ม

การเดินทางในป่าแม้ในฤดูฝน ใช่ว่าเส้นทางจะมีแต่หล่มลึก หรือเนินลื่นไถลตลอดจนถึงจุดหมายหรอก มีหลายช่วงที่ทางดี บางช่วงถึงขั้นไม่ต้องไปด้วยการใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยซ้ำ

แต่ก็มีหลายช่วงที่เป็นหล่มลึก เนินลื่นไถล

เดินทางไปจุดหมาย ระหว่างทางเราพบกับทั้งหล่มลึก และทางเบี่ยงที่เราทำขึ้นเพื่อเลี่ยงหล่มเหล่านั้น

 

กลางเดือนพฤศจิกายน

นี่เป็นช่วงเวลาซึ่งคนทำงานในป่ายอมรับว่า ทางยากที่สุดในรอบปี ไม่ใช่ตอนฝนตกหนักๆ

พฤศจิกายน สายฝนเบาบางลง สายลมหนาวเดินทางมาถึงแล้ว ทางหลายช่วงแห้ง แต่หลายช่วงอยู่ในสภาวะที่เราเรียกว่า “กำลังหนืด” ข้างบนโคลนเริ่มจะแห้ง ส่วนข้างล่างยังคงสภาพเดิม ต้องทั้งขุด ทั้งใช้วินซ์ ถือเป็นเรื่องปกติของการเดินทางในช่วงเวลานี้

บางวันหากไม่มีร่องลึกๆ รวมทั้งทางเบี่ยงอยู่หลายช่วงบนเส้นทางแล้ว หากเงยหน้าดูท้องฟ้า จะพบกับสีครามเข้ม สายลมเย็นยะเยือก ใบไม้เริ่มทยอยร่วง

ในสัปดาห์ก่อน เราอยู่กับสภาพอากาศที่มืดครึ้ม ป่าถูกห่มคลุมด้วยสายฝน เดินทางสู่จุดหมายต้องใช้เส้นทางเบี่ยงในหลายช่วง ทางเบี่ยงอ้อมวกวนออกไปจากทางหลัก แต่มันก็เสียเวลาน้อยกว่าใช้เส้นหลักที่ต้องผ่านหล่มโคลนกำลังหนืด

ท้องฟ้าสีครามเข้มบอกอย่างหนึ่ง การเดินทางจะใช้เวลาน้อยลง เส้นทางดีขึ้น

ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนไปอีกครั้งแล้ว

 

ฤดูฝนผ่านไป ความสัมพันธ์ของคนในป่าเพิ่มมากขึ้น การเดินทางที่ยากลำบาก สร้างมิตรภาพระหว่างคนเสมอ จากคนแปลกหน้าไม่คุ้นชิน กลายเป็นเพื่อน และจากเพื่อนกลายเป็นมิตรสนิท

เมื่อมีรถคันใดคันหนึ่งพบปัญหาติดหล่มลึก ระดับน้ำในลำห้วยสูง หรือพลัดตกสะพาน คนอื่นที่ได้ยินข่าวจากวิทยุสื่อสารจะรีบมาช่วย

คลุกโคลนมอมแมมอยู่ในความมืด มีเพียงแสงไฟหน้ารถ ผลัดกันขุดดิน ใช้รอกดึง เสียงหัวเราะ กระเซ้าเย้าแหย่ เฮ และตบมือสนั่นเมื่อรถขึ้นจากหล่มได้

หล่มลึกนั่น เราจะมาทำทางเบี่ยงในวันรุ่งขึ้น หลายหล่มเป็นคล้ายแอ่งน้ำเล็กๆ ดูไม่น่ามีปัญหา จะรู้ก็เมื่อลงไปติดแล้ว

ส่วนประกอบสำคัญยามรถติดคือ สายฝนที่โปรยปราย

 

ฤดูฝนจากไปพร้อมกับฝูงสัตว์ป่าเริ่มทยอยลงจากการไปหากินบริเวณเชิงเขา มุ่งหน้าสู่โป่งแหล่งอาหารเสริม

“เดินป่าช่วงนี้ระวังๆ หูตาไวๆ หน่อยนะครับ ป่ายังรก จะพบกับกระทิงหรือช้าง มันตกใจพรวดพราดเข้ามาจะหลบกันไม่ทัน” คนเก่าๆ จะเตือนคนใหม่ๆ

ไม่มีสัตว์อันตรายในป่าหรอก แต่สัตว์ป่าที่ตกใจ หรือสัตว์ป่วยนั้นมีโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุได้

 

เดือนพฤศจิกายน เส้นทางบริเวณป่าเต็งรังแห้ง ใบไม้ร่วงคลุมเส้นทาง และลอยปลิวเคว้งคว้างเวลารถแล่นผ่าน

แต่เมื่อจากเนินสูงลงสู่หุบ ซึ่งเป็นป่าไผ่ ด้านขวามือเป็นลำห้วย ที่ริมฝั่งโล่งกว้าง หลังสายน้ำที่เอ่อล้นไหลแรงผ่านพ้น

มีร่องรอยน้ำเอ่อท่วมทางยาวราวๆ 80 เมตร ก่อนข้ามลำห้วยเล็กๆ และขึ้นเนินอีก

บนทางมีรอยช้างเหยียบลึกรอยใหญ่ขนาดเปรียบว่าลงไปนั่งได้ ข้างรอยช้างมีรอยตีนเสือโคร่งกว้างกว่าฝ่ามือประทับไว้

รอยตีนเมื่อเหยียบลงบนโคลนหรือดินนุ่มๆ จะขยายใหญ่กว่าขนาดจริง

เหมือนสัตว์ป่าที่ “ชื่อเสียง” พวกมันจะร้ายกาจเกินจริง

 

ผมหยุดรถลงมาดูสภาพทาง เหลือระยะทางอีกราว 15 กิโลเมตรจะถึงจุดหมาย อันเป็นแคมป์ที่มีเพื่อนสองคนรออยู่

ทางเรียบไม่ขึ้นเนิน แต่ดินที่สายน้ำพัดพามาทับอยู่บนทาง คงสร้างปัญหาแน่ๆ ด้านซ้ายมือเป็นไหล่เขา ด้านขวาเป็นร่อง ถัดไปคือลำห้วย ไม่มีทางเบี่ยง จะไปให้ถึงจุดหมายต้องผ่านทางช่วงนี้ไปให้ได้

“ลองดู” ผมตัดสินใจ ดูจากสภาพทางแล้วรู้ว่ารถคงจมมิดล้อ

 

จริงดังคาด ผมพารถลงไปได้แค่ 20 เมตรรถก็ติดไม่ขยับ จมทั้งสี่ล้อ

ผมขุดดินใต้ท้องรถ ดึงด้วยวินซ์ รถขยับไปทีละเมตร ผ่านพ้นได้ กระนั้นผมใช้เวลาไปร่วมสี่ชั่วโมง

ผมถึงแคมป์ไม่มีคนอยู่ พวกเขาออกไปสำรวจร่องรอยเสือ

ในสภาพมอมแมมทั้งรถและคน ผมจุดเตาแก๊สอันเล็ก ต้มน้ำชงโกโก้

 

ฤดูกาลหมุนเวียนเปลี่ยนไปอีกครั้ง เส้นทางในป่าเริ่มแห้ง รถผ่านพ้นหล่มลึกง่ายๆ ช่วงเวลานี้ ทางเบี่ยงหลายเส้นไม่จำเป็น มันจะรกทึบ และถูกใช้อีกครั้งในฤดูฝนหน้า

เดินทางในป่า หลายครั้งหากจะไปให้ถึงจุดหมายต้องใช้ทางเบี่ยง แต่หลายครั้งเช่นกันที่หล่มนั้นไม่อยู่ในบริเวณที่ทำทางเบี่ยงได้

ไม่สามารถหลบพ้นหล่มได้ ต้องนำรถลงไปทั้งๆ ที่รู้ว่ารถจะติด

การตามรอยเสือ บอกผมอย่างหนึ่ง เสือจะเลือกเดินบนทางซึ่งไม่รกทึบมาก มันหลีกเลี่ยงพื้นโคลนแฉะ กระโดดข้ามแอ่งน้ำเล็กๆ แต่หลายครั้งมันก็เหยียบย่ำไปบนทางที่เป็นโคลน เหมือนหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผมตามรอยพวกมันที่เดินไปล่วงหน้า

 

คืนนั้นในแคมป์ใต้แสงจันทร์นวลยามขึ้น 14 ค่ำ ทบทวนการเดินทางในวันนี้ ผมติดอยู่ในหล่มที่ไม่มีเส้นทางเบี่ยงให้เลี่ยงหล่ม

ในป่ามีทั้ง “หล่มและทางเบี่ยง”

ติดอยู่ในหล่ม คือเรื่องธรรมดาของการเดินทางในป่า

หาทางขึ้นจากหล่มให้ได้เพื่อไปให้ถึงจุดหมาย เป็นบทเรียนที่ดี

 

บางครั้งก็ไม่มีทางเบี่ยงสำหรับเลี่ยงอุปสรรค

หาทางขึ้นจากหล่มให้ได้ จึงสำคัญ