เหล้าเบอร์ 19 : เรื่องสั้น

(19. ที่สุดแล้ว ในแต่ละคืนที่ผ่าน ฉันเพียงชโลมเลี้ยงความเดียวดายเอาไว้ ใช่ ฉันไม่เคยก้าวข้ามมันไปได้ ฉันนั้นขลาดเขลา)

เรือสำราญขนาดยักษ์กำลังแล่นไปในมหาสมุทรลึกลับชวนสะพรึงด้วยอำนาจอันกว้างและลึก ผมกำลังนั่งดื่มเหล้าเบอร์ 51 (51. ปรากฏว่ามีความในใจมากเกินไป เหมาะแล้วที่สิ่งควรงามห่างไกลจากปรารถนาแห่งฉัน) อยู่ในบาร์ซึ่งเดินทางมาแล้วรอบโลกไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ ในหัวก็คิดถึงคำพูดคำตอบล่วงหน้าที่คิดว่าจะใช้อีก แล้วมันคงจะเจ็บปวดไม่ต่างจากสองครั้งหลัง

“อย่าเลยครับ เกรงจะเสียเวลาเปล่า ผมไม่ใช่คนดีเด่อะไร ขี้เหล้าเมายา ยากจนข้นแค้น ด้านในและด้านนอกสกปรกเกินกว่าจะเป็นเพื่อนกับใคร ไม่มีสิ่งใดจะเอาไปอวดใครได้ หนำซ้ำยังมีแต่เรื่องราวน่าสมเพชประกอบเป็นชีวิต พอได้ยินเข้าไม่ชวนอ้วกก็ต้องอาเจียนออกมา แล้วสิ่งที่ยืนยันได้คือผมไม่ค่อยมีเพื่อนและไม่มีครอบครัว ทั้งๆ ที่ใบหน้าผม ผมผม และเครื่องเพศแสดงชัดแล้วว่าล่วงเวลาอันสมควรมาแล้ว ฉะนั้น สิ่งดีเดียวที่ผมจะมอบให้คุณได้ในฐานะเพื่อนมนุษย์ คือสิ่งที่ผมพูดไป ลาก่อน”

ผมจากใครบางคนมา มานั่งขังตัวเองอยู่บนเรือ ครุ่นคิดถึงการสูญเสียและได้มาซึ่งการอวดโอ้ รวมถึงจินตนาการชิ้นใหม่ที่ปนเปกับความจริงในอดีต ผมเคยนอนกับหญิงสาวมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 คน อ่านหนังสือมาแล้วไม่ต่ำกว่า 15 ปี ปีๆ หนึ่งมันสูงราว 1 ฟุต แต่สติปัญญาอันโง่เขลาดักดานก็ไม่ได้สูงตาม จิตใจก็ไม่ถูกถนอมให้งามแต่อย่างใด

นางแบบสาวผู้มีผิวเนื้อใต้วงแขนเนียนนวลเหมือนก้นเด็กเคยเอื้อนเอ่ยเทิ้มๆ ว่าเธอหลงใหลในเครื่องเพศอันตั้งชัน เต่งตึง และร้อนรุ่มเต็มแก่ของผม ยิ่งห้วงสัมผัสลำแน่นเคลื่อนคล้อยไปตามร่องชื้นฉ่ำแฉะ สุ้มเสียงได้จรรโลงแล้วสุนทรียะทางเพศ ครั้นเมื่อเข้าไปถึงที่สุด ภายในได้กอดรัดเต็มอิ่ม สุนทรียะเนิบช้าก็ตวัดความรู้สึกเป็นเร้าร้อนรุนแรงเฉดชัด

ผมไม่รู้ว่าจะภูมิใจในมันไหม เพียงแต่จดจำมันได้เป็นอย่างดี เธอรู้ เหมือนคำพูดที่เธอบอก วิธีคิดของผมช่างมีเสน่ห์และแตกต่างจากภาพรวมของคนทั่วไปที่เธอเห็น ซึ่งผมคิดว่ามันไม่ใช่ความคิดของเธอหรอก เธอมองผมอย่างหยาบ ความคิดของผมก็เช่นกัน ผมกับเธอเอามโนทัศน์ความคิดทั้งมวลมาจากผู้อื่นทั้งนั้น จะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม

ความขุ่นมัวกร่อนใจ ดวงตาหลุบลงจนคล้ายคนเศร้า ผมสั่งเหล้าเบอร์ 7 (7. ดีแล้ว เกิดมาครั้งหนึ่งเธอได้ใช้ความรักพร้อมกันกับเขา และได้ใช้ห้วงเสพสมครอบครองฉัน) แล้วมองออกไปยังผืนน้ำเขียวแผ่กว้างและเปลี่ยนไปเป็นน้ำเงินเทาจนสุดตา อะไรคือเสน่ห์ที่เธอว่า อาจเป็นเพราะผมชักเข้าชักออก ไม่ได้ใช้คำตอบที่คิดไว้ล่วงหน้ากับเธอจริงจัง และเธอกลายเป็นคนสุดท้ายที่ผมได้จับต้องดอมดมเอากาย

เพียงครู่ ภาพนางแบบสาวก็ถูกแทนที่ด้วยหญิงสาวสองคนแรก ซึ่งผมได้ใช้ถ้อยความนั้น ผมไม่รู้ว่าพวกเธอรู้สึกอย่างไร แต่ผมปรารถนาจะมีสัมพันธ์สวาทกับทั้งสอง เธอคนหนึ่งดูเหมือนจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ ทำวิจัยให้กับมหาวิทยาลัย เรือนร่างเอิบอิ่มมีน้ำมีนวล อกอูมมักถูกกดไว้ด้วยชั้นในคับติ้ว แววตาคมกลมโต ดวงหน้ามีแต่สุขและไร้เดียงสาไกลใคร่คาวโลกีย์ ผมจึงต้องเผยท่วงท่าเลี่ยงหลบ ก้มหน้าก้มตาแสดงความชิงชังเดียดฉันท์เมื่อเจอเสน่ห์เธอทุกครั้งไป

ผิดกับในค่ำคืน ผมกลับหมกมุ่นอยู่กับเธอ คิดถึงหน้าเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า โหยหาจะกกกอด เลยเถิดไปถึงหลงใหลน้ำลายเธอ กลิ่นของมัน ความลื่นไหล และรสสัมผัสที่เธอลูบไล้ลงมือ แผ่วเบา คลึงปลาย และลงหนักจนถึงพวงผล ครั้นเธอใช้ริมปากบางเม้มหัวหยัก อวดครวญอยู่ในคอพร้อมหลืบเร้นแห่งปรารถนา ซึ่งสัดส่ายแอ่นตามเรือนลิ้นฉวัดเฉวียน เมื่อกลีบนวลคาบลำถูไถ เราระงมอึงอลก่อนจบลงอย่างเปรมปรีดิ์ ราวกับคนรักที่ออดอ้อนออเซาะกันเพื่อให้หลับใหลวาบหวามและตื่นขึ้นชื่นชีวา

ผมเป็นเช่นนี้กับนักวิจัยของผมอยู่พักใหญ่ เสร็จสมอารมณ์หมายกับเธอนับครั้งไม่ถ้วน ทั้งในแบบภาพแทนและภาพประทับ แล้วเย็นวันที่ผมได้ใช้ถ้อยความนั้นกับเธอก็มาถึง ผมไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่รู้เธอโผล่มาจากไหน มายืนจ้องผม มองผมราวกับเป็นเหยื่อซึ่งกำลังจะถูกล้างแค้นจากการกระทำอันโสมม ผมไม่รั้งรอให้เธอพูดคำใด รีบท่องประโยคที่จำขึ้นใจให้ฟังทันทีและจ้ำเท้าจากมา

ไม่นานเมื่อผมเจอเธออีกคน ผมก็เคลิ้มชวนฝันปันใจไปกับเธอซึ่งเป็นผู้ช่วยพยาบาลสาวใฝ่รู้ ฟังหมอพูดทุกคำความ เก็บเกี่ยวมันดังดอกผลแสนหวาน ที่ตรึงใจคืออากัปและการสงวนถ้อยคำพึงระวังให้ผู้อื่นปลอดภัยสบายใจเสมอ ตอนเธอเผลอพลั้งกายเอื้อมมือผ่านตัวผมเพื่อไปปิดเครื่องมือ สาบเสื้ออวบอิ่มก็แนบชิดติดอก ผมรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกในช่วงเวลาแสนสั้นนั้น

ทั้งๆ ที่เพิ่งเสร็จจากผ่าตัดเล็กๆ แสนเจ็บปวด

ตรงบาร์นั้น ผมยิ้มเพียงลำพังเมื่อคิดถึงอุ่นอกเธอ พนักงานแนะนำให้ดื่มเหล้าเบอร์ 19 (19. ที่สุดแล้ว ในแต่ละคืนที่ผ่าน ฉันเพียงชโลมเลี้ยงความเดียวดายเอาไว้ ใช่ ฉันไม่เคยก้าวข้ามมันไปได้ ฉันนั้นขลาดเขลา) ผมเอียงคอยิ้มรับคำเขา

“คุณ แล้วคุณมีชีวิตอยู่อย่างนี้เพื่อ … อะไรกัน” พนักงานประจำบาร์เหล้าถามผม ผมก็ได้แต่ส่ายหน้าช้าๆ ว่าไม่รู้ แล้วเขาก็ปล่อยให้ผมดำดิ่งไปในจินตนาการ

ผมคิดกับเธอคล้ายกับที่คิดกับนักวิจัยสาว ยามเช้า พลบค่ำ และกลางดึก เราร่วมรักกัน ผมมักเริ่มจากการนวดเฟ้นเธอโดยเฉพาะต้นขาและน่อง เส้นเลือดหลากสีของคนที่ยืนทำงานนานๆ มักกองปรากฏชัดอยู่ตรงนั้น ผมไม่อยากให้เรียวขาของเด็กสาวคนรักต้องบอบช้ำ น้ำหนักมือจึงเริ่มจากปลายเท้าช้าๆ ย้ำๆ ตรงฝ่าเท้าให้เธอจักจี้ ผ่านข้อเท้ากำรอบ และหยุดตรงน่องผ่องอยู่ครู่ใหญ่

เธอสุขสมผ่อนคลาย ผมรู้สึกได้ ยิ่งไล้มือขึ้นไปใต้กางเกงสั้นกุดหลังต้นขา เธอยักย้ายวูบไหว ผมใช้นิ้วหัวแม่มือทั้งสองกดลงใกล้กลีบดอกอ่อนไหว แปดนิ้วสองใบมือคลึงเคล้าไปกับดวงก้นแน่นหนับ เมื่อเธอครางปรามผมไปอย่างนั้น เป็นรู้กันว่ากลิ่นใคร่โชยชายออกจากตัว เธอขยับเรียวขาตามจังหวะให้เปลือยง่าย ทั้งชั้นนอกและชั้นในถูกลากออกพร้อมๆ กัน แล้วท่อนเนื้อซึ่งเต้นตุกก็มุดมู้ลงไปตรงหว่างก้นชิดรอยร่องที่เริ่มยับย่น

ความแนบแน่นที่เหนียมหนีบรัดเร้าให้เนื้อหยาบล่ำสันลงลึกและถอนยาว ให้ช่องฉ่ำสอดรับโต้ขืนคืนหนัก มันอัดอืดนานจนต้องถ่ายถอนเปลี่ยนท่าเพื่อบรรเทา มือบางใส่ใจจับถนอมเนื้อร้อนสอดใส่เหมือนคนกลัวหนาว ท่วงท่าสัมผัสนั้นทำผมสะท้านสะเทือนทุกครั้งไป เธอรู้ ผมรู้ หนำซ้ำยอดถันแต้มสีกุหลาบอ่อนที่โยกย้ายขึ้นลงโหมให้เนื้อผ่าวยืดยาวและกำยำขึ้นไปอีก ยิ่งตับตับกระแทกรับหอบถี่ ยิ่งได้ใกล้กระชั้นการหลุดร่วงจากราคะไปคราหนึ่ง

บางวันเราร่วมรักกันหลายครั้งราวกับกลัวว่าวันพรุ่งนี้เราจะจากกันอย่างไม่มีวันได้เจอ ผมไม่รู้เหมือนกันว่า ผมรักเธอหรือเปล่า หรือผมรักเธอมากกว่าใครหรือไม่ ถึงได้พูดถึงเธอมากกว่าใครเพื่อน

“รสเหล้าเบอร์ 19 เป็นยังไงครับ ใช้ได้ไหมครับ” พนักงานบาร์เอ่ยถาม

“ผมขอเหล้าเบอร์ 26 (26. ฉันคิดว่าความเดียวดายมันกินลึกลงไปในความหมายของชีวิตฉันมากกว่าความรักไปเสียแล้ว) ผมชอบตัวนี้นะ ขายดีไหม”

“สองเบอร์นี้ เบอร์ 16 (16. นั่นสิ ฉันอยากให้แก้มของฉันระเรื่อด้วยคมปากแห่งเธอ) กับเบอร์ 17 (17. นั่นสิ ฉันก็อยากให้เรือนคอแห่งฉัน แดงระเรื่อด้วยคมฟันใต้จูบเธอ) ครับ เป็นที่นิยมที่สุด มักจะใช้ดื่มร่วมกัน เหมือนกับว่าไม่มีเหล้าเบอร์ใดใช้ชีวิตอยู่โดดๆ ได้ มันมีคู่ซึ่งต้องอ้างอิงถึงกันเสมอ คิดถึงกันเสมอ อะไรทำนองนั้นน่ะครับ”

“คุณเข้าใจนำเสนอดีแท้ แล้วผมจะลอง หมดแก้วนี้ ผมขอเหล้าเบอร์ 54 (54. ฉันนั้นน่าเดียดฉันท์ด้วยหน้าแท้บนกองกาย ดวงหน้าอันเล่าความไม่หมดตามใจโดยสันดาน ให้ผู้ที่ฉันมุ่งหมายน่าชิงชัง)”

“ยินดีครับ คุณเลือกได้ดีทีเดียว”

จนแล้วจนรอด ผมก็ใช้ความขึ้นใจนั้นกับเธอ หลังจากเธอปรี่มาหาผม ผมเห็นเธอแต่ไกล รอยยิ้มเปื้อนหน้าเธอเพราะมั่นใจว่าแววตาผมไม่ได้โกหกตั้งแต่เราพบหน้าและสาบเสื้ออิ่มเอิบแนบอก ผมไม่รู้เธอรู้สึกอย่างไร อยากอธิบายสิ่งไหน ผมพูดจบก็จ้ำจากมาโดยไม่เหลียวหลังกลับไปมองเพราะไม่คิดว่าเธอจะส่งจุ๊บน่ารักน่าชังซึ่งไม่ใช่จูบเร่าร้อนให้

ยามเย็น ท้องฟ้าสดใส ลมเอื่อยเฉื่อย เรือแล่นตรง คนเรือเริ่มครึกครื้น ปาร์ตี้สระน้ำกลางเรือกำลังจะเริ่มต้น ผมเลือกตำแหน่งแห่งที่ที่ดีอยู่ก่อนแล้ว บาร์ท้ายเรือ คนไม่พลุกพล่านเพราะห่างจากความสนุกสนาน แต่ก็สามารถเห็นเรื่องราวจากที่สูงได้ง่าย แล้วพนักงานสาวประจำบาร์ทรงงาม อัธยาศัยดีก็เดินมาดมั่นมาเข้างาน

ชุดว่ายน้ำสองชิ้นโดดเด่นของเธอตรึงใจ ดอกหน้าวัวกาบหุ้มช่อสีแดงสดประดับตรงดวงหน้ายิ้มแย้มที่สองซึ่งอยู่กลางตัว ปลีดอกเหลืองอร่ามน่าขบเม้มเสียเกินทน ผมมักคุ้นกับเธอได้สามสี่วันแล้วตั้งแต่เรือออกจากท่า อูมอกขาวใต้ดอกไม้แดงกระเพื่อมเล็กน้อยตามจังหวะก้าวเดิน เธอยิ้มทักทายผมเล็กน้อย ก่อนจะไปง่วนอยู่กับการพูดคุยกับพนักงานบาร์ผู้อมภูมิ

ในขณะที่ผมนั่งพูดกับตัวเองในใจเลาๆ ว่า คนห่าอะไรจะน่ารักในระดับเล่นหนังโป๊ชิ้นงามได้สักยี่สิบเรื่องก็ไม่บุบสลาย เธอก็มานั่งข้างๆ โดยที่ผู้ซึ่งเคยช่ำชองอย่างผมไม่รู้ตัว กิริยาในที่แจ้งเช่นนี้ แน่นว่าในหลืบเร้นเงียบงัน เมื่อเธอต้องการการหลุดลอย มันต้องกึกก้องเกินต้าน แล้วเธอก็ได้รู้ความคิดผมจากเหลี่ยมตาอันพลั้งเผลอ ช่างมัน ถ้าเธอจะคิดว่าผมดูแคลนเธอ ซึ่งนั่นก็ดีแล้ว ใครจะอยากให้ความในใจที่เพียรพยายามก่อร่างสร้างมาต้องพังลงเพราะความมักง่าย

เอาแล้วไง เธอเอาด้านในนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ขยี้หยอกปีกจมูกผม ผมกลายเป็นเพื่อนเล่น แต่ผมก็ไม่ได้ชักสีหน้าเบ้ปากแต่อย่างใด หนำซ้ำยังหลับตาย่นจมูกส่ายหน้าน้อยๆ ออดอ้อนเอาใจ บางทีหนึ่งชีวิตก็มีค่าเพียงการทำให้ช่วงเวลาสั้นๆ ของใครสักคนอิ่ม เราจึงมีจูบบางให้โหยหา จูบบางซึ่งกัดกินไปจนถึงรากเหง้าปมกระสันจนราคะขับเคลื่อน ที่เหลือก็รอเพียงเวลาอันสมควร

มันออกจะแปลกแยกเสียหน่อย เธอว่าเหล้าเบอร์ 16 ที่ผมสั่งให้รสชาติประหลาดเพราะเพิ่งเคยดื่ม ตั้งแต่ออกเดินทางเธอดื่มแต่เหล้าเบอร์ 49 (49. เราต่างขายตัวตนให้บางสิ่งกันอยู่แล้ว เพียงแต่จะเรียกมันว่าอะไร ฝัน อุดมการณ์ หรือปากท้อง ฯลฯ) ซึ่งกลมกล่อมและเอาอยู่โดยไม่ให้ฤทธิ์นุ่มลึกกล่อมเกลาจนประคับประคองตัวเองไม่ไหว

ผมว่าเธอน่าสนใจเข้าไปอีก แลดูเธอมีความในใจบางอย่างเหมือนกัน ลักษณะร่วมกันของบางสิ่งนั้นมักจะทำให้ความใคร่แรกเริ่มเป็นไปอย่างมีที่ทางให้ขยับขยายหรือหนต่อๆ ไป ถ้าทั้งกลิ่นใคร่และกลิ่นกายของเราไม่เหม็นเน่าไปเสียก่อน มันธรรมดาหรือเปล่า ถ้าน้ำที่มีลักษณะเฉพาะคือคาว มันหวานได้เพราะลิ้นสวาทพาไป สักครั้งสักวันหนึ่งมันคงจะคาวเหม็นโฉ่จนต้องเบนหน้าหนี ผมล่ะกลัวเหลือเกินว่ามันจะเกิดเร็วไป

เหมือนโชคชะตาเล่นตลก ผมเห็นนางแบบสาวคนคุ้นตา เธอสวมชุดว่ายน้ำสองชิ้นสีส้มสดสวย เรือนฟันขาวสะอาดเรียงชิดเป็นระเบียบ ผิวปากเหนือคางคมระบายสีชมพูอมส้มวับวาว สันจมูกเรียบเอียงเด่นเสมอจรดปลายได้รูป ดวงตามนรีสดใสสมกับสาวรุ่นใต้เปลือกตาสองชั้น สองแก้มนวลเนียนเร้าปรารถนาให้หลังนิ้วทั้งผืนลงสัมผัส ยิ่งผืนผิวผ่องบนคันคิ้วโก่งงอนหยาดเยิ้มปานน้ำผึ้ง ปากอุ่นก็อยากเม้มกลืนรส

เป็นเธอ เธอสวยขึ้นเป็นกอง ท่วงท่าเฉิดฉายซึ่งไม่เคยมี มันทอประกายแจ่มจรัส เธอคงสังเกตผมมาแล้วหลายวัน ที่เธอปรากฏตัวให้ผมเห็นเช่นนี้ จะเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจากให้ผมตกตะลึงพรึงเพริดและเสียดายเหลือแสน เธอนั่งลงที่อีกฝั่งของบาร์ยาว ทำทีไม่เห็นหรือรู้จักผม แล้วก็คงสั่งเหล้าสักเบอร์หนึ่ง ก่อนจะหันหน้าหันตัวออกไปมองทิวทัศน์ผู้คน

คิดอีกที เดาว่าเธอคงรอคนรักซึ่งกำลังจะตามมา ผมคงต้องยินดีกับเธอในใจ ทุกอย่างกำลังจะกระจ่างชัดว่าผมนั้นคิดถูกแล้ว เธอคนสุดท้ายในชีวิตได้จากไปพบสุข ใครเล่าจะงามได้ดั่งวีนัสถ้าภายในทุกข์ตรม บนเรือนี่ มันอาจเป็นการฉลองหลังแต่งงานของเธอกับเขา ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับผมว่าจะแสดงความสุขออกมาได้แนบเนียนเพียงใด เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกผิดหลังจากฝังแฝงความเย้ยหยันมากับความงาม

“ถ้าคุณอยากรู้ว่าเธอสั่งเหล้าเบอร์อะไร ผมทำให้คุณลองดื่มได้นะครับ” พนักงานประจำบาร์ถามผม ขณะที่พนักงานสาวออกไปทางอื่นพร้อมเหล้าสองเบอร์

“ขอบคุณครับ แต่ไม่ดีกว่า อ่า ผมนึกออกแล้ว พอจะมีเหล้าเบอร์ไหนไหมครับ ที่คุณอยากทำ แต่ไม่มีใครเคยถามถึง อะไรแบบนั้นน่ะครับ” พูดจบผมก็ยิ้มให้เขาอย่างจริงใจ

แววตาเขาหยุดกึกแล้วปาดมองผมประหนึ่งปราชญ์ชราผู้ถูกเด็กหนุ่มเท่าทัน ก่อนจะเผยยิ้มอบอุ่นมุมปากอย่างที่คนวัยใกล้กันพึงมี

“มีครับ รอซักครู่ ผมจะทำให้สุดฝีมือ”

แล้วชายคนนั้นก็ปรากฏตัว เขามีอยู่จริง คนที่เธอรอคอย คนที่ผมรอคอย สิ่งหนึ่งซึ่งยืนยันความเป็นผม โอบกอดนั้น จูบเปี่ยมรัก ผมหลุบตา ก้มหน้า และ…

“ผมให้ชื่อเขาว่า เสาะหาความงามแล้วชื่นชมมัน ครับ ขอให้มีความสุขกับการดื่มครับ”

… รอยยิ้มตรงหว่างขาสะอ้านก็ส่งยิ้มให้

“รอเดี๋ยวนะคะ ขอลองด้วย อยากชนแก้วด้วยอะค่ะ ท่าทางจะอร่อยที่สุด น่าค้นหาดีจริงเชียว”

เมื่อพนักงานบาร์คล่องแคล่ว วาดจังหวะเอี้ยวตัวเหมือนทำเหล้าเบอร์ยอดนิยม ผมหวนทบทวนความขึ้นใจอีกครั้ง เพราะเข้าใจความหวังดีของพวกเขาทั้งสองดี ไม่มีคำประโลมใดเยียวยาผมได้ นอกจากคำครวญยวนเย้าของใคร่อันเป็นที่รัก

“มาค่ะ แด่ความงามที่เราเสาะหาและจะสร้างมันขึ้นมาด้วยกัน”

ผมเบือนหน้าหนีจากความงามของเธอ “ถ้าตัวตลกอย่างผมพอจะมีความหมายนะครับ คืออย่างนี้ครับ เวลาผมถูกชวนก็ในฐานะตัวตลกน่ะครับ ไม่ใช่เพื่อให้สนุกเพราะสนุก แต่เพื่อให้สนุกเพราะเจอคนที่น่าสมเพชกว่า หวังว่าคุณคงไม่คิดกับผมอย่างนั้นนะครับ”

ชายหนุ่มรูปงามแต่ท่าทางหมองเศร้าเล่าส่วนเสี้ยวในชีวิตเขาเพียงเท่านี้ จากนั้นก็เดินดุ่มเพียงลำพังกลืนกลายหายไปในหมู่คนผู้ป่วยไข้ ฉันเองก็เคยลิ้มรสน้ำคำความรู้สึกเช่นเขามาบ้างจึงอยากลองทำหรือผสมเหล้าดูสักเบอร์ ให้ทั้งตัวเองและผู้อื่นได้เชยชมด้วยใจใฝ่หา