ครัวอยู่ที่ใจ l ทางรอดอยู่ในครัว : ติดฝนสองวัน / อุรุดา โควินท์

 

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: ติดฝนสองวัน

 

ไม่เห็นแดดสองวันเต็ม ฝนแทบทั้งวัน ตกๆ หยุดๆ โดยรวมทั้งบ้านชื้น โชคดีที่เราไม่ได้ซักผ้า ไม่มีความจำเป็นต้องออกไปข้างนอก และสบู่ปลอดภัยอยู่ในห้องแอร์

“ฝนตกไม่ค่อยร้อนเท่าไร แต่เราต้องเปิดแอร์ให้สบู่” เขาว่า

ไม่มีทางเลือก สบู่ไม่ชอบความชื้น สบู่ธรรมชาติดูดความชื้นเก่งมาก สบู่ที่ตากลมครบกำหนดใช้ จึงควรแร็ปป้องกันความชื้นแล้วเก็บในกล่องกระดาษ ส่วนสบู่ที่กำลังตากรอใช้ ทางเดียวที่ช่วยได้ คืออยู่ในห้องแอร์

“ครูบอกว่า ครูหยุดทำสบู่ในฤดูฝน เพราะควบคุมความชื้นไม่ได้” ฉันบอกเขา “นี่ฤดูฝนแล้วสิ พูลืมไปเลย ควรหยุดมั้ยนี่”

เขาหัวเราะ “ไม่ทันแล้วล่ะ”

“ไม่แน่นะ ครูไม่ทำเพราะยุ่งยาก แต่เราอาจทำได้ กะอีแค่ระวังความชื้น จะอะไรนักหนา เปิดแอร์ก็จบ” ลูบหัวหมา “จริงมั้ยท้าวฮุ่ง”

ฮุ่งเป็นหมาติดแอร์ กลับมาจากเดินเล่น ไปเที่ยว ฮุ่งเดินไปหาห้องแอร์ ถ้าเราไม่เปิดแอร์ ฮุ่งจะมานั่งใกล้ๆ จ้องตา ฉันอ่านสายตาได้ว่า-พู ทำไมร้อนชอบกล

ไม่รู้ฉันเปิดแอร์ให้อะไรกันแน่ ท้าวฮุ่งหรือว่าสบู่ รู้แต่ว่า มันคุ้มแล้วล่ะ ถ้าต้องเปิดแอร์ในฤดูฝนบ้าง

 

ปัญหาใหญ่ตอนนี้ คือฉันไม่ชอบไปตลาดตอนฝนตก และต่อให้ไป แม่ค้าก็น้อย

เมื่อเช้าเรากินอะไรที่ง่ายมาก ฉันทำไข่กวน ทอดหมู กินกับมันบด

มีขนมปังกับแฮม ฉันทำแซนด์วิชเป็นมื้อกลางวัน ใส่แฮม ใส่ไข่ มีมะเขือเทศลูกหนึ่ง จัดลงไปด้วย ตบท้ายด้วยกาแฟร้อนคนละแก้ว ต่างแยกย้ายทำงาน

หวังว่าพรุ่งนี้ฝนไม่ตก จะได้ไปตลาดเสียที

“เราไปตลาดตอนนี้ได้ คงมีแม่ค้าบ้าง แค่ขับรถฝ่าฝนไป กางร่มเข้าตลาด แต่ทำไมขี้เกียจจัง” ฉันว่า

เขาวางมือจากงานแปล หันมาบอก “เพราะเราทำงานติดลม เอาน่า กินไข่ทอดได้”

ฉันส่ายหัว เขาน่ะ เอะอะก็ข้าวไข่เจียว หรือไม่ก็ต้มบะหมี่สำเร็จรูป

ฉันไม่อยากกินนี่นา

ไม่อยากกินไข่ทอด ไม่อยากไปตลาด และเชื่อเถอะ สั่งแกร็บต้องไม่มีคนรับงาน พวกเขาน่าจะอยู่บ้านจิบเบียร์

วันก่อน แม่เอาผักมาให้ถุงหนึ่ง แม่ว่าลูกศิษย์ให้ แม่ขี้เกียจแกง ฉันทิ้งมันไว้ในตู้เย็น เพราะไม่นึกอยากกินแกงผัก ฉันเกือบจะลืมผักถุงนั้นไปแล้ว ถ้าฝนไม่ตกติดกันสองวัน ฉันคงไปตลาด ซื้ออย่างอื่นมาทำ ปล่อยให้ผักเหงาต่อไป

มีปลาแห้ง แต่ไม่มีกระดูกหมูทำซุป ไม่เป็นไร ฉันจะใส่หัวหอมในน้ำพริกแกงให้เยอะขึ้นหน่อย

ผักยังดูดีเป็นส่วนใหญ่ เหี่ยวลงบ้างตามสภาพ สารภาพว่า บางชนิดฉันไม่รู้จักชื่อ ดูแล้ว ลูกศิษย์แม่คงเก็บผักข้างรั้วมาฝากครู น่ารักจริง

จับล้างให้สะอาด เด็ดใส่ถาดเตรียมไว้

อืม…ผักน้อยไปสักนิด ฉันกางร่มไปดูผักเชียงดาหลังบ้าน ได้มาอีกกำใหญ่

ขำตัวเอง ขี้เกียจตากฝนไปตลาด แต่ไม่ขี้เกียจกางร่มไปเก็บผัก เอาเข้าจริง ก็คือไม่อยากออกจากบ้านนั่นเอง

 

แวะซื้อข้าวเหนียวจากบ้านตรงกันข้ามครึ่งกิโล แค่ได้กลิ่นข้าวนึ่งใหม่ก็รู้แล้วว่ามื้อนี้ต้องเจริญอาหาร

น้ำพริกแกงเหนือ เรียบง่ายที่สุด ถ้าแกงใส่ปลาแห้ง เราใช้พริกแห้ง หอม กระเทียม เกลือ ตำให้แหลก แล้วค่อยเติมกะปิครึ่งช้อนชา

น่าแปลกที่น้ำพริกแกงเดี๋ยวนี้ แกงกับผักได้หลากหลาย ให้รสชาติที่เปลี่ยนไป ถ้าเราแกงแต่ผักกาดแล้วใส่กระดูกหมู จะได้แกงที่มีกลิ่นและรสอีกแบบ ผักกาดมีรสขมที่ปลายลิ้น และมีกลิ่นเฉพาะตัว ถ้าไม่ใส่มะแขว่นสักหน่อย ฉันมักแกงให้เผ็ดขึ้น

วันนี้เราไม่มีผักกาด และเราแกงผักกับปลาแห้ง ฉันอยากแกงให้กินง่าย ซดน้ำแกงสบายๆ

ใส่น้ำในหม้อนิดหน่อย พอน้ำร้อน ใส่น้ำพริกแกงลงไป บางครั้งฉันใส่ปลาร้า แต่ครั้งนี้ ฉันอยากได้แกงที่สะอาดสะอ้าน ฉันจะใช้แค่น้ำพริกแกงซึ่งมีกะปิราวครึ่งช้อนชาก็พอ

หักปลาแห้งเป็นชิ้นใหญ่ลงหม้อ พอน้ำเดือดอีกที ค่อยใส่ผักทั้งหมดลงไป เหยาะน้ำปลา และฉันขอแหกกฎของยาย ด้วยการตัดน้ำตาลปลายช้อน

 

ผักใบเขียวไม่นานก็สุก จากที่เขียวเข้มบ้าง เขียวอ่อนบ้าง ใบเล็กบ้าง ใบใหญ่บ้าง ก็กลายเป็นเขียวเดียว ราวกับเป็นผักชนิดเดียวรวมอยู่ในหม้อ

ถ้าไม่สังเกตดีๆ ก็ดูไม่ออกว่ามีผักอะไรบ้าง รู้แต่ว่าเป็นแกงผัก และถ้ามีคนถาม-แกงหม้อนี้มีรสอะไรนำ ฉันคงตอบไม่ได้

มันเป็นรสของแกงเมือง รสซึ่งผักได้แสดงตนอย่างเท่าเทียมกับน้ำพริกแกง มีความเค็มของน้ำปลาดึงรส และน้ำตาลที่แอบใส่ช่วยให้รสกลม

ฝนลงหนักตอนที่ฉันตักแกงใส่ถ้วย แกงผักร้อนๆ ข้าวร้อนๆ และไข่เจียวร้อนๆ ช่างเหมาะกับวันติดฝนจริงๆ